อ้างอิงจากเว็บไซต์ข่าวสดภาษาอังกฤษ วันที่ 5 มกราคม 2564 (January 5, 2021) ที่พาดหัวข่าวว่า EXCLUSIVE: CITY HALL SCRUBS 7-ELEVEN STORES FROM CORONAVIRUS TRAVEL HISTORY (ข่าวเด่นพิเศษ กทม. ลบชื่อร้าน 7-11 ออกจากประวัติการเดินทางของผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส) โดยเนื้อข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลบรายชื่อร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นกิจการของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของไทยออกจากประวัติการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ของคนป่วยรายหนึ่งที่มีเชื้อโควิด-19 ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ในเนื้อข่าวของข่าวสดภาคภาษาอังกฤษระบุถึงคอนโดมิเนียมชื่อ เอ็ม จตุจักร และพูดถึงผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่าจอดรถยนต์ที่ชั้นหกของคอนโดมิเนียม แล้วเข้าห้องน้ำ และไปเล่นแบดมินตัน แล้วลงไปที่ร้าน 7-11 โดยเนื้อข่าวยังระบุถึงเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ชื่อศิริพร ทองภู่(Siriporn Thongphu) เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโรค กรุงเทพมหานคร(Bangkok Metropolitan Administration’s infectious control division) ด้วยว่าเป็นผู้พูดถึงเรื่องว่าเป็นการป้องกันการฟ้องร้องทางกฎหมาย
แน่นอนว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารใดๆ จำเป็นต้องระมัดระวังการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท และสร้างความเกลียดชังให้กับผู้ที่ถูกระบุถึงในข่าว แต่สำหรับเรื่องการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ประชาชนทุกคนกำลังให้ความสนใจในขณะนี้เพราะประชาชนต้องการได้ข้อมูลที่เที่ยงตรงมากที่สุดสำหรับประกอบการพิจารณาว่าตนเองได้เข้าไปอยู่ใกล้ชิดในบริเวณที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายต่างๆ ได้เข้าไปอยู่ในบริเวณเหล่านั้นมาก่อนหรือไม่เรื่องนี้จำเป็นต้องให้รายละเอียดให้มากที่สุด และชัดเจนที่สุด มิใช่ให้ข้อมูลแบบขาดวิ่นไม่สมบูรณ์ เพราะมิฉะนั้นการนำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาว่าประชาชนได้เข้าไปอยู่ในสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ย่อมไม่เกิดประโยชน์ประการใด แล้วการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
คำถามคือ เราจะเชื่อข่าวจากข่าวสดภาคภาษาอังกฤษได้หรือไม่ หากเราเชื่อ ก็ต้องถามต่อไปว่าทำไมจึงมีการลบชื่อร้าน 7-11 บางแห่งที่ผู้ติดเชื้อได้เข้าไปใช้บริการออกไป แล้วผู้ที่ลบนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้เท่ากับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่แล้วการละเว้นเช่นนี้ทำให้เกิดผลเสียอย่างร้ายแรงต่อประชาชนหรือไม่
แต่หากข่าวสดรายงานข่าวไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนและเจ้าของกิจการ 7-11 ต้องไปไล่เบี้ยดำเนินคดีกับผู้บริหารเว็บไซต์ข่าวสดภาคภาษาอังกฤษซึ่งนั่นเป็นอีกกรณีหนึ่งที่จะยังไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้
ประเด็นสำคัญที่อยากจะชวนคุณผู้อ่านคิดตามก็คือ หากเรื่องนี้เป็นความจริงก็ต้องตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วเราซึ่งเป็นประชาชนจะสามารถไว้วางใจข้อมูล time line ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ในทุกกรณีหรือไม่ เพราะถ้าหาก time line บางช่วงของผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19ถูกจงใจลบทิ้ง หรือข้ามไป แล้วประชาชนยังจำเป็นต้องเชื่อถือ time line ที่ถูกปกปิด บิดเบือน ซ่อนเร้นหรือไม่ ขอฝากคำถามสำคัญนี้ไปยังรัฐบาล และขอฟังคำตอบชัดเจนจากรัฐบาลด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี