เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2568 ประชาชนคนไทยก้าวเท้าออกมาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเนืองแน่น เนืองนอง ล้นทะลักฝนตกหนักก็ไม่ถอยไม่ใช่เพราะใครคนไหน หรือเป็นมวลชนของใคร
แต่เพราะปรากฏหลักฐานข้อเท็จจริง ตำตา-ตำใจ ว่ามีผู้นำรัฐบาลทรยศชาติ พยายามเอาราชอาณาจักรไทยไปเป็นเบี้ยล่างอังเคิลฮุนและพวก โดยมีผลประโยชน์แอบแฝง บ่อนทำลายอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทย
ดังปรากฏคลิปเสียงสนทนาระหว่างหลานกับอังเคิล แบบที่ไม่เคยมีผู้นำประเทศคนไหนทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียเกียรติขนาดนี้
ประชาชนคนไทยได้ออกมาทำหน้าที่อย่างสง่างามแล้ว ถึงเวลาผู้มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาฯ ศาลยุติธรรม ป.ป.ช. กกต. สส. สว. ทหารแห่งกองทัพไทย ฯลฯ ต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมศักดิ์ศรีด้วย โดยเฉพาะอำนาจตุลาการบ้านเมือง
1.การชุมนุมของคนไทยปกป้องอธิปไตยแผ่นดิน เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.นั้น ลบคำปรามาสของฝ่ายรัฐบาลลงไปอย่างสิ้นเชิง ที่ประเมินว่าจะมีคนออกมาชุมนุมไม่ถึง 3,000 คน
ของจริง ประชาชนออกมาแสดงพลังหลายหมื่นคน
ประชาชนได้ร่วมกันร้องเพลงชาติ ดังกระหึ่ม จากนั้นนายนิติธร ล้ำเหลือ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์
เนื้อหาบางส่วนระบุว่า“...น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไร้ความสามารถ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกนโยบายทําลายความมั่นคง ทําลายสถาบันหลักของชาติ กระทําการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มีพฤติการณ์ตามที่เป็นข่าวสาธารณะในเชิงสมคบคิดและแสดงออกซึ่งเจตนาในการใช้อํานาจหน้าที่ ไปในทางตอบสนองต่อความต้องการของอริราชศัตรู ทั้งแสดงตัวตนด้วยคําพูดและการกระทํา ที่ทําให้เข้าใจได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกับอริราชศัตรู ที่มีความมุ่งหมายรุกล้ำละเมิดอํานาจอธิปไตยต้องการยึดครองแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรของชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน และขัดต่อคําถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน แม้ปรากฏข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดตามข่าวสาธารณะและการยอมรับของนายกรัฐมนตรี บรรดาคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงสนับสนุนให้ แพทองธาร ชินวัตร ทําหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จึงอาจถือได้ว่าเข้าร่วมกระทําการกับนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทําความผิดตามกฎหมายอาญา กระทําการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเฉกเช่นเดียวกัน
เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความมั่นคง และอํานาจอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม
ให้แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที
และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที
พร้อมทั้งขอให้ประชาชนเป็นขวัญกําลังใจยืนเคียงข้างทหารรวมกันทําหน้าที่ ปกป้องแผ่นดิน และอํานาจอธิปไตยของชาติอย่างกล้าหาญมั่นคง แล้วรวมกันปรึกษาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครองที่เหมาะสมกับสถานการณ์และอัตลักษณ์สังคมไทย โดยยึดถือหลักศีลธรรมหลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และหลักธรรมาภิบาล อันจะทําให้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาจนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งในด้านการเมืองเศรษฐกิจ สังคม และดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศสืบไป…”
2.จนบัดนี้ นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ไม่ยอมลาออก
แม้ยอมรับแล้วว่า เป็นคลิปเสียงสนทนาจริง แต่อ้างว่ายังไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหาย
อ้างว่าเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว
ทั้งๆ ที่ นายกฯอุ๊งอิ๊งค์เรียกแม่ทัพภาคที่สองว่าเป็นฝั่งตรงข้ามชัดเจน
ที่ผ่านมา แม่ทัพภาคที่สอง จุดยืนชัดเจน ถึงการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยเหนือแผ่นดินของชาติ แต่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์กลับพูดกับฮุนเซนที่กำลังมีพฤติกรรมเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ว่าแม่ทัพเป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา ก็แสดงว่า ตัวนายกฯเองอยู่ฝ่ายเดียวกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ หรือไม่?
แถมบอกด้วยว่า “อยากได้อะไร จะจัดการให้” จะให้เปิดด่าน ก็พร้อมจะให้เปิดด่าน
ทั้งๆ ที่ ฝ่ายความมั่นคง โดยกองทัพ ควบคุมเข้มงวดเรื่องด่าน ก็เพื่อเพิ่มแรงกดดันแก่ฝ่ายกัมพูชาที่แสดงท่าทีและกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ร้ายแรงต่อประเทศชาติไทย
ฝ่ายกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคีพูดคุยเรื่องพรมแดน 4 จุดที่จะเอาไปฟ้องศาลโลกฝ่ายเดียว แล้วยังกล่าวหาให้ร้ายประเทศไทยด้วยความเท็จซ้ำซาก ปลุกปั่นให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งเรื่องแรงงาน การค้าขาย ไฟฟ้า น้ำมัน อินเตอร์เนต เรื่องเขตแดน หาว่าไทยรุกราน ยิงก่อน ปลุกปั่นปลุกใจคนกัมพูชาให้เข้าใจผิดว่าไทยรุกราน ยกกองทัพเขมรมาประชิดชายแดน ปลุกปั่นตั้งรางวัลหากยิงเครื่องบินรบไทยได้ ฯลฯ
ส่วนที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์อ้างว่า ปัจจุบัน ก็ไม่มีการเปิดด่านตามเสียงในคลิป นั่นก็เพราะว่าเรื่องลับมันถูกปูดออกแล้วหรือไม่? มันเกิดความไม่สมประโยชน์เกิดขึ้น ไม่สามารถทำตามข้อตกลงบางอย่าง จนสมเด็จฮุนเซนออกมาแฉ เหมือนแบล็กเมล์ โดยเฉไฉอ้างเรื่องเท็จว่าไทยรุกรานขึ้นมาบังหน้า
3.วันที่ 1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม
โดยมีคำร้องที่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4)และ (5) หรือไม่
ที่มาของคำร้องดังกล่าว สืบเนื่องจาก พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร ได้รวบรวมรายชื่อสว.
โดย พล.อ.สวัสดิ์ และ สว. ออกแถลงการณ์ “ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง”
เนื้อหา ระบุว่า พฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. น.ส.แพทองธารยอมรับว่าคลิปเสียงสนทนาเป็นของตนกับสมเด็จฮุนเซนจริง อันมีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนฝ่ายตรงข้าม ด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร กองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย อีกทั้งการสนทนาเป็นการยินยอม อ่อนข้อและอ่อนน้อมให้อริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา ที่ผ่านมาพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ (บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ) บัดนี้ ความอดทนคนในชาติสิ้นสุดแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กมธ.ทหารและ สว. ขอเรียกร้องให้น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
กมธ.ทหารฯ ยังเห็นว่า การกระทำของ น.ส.แพทองธาร อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหลายมาตราผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร
และเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
หลังจากนั้น จึงมี สว.เข้าชื่อกันหลายสิบคน เสนอประธานวุฒิสภา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช.
4.ศาลรัฐธรรมนูญย่อมจะต้องทำหน้าที่ยุติปัญหาตามรัฐธรรมนูญ
เรื่องนี้ เป็นเรื่องกระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของประเทศชาติ ทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศ กระทบความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของผู้นำประเทศในการปกป้องอธิปไตยชาติ
จับตาว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง และสั่งให้นายกฯอุ๊งอิ๊งค์หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่?
ในเมื่อคำร้องมีที่มาอย่างถูกต้อง ผู้ร้องเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยใช้เข้าชื่อยื่นมาเกินกว่า 1 ใน 10 ดังนั้น จึงมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภาส่งคำร้องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ คำร้องถูกต้องตามรัฐธรรมนูญฯมาตรา 82 ประกอบมาตรา 70 (4) และมาตรา 160 (4) (5) ซึ่งเป็นคำร้องที่เหมือนกับตอนที่อดีตนายกฯเศรษฐาถูกร้อง เพราะฉะนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับคำร้องดังกล่าว
นอกจากนี้ ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเหตุการณ์หรือการกระทำตามคำร้อง ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจที่จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย กรณีคลิปเสียงนายกฯนั้น นายกฯยอมรับแล้วว่าคลิปจริง และมีเนื้อหาที่ทำให้เห็นว่า ในความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขณะที่กองทัพและฝ่ายความมั่นคงกำลังต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยชาติ หัวหน้ารัฐบาลกลับแสดงออกถึงความไม่เป็นเอกภาพ บอกกับคู่กรณีว่า “แม่ทัพภาคที่สองเป็นคนของฝ่ายตรงกันข้ามกับเรา” อ่อนแอ หรืออ่อนข้อ ถึงขนาดอาจตกเป็นลูกไล่ของฝ่ายตรงข้าม อันตรายต่อความสูญเสียเกียรติภูมิศักดิ์ศรี อำนาจอธิปไตยของแผ่นดินไทย
น่าจะมีเหตุควรสงสัยให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้ดุลพินิจในการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้
5.อดีตผู้พิพากษา อดีตตุลาการผู้ใหญ่ ให้ความเห็นว่า
“เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่ายังไม่เกิดความเสียหาย
ประเทศเสียหาย มีผู้นำที่ทำท่ายอมเขาหมด
ขนาดเอาตัวเป็นพวกกับปรปักษ์ เอาทหารผู้ใหญ่เป็นฝ่ายตรงข้าม ทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับผู้นำชาติที่เป็นปรปักษ์ และกำลังคุกคามประเทศไทย
ถ้าบอกว่าเป็นการโกหกในการเจรจา ในภาษาการทูตเขาก็มีวิธีพูดที่ไม่ใช่โกหกตอแหล”
6.หากนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือพ้นจากตำแหน่ง ก็ไม่ได้ทำให้งานราชการแผ่นดินสะดุดหยุดไป แต่อาจดีขึ้นด้วยซ้ำ
หากมีการปรับครม.แล้ว หรือแม้ว่าจะยังไม่มีการปรับ ครม.ก็ตาม
กฎหมายงบประมาณแผ่นดินที่กำลังจะผ่านสภา รักษาการนายกฯ ก็ทำงานแทนนายกฯได้ (น่าจะดีกว่าด้วย)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงจากกัมพูชา ถ้าไม่มีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ยิ่งจะปราศจากข้อครหา ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ ทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างมีเอกภาพ อีกทั้ง ประชาชนคนไทยยังจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ตรงกันข้าม หากนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ยังดึงดันจะเป็นนายกฯต่อทั้งๆ ที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ หรืออาจจะเป็นเสียงข้างน้อยด้วยซ้ำจากการปรับครม.ในขณะนี้ ยิ่งจะทำให้ประเทศชาติขาดเสถียรภาพ ขาดประสิทธิภาพ สร้างความเสียงานในงานราชการแผ่นดินมากกว่ากว่าด้วยซ้ำ
หากนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ลาออก พ้นจากตำแหน่งไป มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเดินไปสู่หนทางที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพมากขึ้นทั้งนั้น
7.ประชาชนทำหน้าที่แล้ว ถึงเวลาอำนาจตุลาการทำหน้าที่
คดีคลิปเสียงนายกฯกับฮุนเซน ในศาลรัฐธรรมนูญ ในป.ป.ช.
คดีชั้น 14 ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
คดีมาตรา 112 ในศาลอาญา ศาลยุติธรรม
คดี ม.144 ที่ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาก่อนส่งศาลรัฐธรรมนูญ กรณีครม. สส.ร่วมเปลี่ยนแปลงงบประมาณชำระคืนหนี้ เพื่อนำไปแจกเงินหมื่น ฯลฯ
บัดนี้ ประชาชนแสดงพลังอย่างสง่างามแล้ว
ถึงเวลาผู้มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ พึงทำหน้าที่อย่างกล้าหาญ เด็ดขาด โดยเร็ว เพื่อมิให้ประเทศติดหล่มการเมืองสามานย์ ในสถานการณ์โลกที่รุมเร้า ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศชาติ
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี