นับแต่โคบ้าระบาดในประเทศไทยเมื่อ 17 เดือนก่อนทุกภาคส่วนในประเทศล้วนได้รับผลกระทบและยิ่งการแพร่ระบาดขยายตัวลุกลามมากขึ้น โดยเฉพาะมีผู้ป่วยในปี 2564 ชั่ว 5 เดือน เพิ่มมากกว่าปี 2563หลายเท่าตัว และมีผู้เสียชีวิตในอัตราเร่งอย่างน่าสนใจก็ยิ่งทำให้เกิดผลกระทบแก่ทุกภาคส่วนมากขึ้น
จนถึงวันนี้ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าประเทศไทยจะออกจากห้วงเหวแห่งหายนะจากการแพร่ระบาดของโคบ้าได้อย่างไร แม้คนมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ก็ดูเหมือนอับจนสติปัญญาจนไม่เป็นอันแก้ไขปัญหาใดๆ ให้สำเร็จได้ เอะอะก็ได้แต่ตั้งคณะกรรมการเพียงเพื่อซื้อเวลาไปวันๆ ในขณะที่ความเสียหายและวิบัติก็เพิ่มมากขึ้นในอัตราเร่ง
มาถึงวันนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการเดินหนทางใช้วัคซีนรับมือกับโคบ้านั้นผิดพลาดล้มเหลว จึงทำให้เสียงเรียกร้องในการเดินหนทางใช้ยารักษาโคบ้าตามแบบอย่างของประเทศจีนที่ประสบความสำเร็จและนำพาประเทศจีนกลับสู่ความเป็นปกติแล้วอย่างกว้างขวาง ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าจะดื้อรั้นดึงดันต่อไปหรือว่าจะปรับหนทางใหม่ให้ทันท่วงที
นั่นคือเปลี่ยนมาใช้หนทางใช้ยารักษาโคบ้า ซึ่งสามารถรักษาตามอาการให้ผู้ป่วยหายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสถิติการรักษาผู้ป่วยให้หายโดยการใช้ยาของโรคในขณะนี้มีผลชัดเจนกว่า 99% นั่นคือผู้ป่วยของโรคได้รับการรักษาตามอาการให้หายป่วยไปแล้วถึงประมาณ 150 ล้านคน โดยคงเหลือผู้ป่วยสะสมระหว่างรักษาอยู่เพียง 19 ล้านคนเท่านั้น การรักษาให้หายป่วยดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับวัคซีนเลย
จะเดินหนทางผิดเข้ารกเข้าพงลงเหวต่อไป หรือจะปรับหนทางใหม่มาใช้ยารักษาโคบ้า จึงเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องร่วมด้วยกันหยุดม้าไว้ริมผาแล้วหันมาเดินหนทางใหม่ให้ทันท่วงที หรือมิฉะนั้นก็ต้องลงจากม้าแล้วถีบม้าให้ตกหน้าผาไป ก็จะรักษาชีวิตประชาชนและความดำรงอยู่ของบ้านเมืองเอาไว้ได้
ในการรับมือกับโคบ้านั้นไม่ใช่จะรับมือเฉพาะโคบ้าอย่างเดียวได้ แต่จะต้องรับมือกับวิกฤติทางเศรษฐกิจด้วย เพราะในพลันที่โคบ้าแพร่ระบาดขึ้นก็มีการใช้อำนาจให้ผู้ประกอบการทั้งหลายหยุดประกอบการบ้าง หรือถูกกำหนดเงื่อนไขในการทำงานบ้าง จนในที่สุดก็ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามปกติได้ กิจการจำนวนมากต้องปิดกิจการ ต้องเลิกจ้าง ต้องขายกิจการ ต้องล้มละลาย ผู้คนตกงานกันทั้งประเทศ ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ และเกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายเพราะไร้ทางออกกันเป็นจำนวนมาก เหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องให้ความสำคัญในระดับสูงสุดควบคู่กันไป
แต่เป็นที่น่าสลดใจอย่างยิ่งเพราะตลอดระยะเวลา17 เดือนเศษที่ผ่านมาไม่เคยมีมาตรการใดๆ ในการเยียวยาหรือช่วยเหลือให้บรรดาผู้ประกอบการทั่วประเทศให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งขณะนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่าเศรษฐกิจไทยต่ำเตี้ยเกือบจะรั้งท้ายสุดของประเทศทั้งหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน
นั่นเป็นเพราะไม่มีการตระหนักถึงผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและผู้ประกอบการกันเลย 17 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยมีมาตรการใดๆ ในการให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการทุกภาคส่วนเลยแม้แต่เรื่องเดียวมีแต่กู้เงินมาแจกคนบางกลุ่มบางหมู่ ซึ่งในที่สุดผลจากการแจกเงินนั้นกลับไปตกได้แก่ทุนใหญ่ไม่ถึง 10 รายเท่านั้น
ดังนั้นการที่คนบางกลุ่มเพ้อฝันว่าประเทศไทยในปี 2565 เศรษฐกิจจะฟื้นตัว จะมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 2-4% จึงเป็นเพียงการฝันกลางวันและลวงโลกทั้งสิ้น เพราะปัจจุบันนี้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศติดลบอย่างน้อย 2-3% หากจะให้อัตราการขยายตัวเป็นบวก 2-4% นั่นหมายความว่าต้องทำให้อัตราการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ระดับ 4-6% ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีฐานะความเป็นจริงดำรงอยู่ เป็นได้แค่ความเพ้อฝันหรือหลอกคนโง่เท่านั้น
ผลจาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มีการโอนอำนาจของรัฐมนตรีทุกกระทรวงไปรวมไว้ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว และมีการตั้ง ศบค. ขึ้นเป็นผู้ใช้อำนาจนั้น ประกอบด้วยหมอจำนวนหนึ่ง รัฐมนตรีจำนวนหนึ่งและข้าราชการประจำอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่ง 17 เดือนที่ผ่านมา ก็เห็นกันชัดเจนแล้วว่า ศบค. ไม่เคยออกมาตรการใดๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเลยแม้แต่มาตรการเดียว จึงไม่เป็นที่วางใจหรือเป็นที่หวังว่าจะคิดอ่านทำการเรื่องนี้ได้
เพราะเหตุที่การทำงานของ ศบค. ตลอดระยะที่ผ่านมาไม่ได้ผลและล้มเหลว เพราะความจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่าไม่เพียงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้เท่านั้น การแพร่ระบาดและความสูญเสียได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนกำลังจะเกินกำลังระบบสาธารณสุขของประเทศแล้ว แม้กระทั่งวัคซีนที่ยึดถือเป็นสรณะและผูกขาดการนำเข้าไว้เพียง 2 ยี่ห้อเป็นอย่างไรก็รู้ๆ กันอยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมองค์กรทั้งหลายรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถึง 72 จังหวัด จึงแห่กันไปขอซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้ามา
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินจะต้องคิดอ่านกำหนดมาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นจริงเป็นจังและต้องโดยผู้มีสติปัญญาความสามารถ ไม่ใช่รอลมแล้งจากผู้ที่เห็นประจักษ์อยู่แล้วว่าผลงานเป็นประการใด
ถ้าเศรษฐกิจของประเทศชาติไม่ฟื้นคืนมา ถึงจะรวบอำนาจผูกขาดไว้อย่างไร ในที่สุดก็จะรักษาไว้ไม่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี