โควิดรอบนี้ เหมือนชกมวยนัดล้างตา
นัดแรก ไทยเราชนะไปแล้ว
นัดนี้ ยังสูสีอยู่
การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 ม.ค.2564) ครม.ได้ติดตามรายงานสรุปสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะ จากการประชุมของ ศบค.
หลายเรื่อง ประชาชนควรจะได้รับทราบโดยตรง เป็นประโยชน์มาก เพื่อให้เห็นภาพรวมว่า ทางการกำลังทำอะไรอยู่? และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร? ทำไมต้องทำเรื่องนั้น-ทำไมไม่ทำเรื่องนี้? ทำไมประชาชนต้องร่วมมือ? แล้วเราจะรับมือโควิดรอบนี้ไหวมั้ย?
สรุปประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ยังไม่มีล็อกดาวน์ระดับจังหวัดแบบรอบแรก
การกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและดำเนินมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายออกนอกเขตพื้นที่ ยังคงมีความสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อขัดข้องในการสอบสวนโรคและพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด เป็นต้น
ควรดำเนินมาตรการตั้งจุดตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า – ออก พื้นที่อย่างเข้มข้น และให้ผู้ที่เดินทางเข้าออกติดตั้งระบบติดตามตัวเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรคได้อย่างรวดเร็ว
2. ยกระดับรับมือใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ข้อเสนอยกระดับการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 จากแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าระยะ 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้จะมีการแพร่กระจายของเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างเด็ดขาด จึงจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคและมาตรการทางสังคม
ศบค.ได้เห็นชอบข้อเสนอยกระดับการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19ประกอบด้วย
(1) การกำหนดให้พื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(2) การควบคุมและจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มงวด
และ (3) การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในจังหวัดที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ
3. การป้องกันการแพร่ระบาดตามแนวชายแดน และการสกัดกั้น
3.1 การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมือง - ดำเนินการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านในทุกพื้นที่ กวดขันและบูรณาการการปฏิบัติของกองกำลังป้องกันชายแดน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมถึงเพิ่มความถี่การเฝ้าตรวจและการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน วางเครื่องกีดขวางตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลมและสำคัญในภูมิประเทศ และเครื่องมือพิเศษทุกระบบในการเฝ้าตรวจพื้นที่ เช่น CCTV และการใช้โดรน
3.2 การสนับสนุนของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด สนับสนุนศูนย์ห่วงใยคนสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง เตียงนอน จำนวน1,000 เตียง ที่นอน จำนวน 500 ชุด หมอน ผ้าห่ม มุ้ง จำนวน 1,000 ชุดและเตรียมโรงพยาบาลสนาม จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ค่ายมหาเจษฎาราชเจ้า อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (รองรับได้ 174 คน ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้าพักแล้ว 41 คน) โรงพยาบาลสนามสโมสรเรือใบหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (รองรับได้ 320 คน) และสนามฝึกบ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี (รองรับได้ 232 คน)
3.3 การบังคับใช้มาตรการตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 16 ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจร่วมตามคมนาคมสำคัญเพื่อควบคุมและคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด รวมถึงสนับสนุนการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ภายในจังหวัดและกรุงเทพมหานคร และจัดตั้งจุดตรวจร่วม/ชุดสายตรวจร่วม เพื่อป้องกัน ป้องปราม กวดขัน และจับกุมบุคคลที่มั่วสุมกระทำผิดกฎหมายหรือกระทำอันก่อให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค
4. ความคืบหน้าการจัดหาวัคซีน
4.1 การจัดหาวัคซีน ครอบคลุมประชากรไทยในปี 2564 จำนวน 33 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ ประกอบด้วย
(1) การจัดหาวัคซีนจากการตกลงแบบทวิภาคี Bilateral Agreement (Advanced Market Commitment) กับบริษัท AstraZeneca จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส คาดว่าจะได้รับวัคซีนประมาณเดือนมิถุนายน 2564 (อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้ได้วัคซีนมาก่อนจำนวนหนึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564) ซึ่งที่ประชุมมีมติให้พิจารณาสั่งซื้อเพิ่มอีกจำนวน 35 ล้านโดส รวมเป็นจำนวนวัคซีนที่ประเทศไทยจัดหา จำนวน 61 ล้านโดส
(2) การจัดหาวัคซีนจากแหล่งอื่น กระทรวงสาธารณสุขได้เจรจากับบริษัท Sinovac Biotech จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนของประเทศจีน เพื่อจัดหาวัคซีนเร่งด่วนให้ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ทั้งนี้ วัคซีนต้องได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนจากสถาบันอาหารและยา (อย.) ประเทศจีนก่อน โดยจะฉีดคนละ 2 โดส ระยะเวลาห่างกัน 1 เดือน วงเงินงบประมาณรวม 1,228,208,000 บาท
(3) การจัดหาวัคซีนจาก COVAX Facility ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขและเจรจาต่อรอง
4.2 เป้าหมายการฉีดวัคซีน 2 ล้านโดส (เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2564)
(1) วัคซีน 200,000 โดสแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขด่านหน้า (รวมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) และเจ้าหน้าที่ทำงานภาคสนามในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น จ.สมุทรสาคร จ.ระยอง จ.ชลบุรี เป็นต้น จำนวน 20,000 คนและในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อที่มีภาวะแทรกซ้อนสูง และกลุ่มจำเป็นอื่นๆ จำนวน 180,000 คน
(2) วัคซีน 800,000 โดสแรก ในเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งจะเป็นการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ในกลุ่มข้อ (1) จำนวน 200,000 โดส และวัคซีน จำนวน 600,000 โดส ในกลุ่มจังหวัดควบคุมสูงสุด ชายแดนตะวันตกและภาคใต้ เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า (รวมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) จำนวน 60,000 คน และในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมีภาวะแทรกซ้อนสูงและกลุ่มจำเป็นอื่นๆ จำนวน 540,000 คน
(3) วัคซีน 1,000,000 โดส ในเดือนเมษายน 2564 โดยจะฉีดวัคซีนเข็มที่สองในกลุ่มตามข้อ (2) จำนวน 600,000 คน และสำหรับกรณีที่มีการระบาด จำนวน 400,000 โดส
5. การแข่งขันแบดมินตัน BWF World Tour
กรมควบคุมโรคได้อนุญาตให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดตั้งสถานที่กักกันรูปแบบเฉพาะองค์กร (Organizational Quarantine) ระหว่างวันที่ 4 - 31 มกราคม 2564 ทั้งนี้ มีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการดังกล่าว จำนวน 21 ประเทศ มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ จำนวน 354 คนซึ่งทั้งหมดต้องเข้ากระบวนการตามมาตรการดำเนินการระหว่างกักกัน และมาตรการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด
6. ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 9) ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 (ครม.เห็นชอบ)
7. นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมในที่ประชุม ครม.ด้วย อาทิ
ให้กระทรวงสาธารณสุข เตรียมความพร้อมและแผนการดำเนินงานทั้งในด้านบุคลากร ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ กรณีมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกินขีดความสามารถในการรองรับของกระทรวงสาธารณสุข(Worst Case)
ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดทำมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ระลอกใหม่
8. ไทยจะรับมือโควิดรอบนี้ไหวไหม?
เชื้อโรค-มันแพร่ระบาดง่ายขึ้น เร็วขึ้น
เรา-เคยมีประสบการณ์รับมือมาแล้วรอบแรก รอบนี้ยังจะมีวัคซีนมาเป็นกองหนุนอีกด้วย และเมื่อดูจากการบริหารจัดการ และการเตรียมความพร้อมแล้ว มั่นใจว่าประเทศไทยชนะแน่นอน!!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี