อีกเพียงสามวัน สาธารณชนที่ติดตามชะตากรรมของบริษัทการบินไทยจะได้ทราบว่า ทีมทำงานเพื่อฟื้นฟูกิจการของการบินไทยจะสามารถส่งแผนฟื้นฟูบริษัทให้ศาลล้มละลายกลางได้หรือไม่ หลังจากที่ขอเลื่อนการส่งแผนฟื้นฟูกิจการมาแล้วสองรอบ จนไม่สามารถขอเลื่อนการส่งแผนฟื้นฟูได้อีกต่อไป
เมื่อกล่าวถึงกระบวนการฟื้นฟูกิจการการบินไทย ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงคณะทำงานชุดหนึ่งที่คนการบินไทยต่างจับตามองมาตั้งแต่ต้น คือ Survivor Team
ซึ่งลงนามแต่งตั้งโดยนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) การบินไทย ตามคำสั่งเลขที่ 078/2563 โดยที่ปรึกษา Survivor Team ประกอบด้วยรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายช่าง
ส่วนหัวหน้าคณะ Survivor Team คือนายชาย เอี่ยมศิริ (ปัจจุบันรับตำแหน่ง DE คือรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน และบัญชี) และมีรองหัวหน้าคณะทำงานสองคนคือ นายสุวรรธนะ ศรีบุญเรือง (รองหัวหน้าคณะคนที่ 1 ล่าสุดได้รับตำแหน่ง D1 ด้วย) กัปตันชวาล รัตนวราหะ (รองหัวหน้าคณะทำงานคนที่ 2 ล่าสุดได้รับตำแหน่ง CTO คือ Chief of TransformationOfficer ด้วย) ส่วนคณะทำงานมีทั้งหมด 14 คน คือนางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ กัปตันเจตน์ เมืองครุฑ นายสมัชชา ศรีทองสุข นายทวิโรจน์ ทรงกำพล นายเจริญ ใช้คล่องกิจ นางศิราภรณ์ รัตนเศรษฐ นายตรัส พรหโมบล นางจันทริกาโชติกเสถียร นายพรพจน์ วงศ์สวัสดิ์ นายณัฐกร ชุณหชา นางวันทนี แก้วมีแสง นายอนุภาส ศิริเวช นางเมรยา อุดหนุน และนายกนต์ธีร์ ภัทราปริญสวัสดิ์ ส่วนเลขานุการคณะทำงาน คือ นางกนิษฐา ศรีวรานันท์ และแต่งตั้ง นายรัฐ รักสำหรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงาน โดยมีโฆษก/ผู้นำเสนอสองรายคือ นางสาวพลอยไพลิน ภมรมนตรี และนายนนทชัยชีวันเฉลิมโชติ
คณะทำงานชุด Survivor Team มีหน้าที่ดังนี้ จัดทำแผนธุรกิจระยะเร่งด่วนและระยะสั้น รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุน และปฏิบัติให้เกิดผล และรายงานต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สามารถเรียกบุคคลต่างๆ และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา แต่งตั้งหรือจัดหาคณะกรรมการชุดย่อยได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อให้สามารถลงมือทำตามแผนที่กำหนด (สำคัญและ Quick Win) และปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่มอบหมาย ลงนามในประกาศนี้เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 โดยนายชาญศิลป์ ตรีนุชกรกรรมการบริษัทการบินไทย รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
การตั้ง Survivor Team ถูกวิพากษ์ตั้งแต่แรกโดยคนการบินไทยจำนวนไม่น้อยว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ประเด็นที่ถูกวิพากษ์อย่างหนักโดยคนการบินไทยกลุ่มหนึ่งก็คือ คุณสมบัติของหัวหน้าคณะ Survivor Team คนการบินไทยจำนวนหนึ่งมองว่าการแต่งตั้งนายชาย เอี่ยมศิริ ให้รับตำแหน่งดังกล่าว เป็นผลมาจากความสนิทสนมส่วนตัวระหว่างนายชาญศรีกับนายชาย ซึ่งประเด็นนี้ ผู้เขียนตั้งคำถามกลับไปยังแหล่งข่าวว่า การสนิทสนมของคนสองคนไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่หรือเป็นอุปสรรคใดๆ ถ้าหากผู้ที่ได้รับตำแหน่งมีคุณสมบัติเหมาะสมและสามารถทำงานเพื่อฟื้นฟูกิจการของการบินไทยได้จริง แต่ก็มีเสียงครหากันภายในการบินไทยว่า นายชายได้รับตำแหน่งเพราะความสนิทสนมส่วนตัวกับนายชาญศิลป์ และมีผู้ตั้งคำถามว่าหากนายชายมีความรู้ความสามารถด้านการเงินการบัญชีโดยแท้จริงแล้ว เหตุใดในยุคที่นายจรัมพร โชติกเสถียรและนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม ดำรงตำแหน่ง DD จึงไม่แต่งตั้งนายชายให้รับตำแหน่ง DE ซึ่งประเด็นนี้คือเรื่องที่คนการบินไทยยังคงตั้งเป็นประเด็นต่อไป ซึ่งเรื่องเหล่านี้ปรากฏอย่างครึกโครมภายในไลน์กลุ่มที่ชื่อ คนบินไทย ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั้งสิ้น 3,345 ราย
แต่สิ่งที่แหล่งข่าวหลายคนถามกลับผู้เขียนโดยทันทีคือ คุณทราบหรือไม่ว่านายชายเคยรับหน้าที่ใดในการบินไทยมาก่อน ผู้เขียนตอบว่า เคยทำหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการ Hedging น้ำมันให้การบินไทย แหล่งข่าวถามกลับอีกว่า แล้วผู้เขียนไม่ทราบหรือว่า การบินไทยประสบปัญหาขาดทุนในการทำ Hedging น้ำมันมาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้รับผิดชอบการ Hedging น้ำมันของการบินไทยคือนายชาย ผู้เขียนถามต่ออีกว่า นายชายมีอำนาจตัดสินใจHedging น้ำมันโดยมีอำนาจเต็มเพียงรายเดียวในการบินไทยหรือ ไม่มีคณะทำงานเพื่อตัดสินใจ Hedging น้ำมันในการบินไทยหรือ ถ้าหากไม่มีคณะทำงานร่วมพิจารณาหรือร่วมอนุมัติการ Hedging น้ำมันในการบินไทยแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องพิสดารมาก ที่การบินไทยอนุญาตให้คนเพียงคนเดียวสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญของบริษัทได้เพียงลำพัง แต่แหล่งข่าวหลายคนก็ยังคงยืนยันว่า นายชายคือผู้รับผิดชอบเรื่องการ Hedging น้ำมันของการบินไทยมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี และการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนจากการ Hedging น้ำมันมายาวนานแล้ว ทั้งนี้อดีตผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยรายหนึ่งเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า มีคำถามว่าทำไมการบินไทยจึง Hedging น้ำมันได้สูงถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเสี่ยงมาก และมีคำถามอื่นๆ ตามมาอีกมากมายว่า การ Hedging น้ำมันของการบินไทยนั้น โปร่งใส ขาวสะอาด ตรวจสอบได้จริงหรือ มีผู้ได้รับประโยชน์จากการขาดทุน Hedging น้ำมันของการบินไทยหรือไม่ เรื่องเหล่านี้น่าค้นหาคำตอบอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสืบค้นแล้วพบว่ามีคำสั่งบริษัทการบินไทยที่ 113/2557 เลื่อนตำแหน่งนายชาย เอี่ยมศิริ จากผู้อำนวยการฝ่ายการปิโตรเลียม เชื้อเพลิง และสิ่งแวดล้อมการบิน (JJ) ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายธุรกิจปิโตรเลียม ประกันภัย และสิ่งแวดล้อมการบิน (D3) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ลงนามโดยนายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
นอกเหนือจากปัญหาที่คนการบินไทยจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามกับการทำงานของผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย และต่อ Survivor Team แล้วก็ต้องยอมรับว่ามีปัญหาต่างๆ นานาสารพัดเรื่องเกิดขึ้นภายในการบินไทยตลอดเวลา ยิ่งใกล้จะถึงวันชี้ชะตาอนาคตของการบินไทย ก็ยิ่งมีเรื่องราวที่น่าติดตามภายในการบินไทยมากยิ่งขึ้น ทุกเรื่องราวล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในอนาคตของการบินไทย และความไม่มั่นใจกับอนาคตของคนการบินไทยจำนวนมาก คนการบินไทยตั้งคำถามกันเองว่า พนักงานการบินไทยจำนวนมากยินยอมทำตามคำขอร้องของบริษัทเกือบทุกอย่าง เช่น ยอมลดเงินรายได้ของตัวเอง หลายรายยอมเข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออกจากบริษัทตามโครงการต่างๆ เช่น A, B, C บางรายยอมแม้กระทั่งให้บริษัทเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ้างงานตามสัญญาเดิม ทั้งๆ ที่การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ้างงานทำให้พนักงานต้องเสียสิทธิต่างๆ ที่เคยได้รับตามสัญญาว่าจ้างเดิม แต่ก็มีพนักงานการบินไทยจำนวนไม่น้อย ยืนยันว่าไม่ยินยอมให้บริษัทเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ้างงานเดิมโดยพลการอย่างเด็ดขาด และจะรวมตัวเรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขการว่าจ้างเดิมต่อหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน
สิ่งที่พนักงานการบินไทยตั้งคำถามตลอดเวลาคือ ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยเคยมองเห็นและเคยเข้าใจความเดือดร้อนแสนสาหัสของพนักงานระดับล่างและระดับกลางบ้างหรือไม่ แล้วมีคำถามด้วยว่า ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยเคยเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัวเพื่อให้บริษัทอยู่รอดบ้างหรือไม่ หรือดีแต่เรียกร้องให้พนักงานผู้น้อยที่ไร้ทางต่อสู้ต้องยอมจำนนต่ออำนาจที่เหนือกว่า มีคำถามด้วยว่าจริงหรือที่ผู้บริหารระดับสูงสุดของการบินไทยไม่รับเงินค่าตอบแทนตามที่เคยให้ข่าวไว้ พนักงานที่ได้เงินเดือนเพียงเดือนละหมื่นกว่าบาทตั้งคำถามถึงเรื่องนี้กันตลอดเวลา พร้อมถามด้วยว่า เมื่อบริษัทเรียกร้องให้พนักงานอื่นๆ สมัครใจลาออก หรือช่วยเหลือบริษัทในรูปแบบต่างๆ เช่น ยอมลดเงินเดือนค่าตอบแทน ยอมเสียสิทธิพิเศษที่เคยได้ แต่มีคำถามที่น่าสนใจคือ ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยกล้าประกาศหรือไม่ว่ายินดีลาออกพร้อมๆ กับพนักงานทุกคน แล้วเข้าสู่กระบวนการสรรหาคัดเลือกพนักงานใหม่อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
แล้วก็มีคำถามอีกว่า Survivor Team จะกล้าประกาศลาออกพร้อมกับพนักงานหรือไม่ แล้วจะยินดีเข้าไปเริ่มต้นกระบวนการรับสมัครพนักงานใหม่เหมือนๆ กับพนักงานคนอื่นๆ หรือไม่ หรือว่า Survivor Team คือคนกลุ่มเดียวที่รอดพ้นจากการถูกให้ออกจากงาน ส่วนพนักงานอื่นๆ ที่ไม่มีเส้นมีสายต้องยอมเป็น Surrender เพียงสถานเดียว แต่เท่าที่ทราบคือ พนักงานการบินไทยจำนวนไม่น้อยประกาศหนักแน่นว่า ไม่มีวันที่จะยอมเป็นSurrender อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาได้ยอมเสียสละให้กับการบินไทยมามากเกินพอแล้ว ยอมให้ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยเหยียบย่ำมากจนเกินจะทนแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้จะไม่ทนอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี