นักเขียนชื่อดัง นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ นามปากกา “นิ้วกลม”โพสต์เฟซบุ๊ค “Roundfinger”
เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก โดยเขียนประเด็นดราม่า บิดเบือนปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึก ปั่นกระแสสังคมในยามสถานการณ์ฉุกเฉิน
1. “นิ้วกลม” บอกว่า
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโรคระบาด สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีกคือความไม่แน่นอนที่เกิดจากการบริหารจัดการของร้าบานที่ทำอะไรเหมือนไม่เห็นหัวประชาชน
1. ไม่จริงใจเปิดเผยปัญหาและบอกข้อมูลที่จำเป็น ทำให้ทุกคนทุกธุรกิจไม่รู้จะวางแผนรับมือยังไง
2. ไม่เคยมีการบอกแผนการล่วงหน้า แต่ใช้วิธีประกาศฉุกละหุก (เช่นเที่ยงคืน???) ทั้งที่เมื่อวานยังชูสองนิ้ว victory อยู่เลย...”
ข้อเขียนข้างต้นนี้ บิดเบือนอย่างร้ายกาจ
ประการแรก การตัดสินใจมาตรการล่าสุดของ ศบค. ประเมินจากสถานการณ์ล่าสุด ที่ กทม.มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มวันละพันกว่าคนอย่างต่อเนื่อง มีคลัสเตอร์พันกว่าแห่ง จึงต้องยกระดับมาตรการ ไม่ใช่เรื่องที่จะรับรู้ได้ล่วงหน้าเป็นเดือนว่าจะมีสถานการณ์แบบนี้ แล้วจะทำอย่างนี้ก่อนหน้านี้ มันเป็นมาตรการยกระดับตามสถานการณ์แพร่ระบาดที่มีความไม่แน่นอน
ประการที่สอง กล่าวหาว่า “ประกาศฉุกละหุก เช่น เที่ยงคืน ทั้งที่เมื่อวานยังชูสองนิ้วอยู่เลย”
นี่คือสิ่งสะท้อนระดับเจตนาและความสับสนในตัวเองของ “นิ้วกลม” เพราะการประกาศในเว็บไซต์ราชกิจจาฯ นั้น มันเป็นเรื่องขั้นตอนในทางกฎหมายปกติ โดยลงวันที่มาตรการจะเริ่มมีผลใช้บังคับไว้ว่าเป็นวันจันทร์ที่ 28 มิ.ย. ไม่ใช่เรื่องฉุกละหุกอะไรอย่างที่มั่วนั่นเลย
ยิ่งกว่านั้น วันที่ “นิ้วกลม” หาว่ายังชูสองนิ้วอยู่เลย นั่นก็สะท้อนความ “กลวง” และ “คิดแต่จะดิสเครดิต” โดยไม่สนใจเนื้อหาสระของข่าวสารเลย เพราะในวันที่ชูสองนิ้วนั้น คือ ท้ายการแถลงข่าวหลังมีมติในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งนายกฯ ก็ได้พูดชัดเจนว่า จะมีมาตรการปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน โดยจะมีการจ่ายเยียวยา และชูสองนิ้วให้กำลังใจบุคลากรสาธารณสุขและคนไทยให้ร่วมสู้ไปด้วยกันและอธิบายว่าสองนิ้วยังหมายถึงวิคทอรี่และแวคซีนด้วย
แสดงว่า “นิ้วกลม” ไม่ได้อ่านเนื้อข่าวอะไรเลยหรือ แต่เห็นภาพ และคว้ามาด่า โจมตี ขับไล่รัฐบาล ตามจริตและความต้องการส่วนตนที่มีอยู่แล้วเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่?
2. “นิ้วกลม” บอกว่า
“...3. ตัดสินใจในเรื่องที่มีผลต่อคนจำนวนมหาศาล แต่ไม่มีมาตรการเยียวยาช่วยเหลืออย่างทั่วถึงในรูปแบบต่างๆ พวกท่านกำลังทำงานที่รับผิดชอบกับความเป็นความตายของประชาชน ทั้งตายจากโรคระบาดและตายจากตกงาน ธุรกิจพัง รวมทั้งตายจากหมดแรงสู้ ท้อใจใจสลาย อยากรู้ว่าท่านๆได้ยินเสียงร้องไห้ของประชาชนบ้างไหม หรือเสียงหัวเราะของคนรอบตัวกลบไปหมดแล้ว งงจริงๆ ว่าหัวเราะปล่อยมุกกันแบบนั้นได้ยังไง แล้วถัดมาอีกวันก็มาประกาศล็อกดาวน์ตอนเที่ยงคืน โดยจะมีผลในอีก 2 วันถัดไป
เห็นรอยยิ้ม การปล่อยมุข เสียงหัวเราะคึกครื้นของท่านแล้วอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าท่านรับรู้ความเจ็บช้ำของประชาชนบ้างไหม โรคระบาดอาจไม่กระทบรายได้และความเป็นอยู่ของพวกท่านเพราะไม่เคยมีไอเดียที่แสดงถึงการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนแต่อย่างใด ท่านเหมือนอยู่คนละโลกกับประชาชนจริงๆ ครับ
เค้าจะตายกันหมดแล้วท่านได้ยินบ้างเถอะครับ...”
ข้อเขียน เพียงมุ่งจะทำให้ตนเองดูดี เป็นที่รัก แต่บิดเบือนการทำงานของผู้เกี่ยวข้องอย่างไร้ความรับผิดชอบ
เพราะอะไร?
การที่นายกฯ ประชุมด่วนกับ ศบค.ชุดเล็ก และทีมแพทย์ที่ปรึกษาชุดใหญ่นั้น ก็บอกอยู่ในตัวเองแล้วว่า เพราะคำนึงถึงความเป็นความตายของประชาชน จึงได้ยกระดับมาตรการขึ้นมาดูแล โดยหลังออกข่าว ก็มีการออกประกาศในราชกิจจาฯ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติก่อนบังคับใช้
ตรงกันข้าม “นิ้วกลม” จำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ตัวเองชื่นชมบูชาได้มั้ย ตอนน้ำท่วมใหญ่ ปี’55 นายกฯ ว.5 ไปที่โรงแรมหรูกลางกรุง นั่นคือตัวอย่างความใส่ใจชีวิตประชาชนหรือ?
การพยายามด้อยค่านายกฯ และคนรอบตัว ซึ่งวันนั้นก็คือคุณหมอผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น เป็นวิธีการที่ไม่ใช่วิถีอันน่ากระทำของปัญญาชน ที่ไม่ใช่เกรียนคีย์บอร์ดที่ไร้ความรับผิดชอบ กล่าวหาว่าอยู่กันคนละโลกกับประชาชนนั้น ความจริง คือ ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกคนล้วนรับผลกระทบหมด ทีมแพทย์ที่อยู่ข้างๆ นายกฯ ในวันนั้น กระทบหนักกว่า “นิ้วกลม” แน่นอน เพราะต้องเผชิญกับสถานการณ์ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ตนเองและลูกน้องต้องเสี่ยงชีวิตครอบครัวในการทำหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย นายกฯ กับครอบครัวก็เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับคนในประเทศนี้ ต่างกับคนหนีคดีโกงที่ “นิ้วกลม” เชิดชูบูชาเขาอยู่ต่างประเทศมากนัก
3. “นิ่วกลม” บอกว่า
“...ได้พูดคุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจที่ปรับตัวแล้วปรับตัวอีก เปลี่ยนมาสามธุรกิจตั้งแต่โควิดเกิดขึ้น แต่จากการไม่มีภาพระยะยาวจากภาครัฐและเปลี่ยนแปลงไปมา ทำให้เขาท้อใจและหมดแรง ผู้คนในองค์กรก็หมดใจ เค้าจะซึมเศร้ากันหมดแล้ว—ท่านได้ยินบ้างเถอะ ทำอะไรคิดถึงความทุกข์ ความเหนื่อย ความลำบาก และความเป็นความตายของประชาชนบ้าง
เข้าใจทุกครั้งที่มีคนบอกว่าประเทศอื่นก็มีปัญหา เข้าใจครับว่าปัญหานี้มันไม่ง่าย แต่สิ่งที่เข้าใจไม่ได้คือความไม่รู้สึกรู้สากับความเดือดร้อนของประชาชน เสียงหัวเราะ ใบหน้าระรื่น มุขไม่ขำ คำพูดล้อเล่นนะจ๊ะเหล่านั้นไม่ได้ช่วยคลายเครียดแต่อย่างใด ตราบที่วันหนึ่งประกาศอย่าง พอเที่ยงคืนอีกวันประกาศอีกอย่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่าท่านคิดถึงประชาชนน้อยเหลือเกิน เห็นผู้คนช่วยเหลือกัน ธุรกิจก็ซัพพอร์ตกันคนตัวเล็กตัวน้อยดิ้นรนทุกวิถีทาง พยายามปรับตัวขูดเค้นสมองมาแก้วิกฤติในมุมส่วนตัว แล้วหันมาเจอการทำงานของฝั่งรัฐบาลแบบนี้แล้วท้อใจจริงๆ ประชาชนเต็มที่แล้ว ท่านทำอะไรที่ดีกว่านี้เพื่อประชาชนบ้างหรือยัง
ถ้าทำไม่ได้ ลาออกเถอะครับ ออกไปเถอะครับ...”
ไม่น่าเชื่อว่า นักเขียนระดับ “นิ้วกลม” จะอับจนประเด็น ถึงขนาดวนเวียนพันหลัก อยู่กับความเข้าใจผิดของตัวเอง ดังที่บอกว่าวันหนึ่งประกาศอย่าง เที่ยงคืนอีกวันประกาศอย่าง เพราะนายกฯ และคณะ ได้ประกาศมาตั้งแต่วันศุกร์แล้วว่าจะไม่มีล็อกดาวน์ แต่จะควบคุมเฉพาะจุด จากนั้น ประกาศในราชกิจจาฯ ก็ออกมาตามนั้นทุกประการ
ที่เหลือ “นิ้วกลม” ก็เพียงประดิษฐ์คำไปล้อกับการเรียกร้องของม็อบสามนิ้ว และแกนนำคณะก้าวหน้า ที่ยืมเอาคำในวรรณกรรมต่างประเทศมาใช้ในการไล่รัฐบาล เท่านั้นเอง
พยายามปั่นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน บนฐานข้อมูลที่บิดเบือนของตนนั่นเอง
เจตนาตั้งต้นคือการไล่รัฐบาลนั่นแหละ
แค่พยายามจะทำให้ตัวเองเท่ๆ ด้วยการบิดเบือนข้อมูลมาปั่นอารมณ์ของผู้คนในสังคม
น่าผิดหวังมาก
ถ้าอยากให้รัฐบาลเยียวยาอย่างไร กลุ่มใด สามารถเสนอแนะเป็นข้อเสนอที่สร้างสรรค์ได้ แต่การบิดเบือนข้อมูลมาปั่นความรู้สึกของผู้คนในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และถ้าทำ ก็อย่าได้นับถือตัวเองต่อไปอีกเลย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี