เมื่อบรรดาพ่อค้าวาณิชชาวจีนได้ทราบพระประสงค์ในการที่จะสร้างพระเครื่องบรรจุกรุอันเป็นมหากุศลใหญ่ ก็พร้อมใจเต็มใจที่จะเข้าร่วมโดยเสด็จด้วย เจ้าสัวหลายคนได้อาสาจัดหาดินพิเศษจากเมืองจีนมาเป็นมวลสารหลักในการทำพระเครื่องครั้งนี้ นั่นคืออาสานำดินพิเศษจากเมืองกังไส มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบ่อดินที่มีคุณภาพดีในการทำเครื่องสังคโลกต่างๆ มานานนักหนาแล้ว
ได้มีการนำดินจากเมืองกังไสเกือบครบทั้ง 400 บ่อดิน ซึ่งเป็นบ่อดินสำหรับใช้ทำเครื่องดินเผาและเครื่องสังคโลกต่างๆ มานานนับพันปี มีลักษณะพิเศษคือมีสีสันแตกต่างกันตามพื้นที่ของบ่อดินนั้น เป็นดินละเอียด บางบ่อก็แวววาวเป็นประกาย
ในขณะที่การทำแบบพิมพ์พระนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์เสนาบดีกระทรวงวัง ที่รับสั่งให้กรมช่างสิบหมู่ทำหน้าที่กำหนดแบบพิมพ์พระ โดยถือเอาแบบพระสมเด็จวัดระฆังเป็นหลัก
แต่ทว่าพุทธลักษณะนั้นให้เพิ่มแบบมากขึ้น จากที่เจ้าประคุณสมเด็จเน้นการใช้รูปแบบพระประธานวัดระฆัง โดยให้ใช้แบบพุทธลักษณะเพิ่มขึ้นคือแบบสุโขทัย แบบอู่ทอง แบบพระแก้ว และแบบพระสังกัจจายน์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของพระสมเด็จไกเซอร์ โดยมีพุทธลักษณะแบบพระประธานวัดระฆังด้วย
ดังนั้นพุทธลักษณะของพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินจึงมี 5 แบบคือแบบสุโขทัย อู่ทอง แบบพระแก้ว แบบพระประธานวัดระฆังและแบบพระสังกัจจายน์
ในช่วงระหว่างนั้น สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญก็ได้รับการแนะนำจากพ่อค้าชาวจีนว่าพระสมเด็จรุ่นนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ไทย-จีน เพราะนอกจากใช้มวลสารจากดินเมืองกังไสแล้ว ยังมีมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ รวมทั้งมวลสารจากวัดระฆังด้วยและยังมีมวลสารพิเศษที่เจ้าประคุณสมเด็จได้สั่งสมไว้มาเป็นมวลสารของพระรุ่นนี้ จึงสมควรที่จะทำให้พระรุ่นนี้เป็นอนุสรณ์ความสัมพันธ์สองแผ่นดินที่มีสัญลักษณ์ปรากฏชัดเจน
สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญจึงโปรดเกล้ามีพระราชบัณฑูรอนุญาตให้พ่อค้าวาณิชที่เข้าร่วมทำพระสมเด็จในครั้งนั้นทำตราเป็นภาษาจีนประทับด้านหลังองค์พระ ได้ยังความปีติยินดีให้แก่พ่อค้าวาณิชชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง ต่างคนต่างก็คิดถ้อยคำเป็นอนุสรณ์ให้ปรากฏไว้ในพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินนี้
พ่อค้าวาณิชหลายคนได้แกะแบบเป็นตัวหนังสือจีนเป็นชื่อยี่ห้อหรือแซ่ของตัวสำหรับประทับด้านหลังองค์พระ ดังเช่น ใช้ชื่อยี่ห้อว่าตั้งโต๊ะกัง เป็นต้น บางคนก็ใช้คำว่าเจ้าสัว ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน
แต่พ่อค้าวาณิชชาวจีนจำนวนหนึ่งก็เกรงว่าพระเครื่องเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า เป็นของสูง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ไม่บังควรที่จะนำเอาชื่อแซ่หรือยี่ห้อร้านไปประทับไว้ด้านหลังองค์พระ จึงคิดอ่านคำขวัญหรือคำมงคลหรือถ้อยคำที่มีความหมายที่เป็นสิริมงคลแทนชื่อแซ่ของตน
เหตุนี้พระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินจึงมีอักษรจีนประทับอยู่ข้างหลัง ทั้งเป็นชื่อยี่ห้อร้าน เป็นชื่อแซ่และถ้อยคำมงคลต่างๆ หลากหลายกันไป
ในระหว่างที่มีการผสมมวลสารพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินกำลังดำเนินการอยู่นั้น ความก็ทราบไปถึงภรรยาของพ่อค้าวาณิชชาวจีน ซึ่งบรรดาสตรีทั้งหลายต่างมีความนับถือเจ้าแม่กวนอิม จึงอยากให้มีแบบพิมพ์พระเป็นเจ้าแม่กวนอิมเพื่อสตรีจะได้แขวนขึ้นคอ จึงต่างรุมเร้าบอกกล่าวกดดันให้ผู้เป็นสามีไปขอพระราชานุญาตให้เพิ่มแบบพิมพ์พระเป็นเจ้าแม่กวนอิม
คงมีมาแต่เหตุที่เจ้าสัวพ่อค้าวาณิชชาวจีนทั้งหลายนั้นมักจะมีภรรยาหลายคน จึงมีความเกรงใจผู้เป็นภรรยาตามวิสัยชายทั่วไป ดังนั้นจึงรวมตัวกันเข้าเฝ้าขอพระราชานุญาตให้จัดทำแบบพระที่เป็นแบบเจ้าแม่กวนอิมอีกแบบหนึ่ง ก็ทรงพระเมตตาประทานพระอนุญาต
กรมช่างสิบหมู่ได้ขอให้บรรดาพ่อค้าวาณิชส่งภาพแบบเจ้าแม่กวนอิมไปพิจารณาจึงได้รับรูปแบบเจ้าแม่กวนอิมในหลายปางในหลายอิริยาบถ และในที่สุดกรมช่างสิบหมู่ได้ตกลงเลือกรูปแบบเจ้าแม่กวนอิมถือแจกันน้ำมนต์ประทับยืนอยู่บนหัวมังกร และได้ออกแบบพิมพ์พระที่สวยงามมาก เป็นที่แปลกประหลาดกว่าพระเครื่องที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์
สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงเห็นชอบแบบพิมพ์พระเจ้าแม่กวนอิมตามที่กรมช่างสิบหมู่ได้เสนอ ดังนั้นจึงทำให้พระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินนี้มีแบบเจ้าแม่กวนอิมประทับยืนอยู่บนหัวมังกรเพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง
ในช่วงนั้นบรรดาพ่อค้าร้านทองทั้งหลายเมื่อทราบข่าวก็มีน้ำใจร่วมมหากุศลในครั้งนี้ จึงพากันนำผงตะไบทองที่ร้านต่างมีนำไปมอบเพื่อผสมรวมเป็นมวลสารในการสร้างพระเครื่องด้วยดังนั้นในพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินจำนวนมากจึงมีผงตะไบทองให้เห็นอย่างชัดเจน
ในขณะที่บางร้านก็นำไข่มุกเอาไปบดแล้วนำมามอบใช้ทำเป็นมวลสารของพระสมเด็จรุ่นนี้ด้วย ดังนั้นจึงปรากฏเนื้อของมุกที่บดแล้วปรากฏอยู่ในมวลสารด้วย
การสร้างพระสมเด็จจำนวน 84,000 องค์ ได้ดำเนินไปและใช้เวลาไม่น้อย ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์ สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญจึงทรงทำพิธีมหาพุทธาภิเษกเพื่อปลุกเสกพระเครื่องครั้งใหญ่ โดยนิมนต์บรรดาพระมหาเถระที่ทรงภูมิวิเศษทั่วพระราชอาณาจักรมาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งนี้ โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และสมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
ในพิธีมหาพุทธาภิเษกนี้นับเป็นพิธีครั้งใหญ่ที่สุดในกรุงรัตนโกสินทร์ และยังมีการตั้งอาสนะพิเศษอีกสองอาสนะไว้ทางด้านขวามือของเจ้าประคุณสมเด็จ ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จก็ได้ทำพิธีอัญเชิญพระบารมีของหลวงปู่เทพโลกอุดร และหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกด้วย
ในระหว่างพิธีมหาพุทธาภิเษกนั้นก็มีการเล่าขานว่าอาสนะเปล่าทั้งสองอาสนะนั้นมีควันเป็นเงาจางๆ ปรากฏขึ้นเป็นรูปพระมหาเถระที่ทรงพรรษาสูงมานั่งทำพิธีมหาพุทธาภิเษกด้วย
น่าเสียดายว่าพระรุ่นนี้ไม่ได้แพร่หลาย จนกระทั่งถึงเวลา 148 ปี นับแต่วันที่เจ้าประคุณสมเด็จดับขันธ์จึงปรากฏพระรุ่นนี้ขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากพระรุ่นนี้ไม่เคยปรากฏในวงการพระเครื่องจึงถูกปฏิเสธว่าไม่เคยมีอยู่และเป็นพระปลอมทั้งหมด
และเพิ่งยอมรับกันในระยะหลังนี้ จึงเป็นอันสรุปได้ว่าพระสมเด็จวังหน้านั้นมีอยู่สองรุ่น คือรุ่นสองแผ่นดินและรุ่นจักรพรรดิ 8 องค์ ที่ทำขึ้นจากทองคำทั้งองค์ เพื่อถวายความจงรักภักดีเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้พอจะทราบได้ว่ายังอยู่ที่ประเทศไทย และเป็นเครื่องประจำของบุคคลสำคัญ 2 องค์ ส่วนที่เหลือนั้นถูกนักธุรกิจใหญ่ชาวญี่ปุ่นเช่าไปด้วยสนนราคานับพันล้านบาท
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี