สังคมตั้งคำถามว่า โรงเรียนไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียนจริงหรือ อะไรคือปัญหาความไม่ปลอดภัยในโรงเรียน ใครคือตัวปัญหา แล้วใครคือผู้ถูกกระทำ
ปัญหาการคุกคามทางเพศต่อเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนคือปัญหาที่สังคมไทยติดตามมองมาโดยตลอด เพราะปัญหานี้ไม่มีการพูดกันอย่างเปิดเผย เนื่องจากถูกเชื่อกันว่าผู้ที่ถูกคุกคามล่วงละเมิดทางเพศคือเด็กนักเรียน แล้วผู้กระทำละเมิดคือครูอาจารย์ แต่ในหลายกรณีก็พบว่าเป็นการกระทำระหว่างนักเรียนด้วยกันเอง (ในกรณีนี้ยังไม่นับรวมไปถึงการล่วงละเมิดทางเพศระหว่างครูหรือเจ้าหน้าที่ด้วยกันเองภายในโรงเรียน)
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามีการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนคือ การที่ครู (ส่วนมากคือครูผู้ชาย) สัมผัสเนื้อตัวของนักเรียนหญิง แต่บางกรณีก็เกิดกับนักเรียนชายด้วย สำหรับครูที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ แต่บางกรณีก็พบว่านักเรียนชายบอกว่าถูกครูผู้หญิงถูกเนื้อต้องตัว แต่ทั้งนี้ต้องนิยามคำว่าถูกเนื้อต้องตัวให้ชัดเจนว่า ในกรณีใดจึงจะเข้าข่ายจงใจคุกคามทางเพศ เพราะในหลายต่อหลายครั้ง คนในสังคมไทยเห็นว่าครูกอดเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ (ชั้นเตรียมอนุบาลและอนุบาล) เพื่อแสดงความรักและเพื่อบอกกับนักเรียนตัวน้อยว่าที่นี่ให้ความอบอุ่นได้ไม่ต่างจากที่บ้าน แต่สังคมไทยไม่สนับสนุนให้ครูอาจารย์โอบกอดเด็กนักเรียนที่อยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายและระดับชั้นที่สูงกว่า ยกเว้นกรณีสำคัญจำเป็น เช่น หากนักเรียนรายใดประสบปัญหาขั้นวิกฤติจนเสมือนไร้ที่พึ่งหรือไร้ทางออก ครูอาจารย์อาจจะให้กำลังใจด้วยการโอบกอดด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อแสดงออกให้นักเรียนรับรู้ว่ายังมีครูอาจารย์เป็นเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ
แน่นอนว่าปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน (รวมถึงนิสิต นักศึกษา) ในสถานศึกษายังเป็นเรื่องที่ดูแล้วอึมครึมและซับซ้อนมาก เพราะผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่ไม่กล้าบอกเรื่องนี้ต่อสาธารณะอย่างชัดเจน ส่วนผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นฝ่ายกระทำ ก็มักจะอ้างว่าไม่มีเจตนาล่วงละเมิดทางเพศ แต่ทำไปเพื่อต้องการแสดงความห่วงใยต่อนักเรียนมากกว่า นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาในเชิงถ้อยคำทางกฎหมายด้วย เพราะกฎหมายอาญาที่ว่าด้วยเรื่องข่มขืนกระทำอนาจารมีรายละเอียดมากกว่าเพียงแค่การโอบกอดทั่วไป และไม่รวมถึงการใช้ถ้อยคำที่ดูเสมือนแทะโลมอันมีจุดมุ่งหมายทางเพศ
สังคมไทยไม่ยอมรับการคุมคามและล่วงละเมิดทางเพศในทุกกรณี โดยเฉพาะการคุมคามทางเพศกับเด็กและเยาวชน และพยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ปัญหานี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลา และเป็นขยะพิษที่ถูกซ่อนไว้ใต้พรม เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อจิตใจของเด็กและเยาวชนที่ถูกกระทำละเมิดชั่วชีวิต แต่ถึงแม้จะยังไม่มีมาตรการเด็ดขาดใดๆ ที่จะสามารถปราบปรามเรื่องนี้ได้อย่างเฉียบขาด แต่เราทุกคนก็สามารถช่วยกันป้องกันปัญหานี้ได้ โดยการทำให้เด็กต้องกล้าบอกความจริงกับผู้ปกครอง ในกรณีที่เด็กเชื่อว่าตนเองถูกกระทำละเมิดทางเพศโดยครูหรือเจ้าหน้าที่ในสถานศึกษา แล้วต้องบอกย้ำกับเด็กและเยาวชนว่า ครูหรือเจ้าหน้าที่ เพื่อนในโรงเรียน (รวมถึงคนอื่นๆ ทุกคน) ไม่มีสิทธิ์ล่วงละเมิดทางเพศกับเขา ดังนั้นหากเขาถูกกระทำละเมิดก็ต้องบอกกับผู้ปกครองโดยทันที และต้องบอกกับผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศด้วยว่า เขาไม่ยินยอมให้กระทำอย่างเด็ดขาด
สถานศึกษาทุกแห่งต้องเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กนักเรียน ครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนต้องช่วยกันป้องกันปัญหาล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในทุกกรณี และที่สำคัญคือครูอาจารย์ต้องไม่เป็นผู้ก่อปัญหานี้เสียเอง และต้องป้องกันปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศระหว่างเด็กนักเรียนด้วยกันเองให้ได้ด้วย ขอย้ำว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้เมื่อนักเรียน ผู้ปกครอง ครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่โรงเรียน ร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี