ขอตั้งคำถามตรงประเด็นว่า คุณเชื่อหรือไม่ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพยายามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมาโดยตลอด โดยใช้กลอุบายต่างๆ นานาสารพัด หรือหากพูดสั้นๆ คือมีขบวนการล้มเจ้า ซึ่งคนในขบวนการนี้มีทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและอยู่นอกประเทศไทย
แล้วขอถามต่อไปอีกว่า ทำไมพวกที่จงใจล้มเจ้าจึงต้องอ้างเสมอๆ ว่ามาตรา 112 คือสิ่งที่ไม่เป็นธรรมกับพวกของตนเอง แล้วจึงพยายามเรียกร้องให้ล้มล้าง หรือเลิกบังคับใช้มาตรา 112 ให้จงได้
แน่นอนว่า เมื่อมีคนรัก เคารพ เทิดทูน บูชาสถาบันพระมหากษัตริย์บนแผ่นดินไทย ก็ย่อมมีคนที่คิดตรงข้าม แล้วคนที่คิดตรงข้ามเหล่านั้นก็พยายามทุกหนทางที่จะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด หากถามต่อไปว่า ทำไมจึงมีคนต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็คงตอบได้สั้นๆ ตรงประเด็นว่า เพราะเขาเหล่านั้นไม่ศรัทธา ไม่ชื่นชม และไม่ยอมรับการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนคำถามต่อไปที่ว่าเมื่อเขาคิดโค่นล้มแล้ว เขาจะทำอย่างไรต่อไป เขาจะขึ้นไปเป็นผู้ปกครองเสียเอง หรือจะยอมให้คนอื่นที่เขาเห็นดีเห็นงามทำหน้าที่ปกครองเขาต่อไป ก็ต้องพิจารณากันในอีกชั้นหนึ่งแต่สำหรับคนบางพวกที่พยายามโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการแสดงสัญลักษณ์ 3 นิ้ว (ดังปรากฏในระยะที่ผ่านมา โดยเริ่มเมื่อประมาณ 1 ปีเศษ) ผู้เขียนขอยืนยันว่าคนเหล่านั้นไม่มีความสามารถ และไม่มีปัญญาจะขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำของประเทศอย่างแน่นอน เพราะคนพรรค์อย่างว่านั้นเป็นได้แค่เพียงหุ่นเชิด และเป็นตัวตลกที่หาสาระมิได้แม้แต่น้อย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และมีกลุ่มทำงานกระจายไปในหลายพื้นที่ โดยอาศัยกระบวนการสื่อสารต่างๆ เพื่อกระจายข่าวเท็จไปสู่คนที่คิดไม่ทันตามไม่ทัน และรวมถึงพวกจงเกลียดจงชังเจ้าเป็นทุนเดิมอยู่ด้วย
กลอุบายสำคัญของพวกล้มเจ้าคือ การให้ข้อมูลเท็จโดยผ่านระบบ social media โดยเฉพาะ social media ที่ไม่ระบุตัวตนชัดเจนของผู้ให้ข่าว แล้วกลอุบายต่อมาคือการปล่อยข่าวเท็จแบบซ้ำๆ ย้ำๆ โดยการสร้างภาพเท็จทุกชนิดที่เกิดมาจากการตัดต่อภาพ และตัดต่อข้อความ รวมถึงการอ้างอิงในเชิงวิชาการแบบกำมะลอ เพราะเป็นการอ้างอิงโดยใช้ข้อมูลเท็จที่ผ่านกระบวนการของระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ เหตุที่มีการใช้ระบบการศึกษาขั้นสูงของชาติร่วมบิดเบือนได้ ก็เพราะว่ามีคนสอนหนังสือและคนคุมวิทยานิพนธ์จำพวกหนึ่งที่มีใจคิดโค่นล้มเจ้าร่วมอยู่ด้วย
สิ่งแรกวิญญูชนพบได้เป็นประจำว่ากลุ่มล้มเจ้าใช้อยู่เสมอๆ คือการให้ข้อมูลเท็จสารพัดรูปแบบโดยผ่านsocial media สารพัดชนิด ที่เรารู้จักในนาม cyber warหรือสงครามในโลกไซเบอร์ ดังที่คนไทยประจักษ์ชัดมาแล้ว เช่น การตัดต่อภาพของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง เพื่อให้คนที่รู้ไม่เท่าทันเกิดความจงเกลียดจงชังพระราชวงศ์ชั้นสูงซึ่งการตัดต่อภาพเหล่านั้นเกิดมาจากฝีมือของคนไทยกลุ่มหนึ่งในแผ่นดินไทย โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาขั้นสูงบางแห่งของไทย และคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ออสเตรเลีย เยอรมนี ฝรั่งเศส ส่วนคนไทยบางคนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น แม้จะไม่ได้ตัดต่อภาพอันเป็นเท็จ แต่ก็ส่งข้อความอันเป็นเท็จเข้าไปใน social media เป็นประจำ และยังมีคนบางกลุ่มซึ่งอาศัยคราบของนักข่าวประจำสำนักข่าวต่างประเทศ ก็ยังจงใจรายงานข่าวเท็จเกี่ยวกับพระราชวงศ์เป็นประจำ เช่น รายงานว่าพระเจ้าแผ่นดินของไทยทรงร่ำรวยที่สุดในโลก และรายงานข่าวเท็จด้วยว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ซึ่งคนกลุ่มนี้พยายามสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างสำหรับขอลี้ภัยการเมือง ทั้งๆ ที่คนจำพวกนี้จงใจทำผิดกฎหมายอาญาของแผ่นดินไทย แต่ก็กลับบิดเบือนว่าตนถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ด้วยมาตรา 112 แล้วคนกลุ่มนี้ก็พยายามดึงเอาอำนาจการเมืองของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศในย่านยุโรปตะวันตกที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีคนบางกลุ่มนำข่าวในพระราชสำนักของไทยไปบิดเบือนด้วยกลอุบายต่างๆ เช่น ตัดต่อภาพ แล้วใส่ความเห็นของตนเองลงไป โดยเน้นความเห็นในเชิงให้ร้ายต่อพระราชวงศ์ เป็นต้น
คนจำพวกนี้จะอ้างตลอดเวลาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นอุปสรรคต่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ทรงมีพฤติกรรมเป็นเผด็จการ ทรงวางพระองค์อยู่เหนือกฎหมาย เป็นต้น และบางจำพวกก็อ้างว่าทรงใช้พระราชอำนาจแทรกแซงการเมืองการปกครองของไทย รวมถึงสร้างเรื่องเท็จว่าทรงนำเงินของประเทศชาติไปใช้เพื่อพระองค์เอง ซึ่งสิ่งที่คนกลุ่มนี้อ้างล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น
สำหรับกลุ่มคนผู้ปราศจากความรู้อันเป็นความจริงว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยทั้งแผ่นดินอย่างหาที่สุดมิได้ ก็จะหลงเชื่อแล้วกระจายข่าวเท็จต่อไปเรื่อยๆ แต่สำหรับคนที่ทราบความจริงที่พระมหากษัตริย์ไทยพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นให้กับคนไทยตลอดเวลาก็พยายามช่วยกันชี้แจงว่า ข่าวเท็จที่คนผู้จงใจโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ปล่อยออกไปนั้นล้วนปราศจากความจริงโดยสิ้นเชิง
มีคำถามว่า กลุ่มผู้จงใจล้มเจ้าได้เงินจากที่ใดมาเพื่อใช้ปฏิบัติการ คำตอบเรื่องนี้มีหลายแง่ เช่น จากนักการเมืองบางกลุ่มที่ต้องการล้มเจ้า จากอดีตนักการเมืองที่มีสถานะเป็นผู้หนีกฎหมายไทย ซึ่งพยายามจะกลับเข้ามามีอำนาจรัฐ จากนักธุรกิจไทยบางรายที่มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองกลุ่มที่พยายามล้มเจ้า และจากต่างชาติ อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มที่ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากใครที่ไหนทั้งสิ้น แต่กระทำลงไป เพราะมีความเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้จงได้ ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านข่าวกรองทุกหน่วยของไทยจำเป็นต้องนำมาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างกระจ่างชัดโดยเร็ว
แต่มีประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนใคร่ขอนำเสนอในสัปดาห์นี้คือ ประเด็นแหล่งข้อมูลเท็จที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหาษัตริย์ ซึ่งแหล่งข้อมูลเท็จดังกล่าวอยู่ในสถาบันการศึกษาระดับสูง หรือขั้นอุดมศึกษาของชาติ เช่น ในบางคณะในมหาวิทยาลัยเก่าแก่บางแห่ง ซึ่งข้อมูลเท็จต่างๆออกมาจากปากของคนสอนหนังสือจำพวกที่มีความเกลียดชังพระมหากษัตริย์ และยังปรากฏอยู่ในเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารวิชาการ รวมถึงในวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์เป็นต้น
หากคุณผู้อ่านได้ติดตามเรื่องนี้มาอย่างใกล้ชิด ย่อมทราบดีแล้วว่ามีแหล่งข้อมูลเท็จที่แฝงตัวอยู่ในตำรา ในเอกสาร และในนิตยสารจำนวนไม่น้อย ซึ่งหลายคน
มองไปที่หนังสือที่ใช้ชื่อหัวว่าฟ้าต่างๆ แต่มิใช่แค่เพียงหนังสือที่มีชื่อเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังมีหนังสืออื่นๆ ที่มีนักเขียนบางคนที่ได้รับการเยินยอว่าเป็นปราชญ์แห่งสยาม หรือปัญญาชนสยาม ที่ชอบนุ่งผ้าม่วง ถือไม้ตะพด และสวมหมวก เพื่อให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ดีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สิ่งที่ผู้เขียนยกมากล่าวในที่นี้นับเป็นเพียงช่องทางสำคัญบางอย่างที่กลุ่มล้มเจ้านำมาใช้เพื่อแพร่กระจายข่าวเท็จอันมุ่งจงใจให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับความจงเกลียดจงชังจากคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ยังไม่มีประสบการณ์ และยังขาดข้อเท็จจริงอันเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ประเด็นการจงใจใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จสารพัดชนิด เพื่อหวังให้ประชาชนที่รู้ไม่เท่าทันหลงเกลียดชังสถาบันพระมหาษัตริย์ เป็นสิ่งที่วิญญูชนที่มีความตระหนักรู้ และรู้เท่าทันต่างไม่หลงกลของพวกล้มเจ้า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ยังอ่อนประสบการณ์ และไร้ข้อมูลอันเป็นความจริง ซึ่งเรื่องสำคัญเช่นนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสนใจอย่างเร่งด่วนและต้องเร่งปราบปราม และลงโทษทางกฎหมายกับผู้ให้ข่าวเท็จทุกชนิดโดยเร็ว ขอย้ำว่าการที่กระบวนการล้มเจ้ายังสามารถดำเนินการได้ในทุกวันนี้ เป็นเพราะว่ารัฐบาลอ่อนด้อย ไร้ประสิทธิภาพ จึงไม่สามารถกำจัด และลงโทษผู้จงใจกระทำความผิดด้วยการให้ข้อมูลเท็จ อันนำไปสู่การล้มเจ้าได้ เพราะหากรัฐบาลทำงานด้านการปราบปรามเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การแพร่กระจายข่าวเท็จอันมีเจตนาทำลายล้างพระมหากษัตริย์จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี