สถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ การทำโครงการความฉิบหายแห่งชาติคือโครงการแลนด์บริดจ์เดินหน้าไม่ได้เพราะไม่มีใครเล่นด้วย จึงคงเหลือแต่ว่าโครงการขุดคลองกระจะเดินหน้าไปได้หรือไม่ สถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังเห็นว่ามีอุปสรรคมากหลาย
อุปมาภาคใต้ของประเทศไทยเป็นสาวงาม ใครๆ ก็หมายได้ไปครอง เพราะภูมิยุทธศาสตร์ตรงนี้มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์โลก และเป็นศูนย์กลางสองยุทธศาสตร์สำคัญของโลกที่กำลังปะทะกันในปัจจุบัน โดยมีศูนย์กลางใหญ่อยู่ที่ประเทศไทย โดยเฉพาะคือพื้นที่ด้ามขวานเพชรนั่นเอง
สำหรับกลุ่มประเทศนักล่าอาณานิคมที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์หลักของโลกประการหนึ่งคือยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกนั้น ถือจีนเป็นภัยคุกคามของโลกที่ต้องกำจัดขัดขวาง และทำการทุกรูปแบบเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อชาวโลก แม้ถึงขั้นต้องทำสงคราม
กับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลุ่ม BRICS ที่มีจีนเป็นศูนย์กลาง ที่มีความคิดว่าการพัฒนาและการสร้างสันติภาพจะสามารถหยุดยั้งความขัดแย้งและสงครามในโลกนี้ได้ ดังนั้นโดยสภาพที่แท้จริงก็คือกลุ่ม BRICS กำลังใช้ยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมในการรับมือกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของกลุ่มนาโต
ภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกนั้นได้แบ่งภูมิภาคของโลกนอกจากยุโรปและสหรัฐออกเป็น 3 ภูมิภาค คือภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิก และภูมิภาคอาเซียน โดยตั้งแกนกำลังแสนยานุภาพรับผิดชอบแต่ละภูมิภาคคือ
แกน QUAD ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่นรับผิดชอบด้านแสนยานุภาพในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย
แกน AUKUS ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย รับผิดชอบด้านแสนยานุภาพในภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมรวมถึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันด้วย
แกนอาเซียน ประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และประเทศไทย โดยประเทศไทยได้ลงนามเข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งสถานทูตสหรัฐได้นำแถลงการณ์ดังกล่าวนี้มาเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นที่ทราบกันดีทั่วไปแล้ว
ในบรรดาประเทศอาเซียน 10 ประเทศนั้นเป็นภูมิภาคที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพราะมีสภาพเป็นผืนแผ่นดิน มีประเทศที่กำลังพัฒนา 10 ประเทศ มีประชากรรวมกันถึง 650 ล้านคน ประกอบด้วยเมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ในบรรดา 10 ประเทศนี้ประเทศที่อยู่ใกล้จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน และมีนัยสำคัญคือประเทศไทย ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นศูนย์กลางของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และเป็นศูนย์กลางของประเทศอาเซียนด้วย
ดังนั้นภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ประเทศไทยจึงตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกใช้เป็นฐานทัพทางทหารในรูปแบบต่างๆ แม้กระทั่งเป็นฐานทัพทางเศรษฐกิจ และข้อมูลข่าวสารในการทำสงครามแก่กันด้วย
และภูมิยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยก็คือด้ามขวานเพชรทางภาคใต้ของประเทศไทย เพราะแนวใดแนวหนึ่งของพื้นที่นี้สามารถขุดคลองเชื่อมสองฝั่งฟากมหาสมุทรได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วในการขับเคลื่อนแสนยานุภาพทางนาวีและอื่นๆ
ดังนั้นภูมิยุทธศาสตร์ที่จะเป็นคลองกระจึงเป็นยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เป็นศูนย์กลางของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้วย ดังนั้นการควบคุมการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการขุดคลองจึงเป็นปัญหายุทธศาสตร์ที่ชาติมหาอำนาจจะพยายามขัดขวางไม่ให้ประเทศไทยทำการได้ตามความปรารถนา แม้ว่าจะเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทยสักเท่าใดก็ตาม
โดยสรุปก็คือ การขุดคลองไทยเป็นนัยสำคัญของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของกลุ่มนาโตที่ไม่มีวันยอมให้ประเทศไทยทำการได้บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศไทย แต่ต้องเป็นไปบนผลประโยชน์ของนาโตโดยเฉพาะ
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมด้วย โดยมีลักษณะพิเศษคือเป็นศูนย์กลางทั้งทางน้ำและทางบก
ในส่วนทางน้ำนั้น ประเทศไทยเคยเป็นศูนย์กลางเส้นทางสายไหมทางทะเลมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์หมิง ที่ส่งเจิ้งเหอนำกองเรือมาขยายบทบาทความสัมพันธ์และการค้าตลอดย่านน้ำริมมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกไปจนถึงมหาสมุทรอินเดียมานานนักหนาแล้ว จนมีศาลเจิ้งเหอตั้งขึ้นตลอดแนวฝั่งทะเลภาคใต้ไปจนถึงอินโดนีเซียและมะละกา ซึ่งเส้นทางนี้แต่โบราณก็เป็นเส้นทางค้าขายและวัฒนธรรมระหว่างจีนกับอาเซียนนั่นเอง
หลังจากมีการประกาศยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมแล้ว แนวทางของยุทธศาสตร์นี้ก็ครอบคลุมถึงการคมนาคมทางบกและทางทะเลด้วย
ในทางบกนั้น เป็นการเชื่อมต่อกันโดยทางรถไฟของประเทศที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลกกว่า 120 ประเทศ ยกเว้นก็ประเทศที่เป็นเกาะ 5 ประเทศ คือ สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และอังกฤษ ซึ่งระยะหลังนี้อังกฤษก็ขอเข้าร่วมยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมด้วย
เส้นทางสายไหมทางบกคือเส้นทางรถไฟทั้งขนคนและขนของหรือทั้งสองอย่างเชื่อมต่อกว่า 120 ประเทศ ทำให้การค้าการคมนาคม และการไปมาหาสู่ของชาวโลกเป็นไปโดยสะดวกรวดเร็ว บุกเบิกศักราชใหม่ของโลกในการพัฒนาและสร้างสันติภาพขึ้นในโลก
ส่วนเส้นทางสายไหมทางทะเลนั้น ก็ถือเอาเส้นทางเดินเรือทั้งหมดทุกฝั่งฟากมหาสมุทร รวมถึงพื้นที่ฝั่งภาคใต้ของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางเส้นทางสายไหมทางทะเลด้วย
เส้นทางสายไหมทางบกที่เชื่อมต่อกว่า 120 ประเทศนั้นจะลงใต้สุดมาอยู่ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีนเพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศอาเซียน 10 ประเทศ โดยแยกเส้นทางเป็นสามสาย
สายแรก จากคุนหมิงไปยังเนปิดอว์ ย่างกุ้ง ลงมายังฝั่งทะเลเมียนมาด้านมหาสมุทรอินเดียแล้วมีเส้นทางไปทางอ่าวเบงกอล
สายที่สอง จากคุนหมิงไปยังมณฑลกวางสี ภาคใต้ของจีนเข้าไปยังเวียดนาม ผ่านฝั่งทะเลเวียดนามไปยังโฮจิมินห์ ซิตี้ และไปปลายสุดที่กัมพูชาตอนใต้ใกล้กับอ่าวไทย
สายที่สาม จากคุนหมิงไปยังสิบสองปันนา เข้ามายังนครเวียงจันทน์ของลาว เพื่อเชื่อมต่อข้ามแม่น้ำโขงมายังจังหวัดหนองคายของประเทศไทย และเชื่อมต่อไปยังอุดรธานี ขอนแก่น โคราช กรุงเทพฯ และจากกรุงเทพฯ ก็จะเชื่อมต่อไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน และอินโดนีเซียต่อไป จึงทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางเส้นทางสายไหมทางบกไปโดยอัตโนมัติ
และเส้นทางนี้เมื่อผ่านภาคใต้ก็สามารถเชื่อมต่อไปยังสองฝั่งทะเล ซึ่งอาจจะมีการก่อสร้างท่าเรือสำหรับขนส่งสินค้าไปยังด้านมหาสมุทรอินเดียและด้านมหาสมุทรแปซิฟิกได้ด้วย
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าประเทศไทยโดยเฉพาะด้ามขวานเพชรของประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมและยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งทั้งสองยุทธศาสตร์นี้กำลังปะทะกันในทุกมิติทุกด้าน ดังนั้นจึงทำให้พื้นที่ด้ามขวานเพชรที่จะทำเป็นคลองกระกลายเป็นพื้นที่ช่วงชิงอย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์
ประชาชนชาวไทยทั้งหลายจึงพึงทำความเข้าใจฐานะอันสำคัญและประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของภูมิยุทธศาสตร์ของคลองไทยให้กระจ่างใจ แล้วช่วยกันขับเคลื่อนผลักดันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนสืบต่อไปตลอดกาลนาน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี