วันนี้เป็นวันที่ 6 เมษายน 2564 เป็นวันจักรีเป็นวันที่องค์พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ได้สถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์ขึ้นในพระราชอาณาจักรนี้สืบทอดจากพระมหากษัตริย์ในอดีต นับเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาติและประชาชาติไทยทั้งมวล
ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ถ้าหากนับแต่มีการเปิดสัมพันธไมตรีกับประเทศจีนในยุคราชวงศ์สุยก็มีความชัดเจนว่าประเทศไทยของเรานี้ได้ก่อตั้งมานับพันปีแล้วไม่ได้เป็นชาติเร่ร่อนจรจัดดังที่นักเขียนประวัติศาสตร์ขี้ข้าฝรั่งพยายามสร้างภาพให้ประเทศไทยเป็นเช่นนั้น
และเป็นปกติของประเทศทั้งหลายในแถบนี้ที่จะมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินในแต่ละยุคแต่ละสมัยสืบทอดกันมาเหมือนกันในทุกประเทศในย่านนี้ และก็เหมือนกับประเทศทั่วโลกนั่นเอง
ในยุคสุโขทัยก็มีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินหลายครั้ง จนกระทั่งอยุธยาสถาปนาขึ้นเป็นใหญ่และเป็นเมืองหลวงของชนเผ่าไทยทั้งหลาย วัฒนธรรม อารยธรรมใหม่แห่งศรีอยุธยาก็ปรากฏขึ้น จากถ้อยคำที่ใช้คำว่า มึง กู มัน และภาษาคำโดด ก็มีความสละสลวยด้วยวัฒนธรรมใหม่อันสอดคล้องกับนามแห่งศรีอยุธยา แม้พระที่นั่งปราสาทราชมณเฑียรก็มีนามตามวัฒนธรรมใหม่ เช่น นามแห่งพระที่นั่งศรีสรรเพชญ์ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ แม้พระนามแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ก็เป็นภาษาแบบใหม่ แตกต่างจากถ้อยร้อยภาษาที่ใช้มาแต่ยุคสุโขทัย
แผ่นดินกรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนสันตติวงศ์หลายครั้งหลายคราวตลอดชั่วอายุแห่งกรุงศรีอยุธยา 417 ปี มีพระมหากษัตริย์สืบราชสมบัติครองแผ่นดินสืบต่อมาหลายพระองค์ และหลายราชวงศ์ แต่ถ้าจะนับเนื่องถิ่นกำเนิดแล้วก็จะมาจากสองแหล่ง คือจากเมืองลพบุรีหรือลัวะ และสุพรรณบุรี ดังนั้นพระราชวงศ์ในอยุธยาจึงมีที่มาจากสองแหล่งหลัก และประสมประสานบ้างตามที่สถานการณ์มีอันเป็นไป และนั่นจึงเป็นที่มาของคำเรียกประเทศไทยว่าเสียมหลอ
ในปลายอยุธยา กรุงศรีอยุธยาได้เสียแก่พม่าซึ่งยุคนั้นได้บังเกิดยอดขุนพลขึ้นในแผ่นดินพุกามประเทศถึง 4 คน มีความปรีชาสามารถเสมอด้วยมหาราชบุเรงนองในอดีต นั่นคือมังมหานรธา เนเมียวสีหบดี เนเมียวสีหตู และอะแซหวุ่นกี้
กองทัพอยุธยาพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์แก่กองทัพพม่าที่นำโดยมังมหานรธา และเนเมียวสีหบดี ที่กำหนดยุทธศาสตร์ทำสงครามข้ามปีเพื่อทำลายแผนลับทางยุทธศาสตร์ที่อาศัยเทศกาลน้ำท่วมขับไล่ข้าศึก ดังนั้นเมื่อน้ำลดและเกิดความระส่ำระสายขึ้นในเมืองจึงเสียกรุงศรีอยุธยาแก่ข้าศึก
เดชะบุญที่มีศึกจีน-พม่าติดพัน กองทัพพม่าที่นำโดยเนเมียวสีหตูและอะแซหวุ่นกี้ยกไปยอศึกกองทัพจีนและได้ชัยชนะต่อกองทัพจีนถึงสองครั้ง จนหลังสุดพระจักรพรรดิเฉียนหลงต้องส่งกองทัพแปดธงซึ่งเป็นกองทัพหลักด้วยกำลังพลสามสิบหมื่นเข้าตีพม่า กองทัพพม่ารับพลางถอยพลางและเรียกกองทัพเนเมียวสีหบดีให้ขึ้นไปยันทัพจีน
ขณะนั้นอยุธยาใกล้จะเสียเมืองแล้ว เนเมียวสีหบดีได้ถวายฎีการั้งกองทัพไว้ถึงสองครั้ง จนมีหมายรับสั่งเรียกกองทัพเป็นครั้งที่สาม หากฝ่าฝืนก็จะกลายเป็นกบฏปานนั้น เนเมียวสีหบดีก็ยังขอเวลาอีก 7 วันซึ่งพอดีกับกรุงศรีอยุธยาแตก ดังนั้น กองทัพเนเมียวสีหบดี จึงมีเวลาอยู่อยุธยาเพียงแค่ 7 วัน และต้องเคลื่อนทัพขึ้นไปยอทัพจีนจนกระทั่งมีการเจรจาสงบศึกกัน
ทิ้งกรุงศรีอยุธยาให้พวกมหาโจรนักล่าอาณานิคมที่แฝงตัวมาในรูปผู้เผยแผ่ศาสนาเผาทำลายวัดวาอารามและลอกเอาทองคำกลับคืนไปแล้วป้ายผิดให้เป็นพม่า สร้างความเกลียดชังไทย-พม่า ในใจคนสองชาติ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความลำบากยากเข็ญ และด้วยการสนับสนุนจากกองทัพจีนสามแสนคนที่ยกพลขึ้นบกมารออยู่ที่จันทบุรี ดังนั้นเมื่อบรรจบทัพกันแล้วกองทัพไทยจึงหวนกลับตีทัพพม่าแตกไปโดยลำดับ จนกระทั่งขับไล่พม่าพ้นไปจากอยุธยา และสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงใช้เวลาถึง 15 ปีในรัชกาลทำสงครามศึกเหนือเสือใต้จนแผ่นดินอ่อนแอลงด้วยสงคราม และเกิดความแปรปรวนขึ้นในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งการพระศาสนา
จึงเป็นเหตุให้องค์พระปฐมบรมกษัตริย์จำต้องปราบดาภิเษกสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์ขึ้นและย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่ฝั่งพระนคร สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวงของพระราชอาณาจักรไทยแต่นั้นมา จึงทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติที่อาจจะเสียบ้านเสียเมืองหรือแผ่นดินแตกแยกออกเป็นก๊กเหล่ายิ่งกว่าแต่ก่อนได้สำเร็จ
เมื่อทรงสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์แล้วก็ทรงประกาศยุทธศาสตร์ชาติเป็นกลอนสั้นๆ ว่า “ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา จะป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตรี” นับเป็นยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรกครั้งแรกของพระราชอาณาจักรไทย การดำเนินยุทธศาสตร์ชาติครั้งแรกเกิดขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งยากและลำบากอย่างยิ่ง ด้านหนึ่งต้องทำศึกสงครามเพื่อปกป้องพระราชอาณาจักรและบำรุงราษฎร ด้านหนึ่งต้องสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นใหม่แทนสภาพเดิมที่ถูกทำลายแทบไม่เหลือซาก ต้องทำสังคายนาพระไตรปิฎก ต้องฟื้นฟูการบริหารการพระศาสนาขึ้นใหม่ ทรงสถาปนาองค์ปฐมสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นสถิตที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
อีกด้านหนึ่งก็ต้องจำเริญไมตรีกับต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนและบรรดาประเทศในสุวรรณภูมิเพื่อทำมาค้าขายเท่าที่จะทำได้ และจัดการปกครองบ้านเมืองให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
เหล่านี้เป็นพระคุณยิ่งแก่ประเทศไทยและชนชาวไทยทั้งผอง หาไม่แล้ววันนี้เราอาจไม่มีแผ่นดินอยู่อาศัย ไม่มีชาติเป็นของตนเอง และนั่นก็เป็นรากฐานแห่งความมั่นคงมั่งคั่งให้แก่ประเทศไทยและประชาชนไทยมาถึงทุกวันนี้
ขอผองเราได้น้อมรำลึกวันจักรี น้อมรำลึกถึงพระคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในลักษณาอาการที่ว่านี้เถิด ก็จะอิ่มเอิบใจเบิกบานใจ ประโลมใจให้พ้นจากความวุ่นวายใจในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี