จากเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดเมื่อเวลา 16.46 น. ของวันที่ 23 กรกฎาคม คนไทยได้เห็นความเด็ดขาดของ พลโทบุญสิน พาดกลางแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ลั่นวาจา “ผมขอประกาศกองทัพภาคที่ 2 ยกระดับการตอบโต้กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ (24 กรกฎาคม 2568) ปิด 4 ด่าน ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู พร้อมกับปิดปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย”
คำประกาศของแม่ทัพภาคที่ 2 บ่งบอกว่าตั้งแต่นาทีนี้กองทัพไทย จะตอบโต้ทหารเขมรที่ทำตัวเป็นสุนัขลอบกัดและละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างเฉียบขาด ทหารไทยไม่ยอมเบี้ยล่างของกัมพูชาตามความต้องการของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เป็นหนี้บุญคุณ ฮุนเซน อีกต่อไป
เมื่อแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีคนไทยหลายล้านคน เป็นเกราะทองแดงกำแพงเหล็กให้ รักษาการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ต้องจำใจเรียกทูตไทยกลับจากพนมเปญและขับทูตเขมรออกจากประเทศไทย
ปฏิบัติการเฉียบของ แม่ทัพภาคที่ 2 ทำให้ประเทศเป็นฝ่ายรุกทางการทูต เมื่อสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานในวันเดียวกันว่า “พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วันนี้กำลังพลออกลาดตระเวนได้เหยียบกับระเบิดบริเวณช่องอานม้า อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับบาดเจ็บขาขวาขาด พร้อมนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ รอยเตอร์สรายงานด้วยว่า รัฐบาลไทยเรียกทูตไทยกลับและขับทูตเขมรออกจากประเทศไทย จากเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดรายงานรอยเตอร์สทำให้ชาวโลกได้รับรู้สถานการณ์ล่าสุด
แต่น่าตกใจที่กระทรวงการต่างประเทศไทยบอกรอยเตอร์ส ว่า “ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องขับทูตเขมรและเรียกทูตไทยกลับ” นี่คือความด้อยสติปัญญาของกระทรวงการต่างประเทศยุครัฐบาลเพื่อไทย ทำให้ไม่แน่ใจว่า กระทรวงการต่างประเทศ กับนายภูมิธรรม เล่นเกมส์สองหน้า เพื่อเอาใจนายใหญ่ของเพื่อไทยหรือไม่
ดังที่รู้กันทั่วไปว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเกรงใจ กลัวสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ผู้ยิ่งใหญ่เหนือทุกสถาบันในกัมพูชา ที่พรรคเพื่อไทยกลัว เพราะเหตุว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทยเคยไปพึ่งพาฮุนเซน ตั้งแต่ปี 2549 หากไม่ได้หนังสือเดินทางเขมร ทักษิณไม่สามารถผงาดเหนือรัฐบาลเพื่อไทยได้ในวันนี้
ตลอดเวลาสามสิบปีที่คบหากันทักษิณกับฮุนเซน สมคบกันทำร้ายประเทศ รวมทั้งทำลายใส่ร้ายสถาบันสูงสุดของไทยอย่างไร มีแต่ทักษิณกับ ฮุนเซนเท่านั้นที่เก็บงำความลับเอาไว้
จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การครอบงำของทักษิณจะกล้าเผชิญหน้ากับรัฐบาลพนมเปญอย่างจริงจัง
และเมื่อทหารไทยในเกราะทองแดงกำแพงเหล็กของคนไทย ตอบโต้เขมรอย่างจริงจัง รักษาการนายกรัฐมนตรีรัฐบาลเพื่อไทย จำต้องทำเป็นขึงขังอย่างขัดไม่ได้ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยังกลัวนายใหญ่สร้างความสับสนต่อไปว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องเรียกทูตไทยกลับขับทูตเขมรออก ทั้งๆ ที่เรื่องเรียกทูตกลับขับทูตออกเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลเพื่อไทยอ้างว่า เราต้องปฏิบัติตาม ปฏิญญาสากล มิฉะนั้นกัมพูชา จะนำเรื่องขึ้นฟ้องศาลโลก หรือ ICC ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า ในสหประชาชาติแทบไม่มีประเทศไหนยอมรับ ICC มหาอำนาจสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย อินเดียไม่ยอมรับไม่เป็นภาคี ICC และในสิบประเทศอาเซียน มีแต่กัมพูชา ที่เป็นภาคี ICC ส่วนฟิลิปปินส์ให้ความร่วมมือกับศาลโลกเมื่อต้องการกำจัดศัตรูทางการเมือง คือ จับตัวอดีตประธานาธิบดีดูเตอร์เต ส่งให้ศาลโลกดำเนินคดีเท่านั้น
จึงพูดได้ว่าศาลโลกเป็นศาลเมือง ที่ไม่สามารถทำอะไรได้กับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ตัวอย่างที่เห็นอยู่เต็มตา เนทันยาฮูนายกรัฐมนตรีอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 60,000 คน ในรอบสองปีเนทันยาฮู ส่งเครื่องบินรบไปถล่มอิหร่าน เลบานอน ซีเรีย อิรัก เยเมนไม่เห็นศาลโลกทำอะไรได้ แถมอเมริกาและฝรั่งหัวแดงหัวดำพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อิสราเอลมีความชอบธรรมในการป้องกันตัวเอง
ประเทศไทยถูกเขมรต่ำย่ำยีอธิปไตย ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาโดยการวางระเบิดสังหารบุคคล ทหารไทยขาขาดไปแล้วสองนาย และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยแปดคน กองทัพไทยจึงมีความชอบธรรมในการตอบโต้ผู้ก่อการร้ายด้วยการใช้เครื่องบินรบ F-16 ถล่ม บก.พลน้อย.สสน.8 บก.พลน้อย.สสน.9 ซึ่งเป็นรังผู้ก่อการร้ายเขมรเมื่อเวลา 10.58 น. วันที่ 24 กรกฎาคม
กองทัพไทยถือว่า ทหารเขมร เป็นผู้ก่อการร้าย ที่ลอบกัดทหารไทยด้วยทุ่นระเบิด รัฐบาลเพื่อไทยใช้ข้ออ้างอะไรก็ได้เพื่อปิดบังความขี้ขลาด แต่เชื่อว่า ทหารไทยต้องจัดการกับผู้ก่อการเขมรอย่างเฉียบขาดต่อไปผู้ก่อการร้ายเขมรอาจเข้าใจว่า รัฐบาลเพื่อไทยสามารถทำให้ทหารไทยเป็นเสือนอนหลับได้ แต่เมื่อผู้ก่อการร้ายแหย่เสือหลับพวกมันต้องได้รับบทเรียนแสนสาหัส
มาตรการตัดเส้นเลือดใหญ่ปิดด่านสำคัญตั้งแต่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ถึง อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เป็นเพียงมาตราเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้ไส้ศึกในประเทศไทย ส่งเสียงและยุทธปัจจัยไปให้ผู้ก่อการร้าย ซึ่งมาตรการนี้เคยมีไส้ศึกพยายามขัดขวางในข้ออ้างว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าเปิดด่านพร้อมกันได้ไหม?”
วันนี้ไส้ศึกไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากถูกกฎหมายตรึงเอาไว้ จึงเชื่อว่าทหารไทยสามารถใช้มาตรการเฉียบขาดกำจัดผู้ก่อการร้ายได้ในเร็ววัน และเมื่อทหารไทยใช้มาตรการเด็ดขาด รัฐบาลทรราชกัมพูชาก็ไม่กล้าทำสงครามกับกองทัพไทย
จากปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เมื่อทหารไทยเอาจริงทรราชกัมพูชาก็เป็นหมาหัวเน่าเข้าใครไม่ได้ รัฐบาลฮุนเซน เคยสร้างสถานการณ์ขัดแย้งกับเวียดนามในปี 2558 ถูกคนเวียดนามไล่หนีกระเจิงขยาดไม่กล้าก้าวร้าวกับเวียดนามอีกต่อไป รัฐบาลฮุน มาเนต คุยโวว่าจีนช่วยขุดคลอง “ฟูนันเดโช” ยาว 180 กิโลเมตร ให้ เมื่อเวียดนามร้องเรียนว่า มีผลกระทบ
ต่อระบบนิเวศและการไหลเวียนของแม่น้ำโขง นายทุนจีนเพียงทำพิธีเปิดให้แต่ไม่ยอมดำเนินการต่อไป คลองฟูนันเดโช ดำเนินต่อไปไม่ได้มาสองปีแล้ว
จีนแผ่นดินใหญ่ที่เป็นท่อออกซิเจนให้กัมพูชาหายใจอยู่ได้ แต่จีนก็ให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน เมื่อปักกิ่งเห็นว่ากัมพูชาก้าวร้าวต่อประเทศไทย จีนจึงสั่งห้ามไม่ให้ใช้อาวุธจากจีนทำสงครามกับประเทศไทย ในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน บอกกับ รมว.ต่างประเทศไทยและรมว.กัมพูชา ว่าจีนแสวงหาแนวทางสร้างสรรค์ให้ประเทศเพื่อนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ล่าสุดเว็บไซต์ China military รายงานเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมว่า“ผู้เชี่ยวชาญทางทหารจีนเชื่อว่า กัมพูชาสร้างความขัดแย้งกับประเทศเพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นบุรุษเหล็กให้ ฮุน มาเนต โดย ระบุว่า ฮุน มาเนต กล่าวในที่ประชุมเมืองกำปงชนังเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมว่า กัมพูชาจะเกณฑ์ทหารตั้งแต่อายุ 18 ถึง 37 ปี ให้ได้หนึ่งแสนคนภายในปี 2570 การปฏิรูปกองทัพครั้งนี้เตรียมรับมือกับการรุกรานอธิปไตยกัมพูชาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่า ฮุน มาเนต รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีกลายด้วยความตื้นเขิน “การสร้างความขัดแย้งกับประเทศไทยจึงมีนัยทางการเมืองแอบแฝงเพื่อสร้างภาพลักษณ์บุรุษเหล็กให้ฮุน มาเนต เว็บไซต์ China Military ยังวิจารณ์อีกมาก แต่ขอสรุปให้อ่านเพียงเท่านี้เพื่อให้เห็นว่า เมื่อท่อออกซิเจนลมหายใจหรือลูกพี่ใหญ่รู้ทันเล่ห์กลของฮุนเซน จึงฟันธงว่าจีนไม่สนับสนุนกัมพูชาในความขัดแย้งกับประเทศไทย
เมื่อจีนไม่สนับสนุนฮุนเซนก็เหมือนหัวเน่าเข้ากับใครไม่ได้ หันไปทางเวียดนามก็ยังคาใจเรื่องคลองฟูนัน กับสปป.ลาว ฮุนเซน ก็เคยสร้างสถานการณ์ขัดแย้งเขตแดนกันในปี 2560
จึงฟันธงว่า กัมพูชากล้าทำสงครามใหญ่กับประเทศไทย ถึงแม้จะถูก F-16 ไทยถล่มก็ตาม ฮุนเซน ได้แต่ทำสงครามน้ำลายกับสหายร่วมขายชาติในประเทศไทย หรือไม่ก็ทำได้แค่ลอบกัดโดยวางกับระเบิดตามแนวชายแดนเท่านั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ได้ทำในสิ่งควรทำแล้ว จำเป็นต้องใช้มาตรการรุนแรงขึ้นๆ ต่อไป
คนไทยทั้งประเทศพร้อมให้กำลังทรัพย์ให้กำลังใจทหารไทยปกป้องอธิปไตยของชาติ และช่วยกันฉีกหน้ากากรัฐบาลขี้ขลาดตาขาวเอาแต่ประโยชน์ของครอบครัวตัวเอง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี