Ella Wheeler Wilcox กวีสาวชาวอเมริกันเขียนไว้ใน ค.ศ.1879 ว่า “It is easy enough to be pleasant
When life flows like a song,
But the man worth-while
Is the man who can smile
When everything goes dead wrong.”
และ หลวงวิจิตรวาทการ ถอดความเป็นภาษาไทยไว้ว่า
“เป็นการง่าย ยิ้มได้ ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่น เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์
แต่คนที่ ควรชม นิยมกัน
ต้องใจมั่น ยิ้มได้ เมื่อภัยมา”
นี่ถ้าให้อาจารย์น้องครูสอนภาษาอังกฤษให้นายทหารหนุ่มที่ชื่อว่าร.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แปลบทกวีของ Ella Wheeler Wilcox ให้ร.ท.ประยุทธ์ฟัง คงจะไพเราะและลึกซึ้งกินใจกว่า
ร.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อกลายมาเป็นลุงตู่ตอนแก่และเป็นนายกรัฐมนตรี จะได้ยิ้มง่ายเมื่อภัยมาไม่หงุดหงิดโวยวายให้เสียบุคลิกผู้นำ ที่พูดตามอารมณ์พาไป เช่น พูดว่า“ถ้าพวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ”
เข้าใจว่าลุงตู่คงเกิดอาการหงุดหงิดกับคำถามที่นักข่าวส่งเข้ามาว่า “ฝ่ายต่อต้านเดินสายเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากร่วมรัฐบาล.” และ คำถามที่ว่า “เป็นแพะรับบาปเรื่องวัคซีน”
การที่คนเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ยกเอาคำถามไร้สาระของสื่อกับการเคลื่อนไหวไร้เหตุผลของฝ่ายต่อต้านมาอ่านแล้วใส่อารมณ์เข้าไป มันบอกได้ถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ ผู้นำที่ดีไม่ควรแสดงความอ่อนไหวหรือหวั่นไหวออกเมื่อประสบกับปัญหาที่หนักหนาสาหัส
ลุงตู่ควรให้อาจารย์น้องแปลให้ฟังอย่างลึกซึ้งที่ Ella Wheeler Wilcox เขียนว่า ..“But the man worth-while Is the man who can smile When everything goes dead wrong.”
ถ้าลุงคิดเดินตามรอยป๋า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เอกบุรุษผู้บริหารประเทศ ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรครอบด้านแต่ป๋าสามารถพัฒนาประเทศให้โชติช่วงชัชวาลในขณะที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี 5 เดือน
ลุงตู่ต้องให้อาจารย์น้องสอนให้ขึ้นใจในความหมายที่บอกว่า But the man worth-while Is the man who can smile When everthing goes dead wrong เพราะในสมัยป๋าสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงหนักหนาสาหัสกว่าสมัยนี้มาก ความมั่นคงถูกคุกคามทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
แต่เมื่อเจอคำถามไร้สาระจากนักข่าว ป๋ายิ้มเต็มปากบางทีก็หัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วพูดว่า “กลับบ้านเถอะลูก”หรือไม่ก็ “พอแล้วนะลูก” ลุงตู่เป็นทหารรุ่นลูกรุ่นหลานคงรู้ดีว่ายามที่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจป๋าจะระบายด้วยการเล่นเปียโนหรือร้องเพลงโปรด
นายทหารรุ่นหลานอย่างลุงตู่ต้องรู้ดีว่าในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม เศรษฐกิจตกต่ำอย่างไร ข้าวสาร น้ำตาล น้ำมันขาดแคลนจนเพลงลูกทุ่งมาล้อว่า “น้ำมันขาดแคลน คุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ” ความมั่นคงภายในมี นศ.นับพันคนหนีเข้าป่าไปเสริมกำลังให้กองกำลังติดอาวุธให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในสงครามป่าล้อมเมือง
ทางภาคใต้มีโจรจีนมลายาหนีจากมาเลเซียเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติในภาคใต้ของประเทศไทย ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส มีขบวนการแยกดินแดน Patani United Liberation Organization หรือเรียกว่า พูโล
ชายแดนทางภาคตะวันออก ภัยจากคอมมิวนิสต์สองค่ายคือ สายรัสเซียกับคอมมิวนิสต์สายจีนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเองในกัมพูชา เวียดนามก็ส่งกำลังเข้าช่วยอีกสองแสนห้าหมื่นนาย ร่ำๆ ที่จะบุกเข้ามาในประเทศไทยจำเพลงลูกทุ่งท่อนฮุกได้ไหมที่ว่า “ไอ้ญวนมันกำแหงหนักๆ ต้องขอสมัครไปตาพระยา”
ทางภาคตะวันตกภัยคอมมิวนิสต์กับภัยยาเสพติดคุกคามตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ จนถึงภาคใต้ต้องใช้นโยบายรัฐกันชนหรือฝรั่งเรียกว่า Buffer State ตั้งแต่ชายแดนเชียงรายไปถึงจังหวัดชุมพร
ภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์ภายในประเทศมีทั่วทุกหัวระแหง ในกองทัพมีทหารยังเติร์ก มีทหารรุ่น 5 รุ่น 7มีทหารหนุ่มทหารแก่ ป๋าถูกทหารหนุ่มก่อการขบถถึงสองครั้งแต่จัดการปราบปรามได้ ที่สำคัญป๋า “ยิ้มได้เมื่อภัยมา”
การเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลแตกแยกกันวุ่นวาย มีการหักหลังผิดคำพูดผิดสัญญากันจนถึงกับเขียนประจานบนหนังหมา จนประธานสภาฯพูดว่า “ยุ่งตายห่า” ยังมีอุปสรรคปัญหาอีกมากมายในห้วงเวลาแปดปีห้าเดือนของป๋า แต่เอกบุรุษผู้ทำให้ประเทศสงบและเศรษฐกิจดีขึ้นโชติช่วงชัชวาลเพราะ “ป๋าท่านยิ้มได้เมื่อภัยมา”
ถ้าเปรียบเทียบกับปัญหาสมัยลุงตู่กับสมัยป๋าเรียกได้ว่า “จิ๊บๆ” ฝ่ายค้านสมัยป๋าที่สลับกันระหว่างพรรคกิจสังคมของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ พรรคชาติไทยนำโดย ท่านประมาณ อดิเรกสาร คิดดูแล้วกันว่าหนักหนาขนาดไหน
ฝ่ายค้านในรัฐบาลที่ นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าเปรียบกับฝ่ายค้านในสมัยป๋าเหมือนนกกระจอกกับอินทรี เพราะพรรคฝ่ายค้านยุคนี้มีแผลเหวอะหวะมาตั้งแต่สมัยแก้ ก.ม. นิรโทษกรรมสุดซอย จนถึงนโยบายรับจำนำข้าว ระบายข้าว จีทูจีปลอม ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้านบาท
ส่วนฝ่ายค้านชื่อที่พรรคอนาคตใหม่ ยังเป็นไก่อ่อนสอนขันที่ออกประชันกับสังคมไทยโดยใช้คนรุ่นใหม่หรืออ้างเป็นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันฯ เน้นการล้มเจ้าไม่เอาทหาร พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไป เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพรรคก้าวไกลแต่เชื่อว่ายังอยู่ในอาณัติของสามสัสล้มเจ้า
พรรคก้าวไกลกับคนรุ่นใหม่ที่มีหลายชื่อ อาทิ กลุ่มราษฎร กลุ่มธรรมศาสตร์ไม่ทน ธรรมศาสตร์ประชาธิปไตย กลุ่มธรรมศาสตร์ราษฎร์และกลุ่มอะไรต่อมิอะไรที่ตั้งขึ้นมาต่างกรรมต่างวาระ แต่มีเป้าหมายเหมือนกันคือโจมตีสถาบันฯ ทำลายล้างสถาบันยึดถือการล้มเจ้าเป็นเป้าหมายใหญ่ ไม่ได้มีเป้าหมายทำลายรัฐบาลโดยตรง
ความเหิมเกริมกักขฬะหยาบช้าของคนรุ่นใหม่เป็นเหตุให้ประชาชนผู้จงรักภักดีส่วนใหญ่ทนไม่ได้ออกมาทำสงครามข่าวสารต่อสู้ต่อต้านจัดการกับขบวนล้มล้างสถาบันเสียเอง โดยที่รัฐบาลลอยตัวไม่ต้องทำอะไรกลุ่มที่เรียกว่ารุ่นใหม่ก็ไร้พลังไปในที่สุด
ปัญหาทางเศรษฐกิจถดถอยก็เข้าใจได้ว่าปัจจัยหลักส่วนใหญ่มาจากภัยโควิดที่ทำให้การผลิต การบริการ การท่องเที่ยวเดินทางต้องชะงักไป ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ เหมือนกันทุกประเทศทั่วโลก ประเทศไทยในยุคใหม่มีรายได้หลักการท่องเที่ยวและส่งสินค้าออก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่หนึ่งทศวรรษก่อนโควิดอุบัติ ประเทศชาติมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกว่าปีละสามล้านล้านบาท
จากที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านคนต่อปี แต่เมื่อนักท่องเที่ยวไม่ได้เข้ามาพนักงานโรงแรม การบริการนักท่องเที่ยว เดือดร้อนกันไปหมด ตั้งแต่แม่ค้าขายผลไม้ วินมอเตอร์ไซค์ ไปถึงคนขับเรือ นักบิน ฯลฯ ต้องตกงาน ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ประชาชนเข้าใจ และทนสภาพปรับตัวให้อยู่กับมันได้แล้วลุงตู่จะหงุดหงิดกับคำถามนักข่าวไร้สาระทำไม
ปัญหาโรคโควิด-19 มันรุนแรงทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ในอังกฤษในสหรัฐอเมริกาเชื้อกลายพันธุ์ที่เรียกว่าเดลต้ากลับมาระบาดใหม่ในอังกฤษและอเมริกาในระยะเวลา 14 วันที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ต่ำกว่า 40,000 คนทุกวันมีคนตายหลักหมื่นหลักพันทุกวัน
นี่ยังไม่พูดถึงบราซิล อินเดีย อินโดนีเซีย ฯลฯ ที่มีคนติดเชื้อวันละไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนคนตายหลักหมื่นหลักแสน เมืองไทยยังมีคนติดเชื้อสูงสุดวันละหมื่นกว่าคนและเสียชีวิตหลักร้อย ยังถือว่าพอควบคุมได้ แล้วลุงตู่จะหงุดหงิดให้ประชาชนหมดกำลังใจทำไม
แน่ล่ะเราเสียใจที่มีคนป่วยคนตาย และมันไม่ควรมีคนป่วยคนตายแต่ทำอย่างไรได้เมื่อมันเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เชื้อโรคระบาดไวระบาดง่าย ประกอบกับการไม่มีวินัยของคนไทยส่วนใหญ่ มันจึงทำให้โรคระบาดใหญ่เกินไปกว่าที่ควรจะเป็น
คนไทยส่วนใหญ่มีนิสัยโทษคนอื่นทั่วไปแต่ไม่โทษตัวเองที่ไม่ป้องกันตัว ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย ทิ้งระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือ ไม่สุงสิงกับใครอยู่กับบ้านไม่ไปไหนถ้าไม่จำเป็น คนไทยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เรียกว่ามีวินัย”
ประเทศจีนมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน ที่จีนยับยั้งโควิด-19 ได้ไม่ใช่เพราะวัคซีนอย่างเดียวแต่คนจีนรับตัวยา ที่เรียกว่าวินัยเข้าไปจึงยับยั้งโควิดได้ระดับหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกและแพทย์หลายคนได้ออกมายืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิดทุกชนิดที่ WHO รับรองแล้วว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโควิคกลายพันธุ์ได้ 60 ถึง 90% แต่คนได้รับวัคซีนครบโดส แล้วสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการตายจากโรคโควิดได้ 90 ถึง100% ดังนั้นต้องเข้าใจว่าวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อแต่ป้องกันจากอาการป่วยรุนแรงหรือการตายจากไวรัสโควิด-19
ทุกวันนี้สังคมไทยขัดแย้งแตกแยกกันอย่างรุนแรงในเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด และประเด็นหลักที่กล่าวหากล่าวโทษกันไปมาอยู่ที่การจัดหา การแจกจ่าย และคุณภาพของวัคซีน ในประเด็นคุณภาพของวัคซีนเข้าใจได้ว่าเป็นปฏิบัติการข่าวเป็นการโฆษณายาโฆษณาสินค้าที่สหรัฐอเมริกาเก่งเรื่องโฆษณากว่าจีน
แต่เรื่องการแจกจ่ายและการจัดหาประชาชนยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมรัฐบาลไม่แจกจ่ายวัคซีนให้เป็นธรรม ทำไมเลือกที่รักมักที่ชังในยุคนี้แล้วทำไมยังปล่อยการเมืองนำหน้าสาธารณสุข ส่วนเรื่องการจัดหาถ้ามีใจเป็นธรรมถ้าติดการผลิตและแจกวัคซีนตั้งแต่ต้นย่อมเข้าใจได้ว่า ปัจจุบันนี้วัคซีนผลิตไม่ทันกับความต้องการของตลาดโลก
ประชากรโลกกว่า 200 ประเทศ แต่ละประเทศต้องการได้วัคซีนป้องกันโควิดก่อนด้วยกันทั้งนั้น ในขณะที่ประเทศผลิตวัคซีนรายใหญ่มีไม่กี่ประเทศ อาทิ อังกฤษ จีน และ สหรัฐอเมริกา ถ้าติดตามข่าวการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกา (AZ) AZ ออกมาประกาศตั้งแต่เดือน ม.ค. 2564 ว่าอาจส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศต่างๆ ได้ไม่ครบตามจำนวนและทันเวลาตามสัญญา
และสหรัฐได้วางมัดจำไว้กับบริษัทผลิตวัคซีนต่างๆ ถึง 1,600 ล้านดอลลาร์ กลุ่มประเทศอียูวางมัดจำไว้250 ล้านปอนด์ ประเทศไทย ก.ม.ห้ามไม่ให้รัฐบาลวางเงินล่วงหน้าไว้กับสินค้าที่ยังไม่ผ่านการทดลอง แต่โชคดีที่มีบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งสถาบันพระมหาษัตริย์เป็นหุ้นส่วนใหญ่วางมัดจำไว้ให้ 600 ล้านบาท
ลองคิดดูว่าวัคซีนที่ AZ ผลิตวัคซีนได้ จัดส่งให้ประเทศไหนก่อน จริงอยู่เราได้รับวัคซีนส่วนหนึ่งจาก AZแต่ส่วนใหญ่ประเทศไทยได้รับวัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์มจากประเทศจีน เราได้รับวัคซีนประปรายจากอเมริกาและได้ข่าวว่าวันที่ 29 ก.ค. วัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 โดส ที่สหรัฐบริจาคให้จะมาถึงเมืองไทย
ที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลโจมตีลุงตู่ส่วนใหญ่คือทำไมไม่ซื้อวัคซีนจากอเมริกา ซึ่งฝ่ายต่อต้านเชื่อว่าคุณภาพดีกว่าของใครๆ คือทำตัวคล้ายตัวแทนบริษัทยา อีกประเด็นหนึ่งมีคำถามว่าทำไมไม่เข้าโครงการรับวัคซีน Covax โดยที่ฝ่ายโจมตีรัฐบาลไม่สำเหนียกว่าประเทศเพื่อนบ้านเราที่เข้าโครงการ Covax ถึงวันนี้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้น้อยกว่าประเทศไทยมาก
บางประเทศเพิ่งฉีดได้ 1.85 ล้านโดส บางประเทศฉีดให้ประชาชนได้ไม่ถึง 8% ของประชากรทั้งหมด ส่วนประเทศไทยฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วกว่า 14 ล้านโดส และยังเร่งรีบจัดหาวัคซีนฉีดให้ประชาชนต่อไปให้ถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดส ภายในปลายปีนี้ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยทำได้
แล้วลุงจะหงุดหงิดทำไมกับคำถามไร้สาระ “ที่ว่าตกเป็นแพะรับบาปวัคซีน” หรือคำถามที่ว่ามีการเรียกร้องให้ ปชป. และ ภท. ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลถึงกับท้าทายว่า “จะทิ้งผมก็ตามใจ” เราพูดแทนทั้งสองพรรคได้ว่าในสถานการณ์วิกฤติโควิดอย่างนี้ ไม่มีพรรคไหนละทิ้งหน้าที่หนีปัญหาให้ชาวบ้านด่าตามหลัง
สำคัญว่านายกฯต้องมีวุฒิภาวะเก็บความรู้สึกควบคุมอารมณ์ไว้ให้ได้ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ต้อง “ยิ้มได้เมื่อภัยมา”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี