ประเทศไทยของเราตั้งแต่โบราณกาลมาเป็นประเทศที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและลัทธิความเชื่อต่างๆ และไม่เคยมีความรังเกียจเดียดฉันท์ระหว่างศาสนิกต่างศาสนากันแต่ประการใดเลย
ประเทศไทยจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่ศาสนิกของทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมีความสุข ไม่ตั้งข้อเบียดเบียนทำร้ายหรือทำลายกัน มิหนำซ้ำยังเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันและกันจนเป็นแบบอย่างอันดีงามให้แก่หลายประเทศที่มีปัญหาขัดแย้งหรือถึงขั้นรุนแรงระหว่างศาสนิกของศาสนาต่างๆ
แม้ในศาสนาเดียวกันและมีนิกายต่างๆ ในศาสนานั้น แต่ละนิกายก็มีอยู่ในประเทศไทยไม่ว่าในศาสนาคริสต์หรือศาสนาอิสลาม และทั้งหมดนี้พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงให้การอุปถัมภ์และทรงดำรงฐานะที่พิเศษกว่าประเทศอื่นใดในโลก คือทรงมีฐานะเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกถึงขั้นมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และทรงให้การอุปถัมภ์บำรุงทุกศาสนาทุกนิกายเสมอกัน
เพราะเหตุนี้พระเจ้าแผ่นดินจึงทรงเป็นศูนย์รวมใจของศาสนิกของทุกศาสนาทุกนิกายในประเทศไทย
สำหรับศาสนาอิสลามนั้นแม้ว่าหลายประเทศต่อต้านชิงชังรังเกียจ อย่างน้อยก็ขัดขวางในการเผยแผ่ศาสนา อย่างเบาที่สุดก็ไม่สนับสนุนการเรียนการสอน แต่สำหรับประเทศไทยกลับได้รับการส่งเสริมสนับสนุนเช่นเดียวกับทุกศาสนา แม้กระทั่งการส่งเสริมให้จัดพิมพ์พระคัมภีร์อัลกุรอานในประเทศไทย ก็ได้รับการสนับสนุนอุปถัมภ์จากพระเจ้าแผ่นดินที่พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดพิมพ์ครั้งยิ่งใหญ่นั้นเป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจของชาวมุสลิมทุกวันนี้
แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดอย่างยิ่งที่ประเทศไทยซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองของพระพุทธศาสนา เป็นศูนย์กลางศาสนาของโลก แต่กลับมีนิกายในพระพุทธศาสนาไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะนิกายวชิรญาณซึ่งเป็นหนึ่งในนิกายใหญ่ในพระพุทธศาสนากลับไม่มีอยู่ในประเทศไทย เพราะไม่เคยมีการอัญเชิญพระพุทธศาสนานิกายวชิรญาณมาประดิษฐานในประเทศไทยเลย
ความจริงตั้งแต่ครั้งโพธิกาล แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะทรงบัญญัติกรรมฐานวิธีซึ่งเป็นมรรควิธีในการศึกษาปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานไว้ถึง 36 แบบ แต่ทั้ง 36 แบบวิธีนี้กลับไม่มีแบบแผนวิธีในการบรรลุมรรคผลแบบวชิรญาณ ในขณะที่พระสาวกจำนวนไม่น้อยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงโปรดด้วยพระองค์เองได้บรรลุความเป็นพระอรหันต์ด้วยแบบแผนวิธีแห่งวชิรญาณ
การบรรลุมรรคผลนิพพานในพระพุทธศาสนาความจริงมีอยู่ถึงสามเส้นทาง คือ เส้นทางเจโตวิมุติที่เจริญกรรมฐานให้จิตมีกำลังแก่กล้าและเจริญปัญญาอย่างหนึ่ง เส้นทางปัญญาวิมุติที่เจริญกรรมฐานในเส้นทางของฌานและเจริญปัญญาหลุดพ้นออกไปจากความยึดมั่นถือมั่น และเส้นทางการบรรลุมรรคผลนิพพานในชั่วแวบเดียวที่เกิดปัญญาหลุดพ้น นั่นคือเส้นทางวชิรญาณ
ดังเช่นสมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรดพราหมณ์คนหนึ่งซึ่งอาบน้ำอยู่ริมแม่น้ำคงคาทุกยามเช้า ทรงมีรับสั่งถามว่าอาบน้ำทำไม พราหมณ์ตอบว่าเพื่อถึงซึ่งความบริสุทธิ์และจะได้ไปสู่สวรรค์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ถ้าการอาบน้ำในแม่น้ำคงคานี้ทำให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์และไปสู่สวรรค์ได้จริงแล้ว บรรดาเต่าปูปลาในแม่น้ำคงคานี้ก็คงจะถึงซึ่งความบริสุทธิ์ไปสู่สวรรค์กันหมดแล้ว
ในชั่วแวบนั้นพราหมณ์ดังกล่าวก็เกิดปัญญาเจิดจ้าขึ้น และหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่น เข้าถึงกระแสแห่งพระอริยเจ้าได้ดวงตาเห็นธรรม
หรือกรณีที่พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งนับว่าเป็นพระสงฆ์ที่โง่ที่สุด ความจำสั้นที่สุด ความคิดก็สับสน นั่นคือท่องอะไรก็ไม่จำ ร่ำเรียนอะไรก็ไม่เข้าใจ คำสอนสิ่งใดก็ไม่รู้ และเห็นว่าบวชไปก็เสียเวลาเปล่าจึงไปกราบทูลลาอุปสมบท
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานผ้าขาวให้แก่ภิกษุโง่นั้นผืนหนึ่ง แล้วให้พระภิกษุนั้นไปซักผ้าขาว โดยในขณะซักก็ให้ท่องคาถาว่า ระโชโหระณัง ซึ่งแปลว่าผ้าขาวจริงหนอ ภิกษุนั้นนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ปรากฏว่ายิ่งซักเท่าใดผ้าขาวนั้นกลับหมองและดำคล้ำขึ้นทุกที ในทันใดนั้นก็วาบขึ้นในห้วงแห่งความคิดว่าความขาว ความดำ เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่น เพียงเท่านั้นก็หลุดพ้นออกจากความยึดมั่นถือมั่นได้ดวงตาเห็นธรรม
นี่คือการบรรลุมรรคผลในหนทางวชิรวิมุติ
หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระพุทธศาสนาได้แยกออกเป็น 3 นิกาย คือเถรวาทหรือหินยาน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลาง นิกายมหายาน ซึ่งประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม นับถือนิกายมหายานนี้
สำหรับนิกายวชิรญาณนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่ทิเบต ไม่มีแบบแผนวิธีปฏิบัติหรือคัมภีร์มากมายเหมือนกับนิกายเถรวาท แต่มุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อหวังประสบพานพบกับอาการแวบขึ้นแห่งปัญญาและหลุดพ้น
พระสงฆ์ไทยบางกลุ่มและพุทธศาสนิกชนบางกลุ่มมีความคิดที่จะอัญเชิญนิกายวชิรญาณ มานานแล้วแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเพราะไม่ใช่เรื่องที่ราษฎรจะทำได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยขาดความครบถ้วนสมบูรณ์ในนิกายทั้งสามแห่งพระพุทธศาสนา
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้บ้านเมืองของเราจึงมีแต่เรื่องขาดๆ เกินๆ ไม่มีอาการเพ็ญหรือบริบูรณ์ในแทบทุกเรื่อง จึงก่อเกิดปัญหาไม่หยุดไม่หย่อนในทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี