เมื่อวานนี้ ศาลนัดนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน มาไต่สวนกรณีละเมิดอำนาจศาล
จากพฤติกรรมคุกคาม และก่อความไม่เรียบร้อยในห้องพิจารณาคดี 701 ของศาลอาญา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม
อาจจะทำให้เพนกวินติดคุกฐานละเมิดอำนาจศาล หรือไม่?
ทนายความ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ยอมรับว่า มีความวิตกกังวล แต่ต้องรอฟังรายละเอียดที่มีการกล่าวหาก่อนว่าเป็นประเด็นใด ซึ่งทั้งหมดก็เป็นอำนาจโดยตรงของผู้พิพากษาในการพิจารณา สำหรับความผิดกรณีละเมิดอำนาจศาล มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
1. กรณีนี้ ศาลมีทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานบุคคล หรือแม้แต่ข้อมูลในแฟนเพจศูนย์ทนายความฯ ที่เขียนรายงานเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุละเอียดยิบ และจากพฤติกรรมตามที่บรรยายนั้น อาจมีผู้อื่นร่วมกระทำการ หรือสนับสนุนการกระทำของนายเพนกวินในห้องพิจารณาคดีในวันดังกล่าวอีกด้วย
2. ในห้องวันนั้น ย่อมมีทนายความ
ทนายความในวันนั้น จะต้องพูดความจริง ยืนยันความจริง มิใช่ช่วยปกปิด โดยเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิด
มิเช่นนั้น อาจต้องสงสัยว่าเข้าข่ายผู้สนับสนุน หรือร่วมกระทำการ
3. สำหรับความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนี้ ที่โด่งดังที่สุด เห็นจะเป็นกรณีทนายถุงขนมและพวก
กรณีที่มีทีมทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร (ขณะนั้นมีคดีที่ดินรัชดาฯ อยู่ในชั้นศาล) นำเอา “ถุงขนม” ที่ใส่เงินสดไว้ 2 ล้านบาท ไปให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
ถูกพิพากษาความปิด ฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก 6 เดือน ทั้ง 3 คน
ทนายความไม่ได้หิ้วถุงขนมไปเอง ก็ไม่รอด
ย้อนความจำเรื่องทนายถุงขนม ละเมิดอำนาจศาล...
ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ขึ้นลิฟต์มาที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เพราะเป็นวันที่ทักษิณจะมารายงานตัวคดีที่ดินรัชดา เจ้าหน้าที่ศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กำลังทำงานอยู่ที่ห้องทำงานในแผนก ปรากฏว่า เสมียนทนายในคดีที่ดินรัชดา(ขณะนั้นอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ) นำคำร้องขอรายงานตัวของทักษิณและคุณหญิงพจมานมายื่นต่อศาล
หลังเจ้าหน้าที่พูดคุยกับเสมียนทนายเกี่ยวกับวันนัดในคดี เสมียนทนายบอกเจ้าหน้าที่ว่า นายธนาอยากจะขอปรึกษาเรื่องคดีด้วย
นายธนาเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ศาลเดินตามเข้าไปนั่งที่โต๊ะตรงข้ามกัน
โดยในห้องมีเพียงนายธนา และเจ้าหน้าที่
นายธนาพูดขึ้นว่า ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็เลยมีของมาฝากให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน แล้วนายธนาเดินไปหยิบถุงกระดาษสีขาว ซึ่งวางอยู่ตรงตู้ข้างโต๊ะในห้อง
ถุงดังกล่าวมีสกอตเทปปิดปากถุงตามยาวเกือบตลอดปากถุง
เจ้าหน้าที่ศาลหยิบถุงดังกล่าวเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปถามเลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ว่าจะรับไว้ได้หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเป็นขนม แต่เลขานุการแผนกฯ ไม่อยู่ จึงมอบถุงดังกล่าวให้นิติกรที่ยืนอยู่หน้าห้อง ให้ไปถามผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นอยู่ในห้องธุรการของแผนกว่าจะรับไว้ได้หรือไม่
ต่อมา ผู้พิพากษาศาลฎีกาบอกให้เปิดดู
เจ้าหน้าที่หยิบคัตเตอร์มากรีดสกอตเทปที่ปิดปากถุงออก พบซองสีน้ำตาลปิดอยู่ เมื่อดึงออกเห็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ตั้ง ตั้งละ 10 มัด มัดละ 100 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 2,000,000 บาท
เจ้าหน้าที่หิ้วถุงไปให้ผู้พิพากษาดู ท่านสั่งให้เรียกนายธนามารับคืนไป โดยได้มีการถ่ายภาพถุงและธนบัตรทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา นายธนามารับถุงเงินคืนไปจากนิติกร
ก่อนคืนถุงเงิน เจ้าหน้าที่ศาลถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร?
นายธนาตอบว่า ทราบ
เจ้าหน้าที่บอกว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงเงินคืนไป
นายธนารับถุงเงินแล้วก็เดินจากไป
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 12 นาฬิกา ทนายความใหญ่โทรศัพท์มาพูดกับเจ้าหน้าที่ศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ (คนที่ถูกยื่นถุงขนมใส่เงินให้ตอนแรก) ในทำนองว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและกล่าวคำขอโทษ พร้อมกับถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
เมื่อถูกไต่สวนคดีฐานละเมิดอำนาจศาล ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาพยายามอ้างว่า หยิบถุงผิดไปให้เจ้าหน้าที่ศาล จริงๆ ต้องการหยิบถุงขนมหรือช็อกโกแลตไปให้
ศาลฎีกาชี้ รู้อยู่แล้วว่าเป็นเงิน
การที่นายธนารับกับเจ้าหน้าที่ว่าทราบว่าของในถุงเป็นอะไร พร้อมกับรับถุงไปโดยไม่อิดเอื้อน ไม่เปิดถุงออกดู และไม่อธิบายว่าข้างในถุงเป็นอะไร ย่อมเป็นพิรุธ แสดงให้เห็นว่านายธนาย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่า ของในถุงเป็นเงิน หากมีการหยิบถุงผิด เมื่อเจ้าหน้าที่คืนถุงให้ น่าจะต้องกล่าวคำขอโทษในทันที และน่าจะต้องเอาถุงกระดาษที่บรรจุช็อกโกแลตกลับขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
หากนายธนามีถุงกระดาษที่มีลักษณะเหมือนกัน 2 ถุง โดยถุงหนึ่งบรรจุเงินประมาณ 2,000,000 บาท และอีกถุงหนึ่งบรรจุช็อกโกแลตจริง นายธนายิ่งต้องใช้ความระมัดระวังตรวจดูเป็นพิเศษว่าปกติธรรมดา ก่อนส่งมอบถุงให้แก่เจ้าหน้าที่ศาล แต่ก็หาได้กระทำไม่
ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า นายธนารู้อยู่แล้วว่าถุงกระดาษที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกามีธนบัตรจำนวนประมาณ 2,000,000 บาท บรรจุอยู่
ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยว่า ตัวทนายความและเสมียนทนาย ร่วมรู้เห็นหรือให้ความร่วมมือในการกระทำความผิดของนายธนา เนื่องจากได้ความว่า ตัวทนายเป็นทนายความให้แก่ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ในคดีที่ดินรัชดา โดยมีเสมียนทนายที่เป็นเลขานุการส่วนตัวด้วย และนายธนาเป็นผู้ติดตามนายทักษิณ เป็นผู้ประสานงานระหว่างทักษิณและคุณหญิงพจมานกับฝ่ายทนายความ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลกับทักษิณและคุณหญิงพจมานทุกครั้ง
ข้อเท็จจริงได้จากพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเอง ก็ปรากฏว่าทั้งสามมีการพูดคุยและประสานงานกันตลอดเวลาขณะอยู่ที่ศาลฎีกา การกระทำของนายธนาเกี่ยวกับคดีจึงอยู่ในความรู้เห็นของทนายความและเสมียนทนายความด้วย ถือได้ว่าเป็นคณะทำงานเดียวกัน
นอกจากนี้ ทนายความและเสมียนทนายความ ต่างก็เห็นเจ้าหน้าที่ศาลเดินถือถุงกระดาษออกมาจากห้อง วิสัยของคนที่ทำงานร่วมกันใกล้ชิด ย่อมต้องถามไถ่หรือบอกกล่าวให้รู้กันว่า จะนำช็อกโกแลตมาให้เจ้าหน้าที่ศาลโดยไม่จำต้องปิดบัง ตัวทนายความเป็นหัวหน้าคณะทนายความของทักษิณและคุณหญิงพจมาน การกระทำของนายธนาเป็นเรื่องร้ายแรง แทนที่ตัวทนายจะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนแล้วดำเนินการแก้ไขนำสิ่งของที่ถูกต้องมามอบให้หรือนำถุงทั้งสองใบไปแสดงในทันที หรือตำหนินายธนาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ก็หาได้กระทำไม่
ตัวทนายกลับโทรศัพท์ไปขอโทษและปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ศาล ตามที่นายธนาร้องขอ
พฤติการณ์แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า ตัวทนายความเองมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของนายธนา ในลักษณะเป็นตัวการร่วมกัน
ศาลฎีกาชี้ว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทำ ฟังได้ว่าเป็นตัวการร่วมกัน มีเจตนาที่จูงใจให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จำเลยในคดีที่ดินรัชดา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยมาบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม คนละ 6 เดือน
4. เป็นอุทาหรณ์ ไม่ว่าใคร จะทนายความ เสมียนทนาย หรือตัวลูกความ อย่าได้ไปมีพฤติกรรมไม่เรียบร้อยในศาลเด็ดขาด ในห้องพิจารณาคดีหน้าบัลลังก์ศาล ยิ่งต้องห้ามเด็ดขาด
รอดูผลกรรมของเพนกวินและพวก
จากติดคุกเพราะไม่ได้ประกันตัว จะกลายเป็นติดคุกเพราะคำตัดสินศาล หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี