ย่างเข้าวันที่ 3 ของการปะทะกันระหว่างกองทัพไทยกับทหารกัมพูชา ที่ฝ่ายหลังเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิรบและในสนามข่าว ตลอดถึงแพ้ทางการทูตไทยในเวทีโลก ฝ่ายเพลี่ยงจึงพล้ำวิ่งพล่านให้ยูเอนและเพื่อนบ้านจัดการเจรจาทางลง
นายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานหมุนเวียนอาเซียนเสนอตัวคนกลางเจรจาให้หยุดการปะทะด้วยอาวุธ ทหารไทยผู้รักสงบแต่รบไม่ขลาด ยึดมั่นในคติที่ว่า “ปราบศัตรูให้อยู่หมัดก่อนจัดการเจรจาแสวงหาสันติภาพ “ ดังที่แม่ทัพภาคที่ 2 พลเอกบุญสิน พาดกลาง เคยกล่าว “หากเขาเปิดฉากก่อนก็ดวลกันจนจบ”
จึงอนุมานได้ว่า ไทย-กัมพูชายังคงปะทะกันต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์หรือ มากกว่านั้น เนื่องจากกัมพูชายังไม่หยุดก่อการร้ายทำลายชีวิตชาวบ้านผิดหลักการสงคราม
ดังนั้นเมื่อเปิดปฏิบัติการทหารแล้วทหารไทยต้องทำให้เขมรราบคาบได้เข็ดหลาบไปถึงเหลน
ประเมินจากการปะทะวันแรกบอกได้ว่า กัมพูชาเพลี่ยงพล้ำทั้งในสมรภูมิรบและในพื้นที่ข่าว ในสมรภูมิรบกองทัพไทยใช้อาวุธล้ำหน้ากัมพูชากว่า 50 ปี คือ กัมพูชาใช้จรวด BM-21 เป็นหลัก BM-21 เป็นจรวดหลายลำกล้องผลิตในรัสเซียที่เริ่มใช้ในสงครามปี 2512
BM-21 เป็นอาวุธตกยุค ไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่ใช้กำหนดเป้าหมาย ไม่มี GPS หรือดาวเทียมชี้นำเป้าหมายทำลายได้
ทหารเขมรจึงยิง BM-21 ข้ามแนวทหารไทย ไปตกในโรงพยาบาล ตกใน 7-eleven ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนประชาชน ราวกับว่ากัมพูชาใช้อาวุธสงครามโจมตีเป้าหมายพลเรือน เป็นเหตุให้พลเรือนไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 11 คนและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก กัมพูชาจึงเป็นอาชญากรสงครามตามกฎหมายสากลที่ห้ามใช้อาวุธสงครามโจมตีพื้นที่พลเรือน
ในเวลาเดียวกันกองทัพไทย ใช้ F-16 และ กริพเพน เครื่องบินรบที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยในการควบคุมการบินและควบคุมอาวุธเล็งเป้าหมายได้แม่นยำ กองทัพไทยจึงทำลายเป้าทางทหารเขมรได้หลายแห่ง รวมทั้งทำลายรถถังกัมพูชาได้สองคันในวันแรกของปฏิบัติการทางทหาร ฐานที่มั่นทหารเขมรบริเวณภูมะเขือ ช่องอานม้า ฐานทหารเขมรใกล้ปราสาทตาเมือน
และปราสาทตาควายตลอดถึงฐานที่มั่นใกล้พื้นที่ขัดแย้งถูก F-16 กับเครื่องรบ“กริพเพน” ทำลายราบคาบ
จึงกล่าวได้ว่า ทหารเขมรนอกจากสมรภูมิรบแล้วยังแพ้ราบคาบในสนามข่าว เนื่องจากว่าสำนักข่าวต่างประเทศจากทั่วโลกเห็นความผิดพลาดของกัมพูชา ตั้งแต่ปืนใหญ่นัดแรกยิงถล่มโรงพยาบาล ซึ่งผิดกฎหมายสากลและถือได้ว่า เป็นอาชญากรสงคราม
ในเวลาเดียวกันสื่อต่างประเทศเน้นเสนอข่าวกองทัพไทยใช้ F-16 ถล่มเป้าหมายทางทหารกัมพูชาหลายแห่งรวมทั้งรถถัง 2 คัน และรถยนต์ที่เป็นฐานยิง MB-21 ก็ถูกทำลาย ผู้เขียนทำงานกับสื่อต่างประเทศมานาน เขาจึงได้ว่าสื่อต่างประเทศยกประเด็นไหนเป็นเรื่องเด่น และประเด็นไหนเป็นข้อมูลประกอบข่าว
เมื่อประมวลคร่าวๆพบว่า การเสนอข่าวของสื่อต่างประเทศ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ล้วนเป็นคุณต่อประเทศไทย เช่น
ABC News: รายงานว่า..ประเทศไทยได้ส่งเครื่องบินรบขึ้นโจมตีเป้าหมายทางทหารในกัมพูชา#หลังจากคนไทยเสียชีวิต 9 ศพ จากการยิงปืนใหญ่มาจากประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นเป้าหมายโจมตีพื้นที่พลเรือน รวมทั้งโรงพยาบาล ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ในกรุงเทพฯ
CNN: ประเทศไทยโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหารในประเทศกัมพูชา บนพื้นที่ขัดแย้งตามแนวชายแดน สร้างความตึงเครียดรุนแรงระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ประเทศไทยกล่าวว่า กัมพูชายิงจรวดถล่มในพื้นที่พลเรือน กระทรวงสาธารณสุขไทยแถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 12 ศพ เป็นพลเรือน 11 คน ทหาร 1 นาย เสียชีวิตจากอาวุธหนักทหารกัมพูชา
AP: ทหารไทยกับทหารกัมพูชาปะทะกันหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนเมื่อวันพฤหัสฯ การปะทะกันครั้งใหญ่เป็นเหตุให้ชาวไทยส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเสียชีวิต 11 ศพ ทั้งสองฝ่ายใช้ปืนเล็ก ปืนใหญ่และจรวดยิงใส่กัน
ประเทศไทยใช้การถล่มทางอากาศด้วย ภาพวีดีโอในทีวี เห็นชาวบ้านหลายคนทิ้ง#บ้านเรือนไปหาที่หลบภัยตั้งแต่ตอนเช้า ถึงตอนสายยังมีการปะทะกันอย่างน้อย 6 แห่งตามแนวชายแดน โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
BBC: วันพฤหัสฯ ความตึงเครียดที่คุกรุ่นระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ระเบิดขึ้นเป็นสงครามชายแดน อย่างน้อยคนไทยเสียชีวิต 12 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน เจ้าหน้าที่ไทย กล่าว
ทั้งสองฝ่ายกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นผู้สร้างความตึงเครียด มีรายงานเริ่มยิงข้ามชายแดนกัน ประเทศไทยกล่าวหาว่ากัมพูชายิงจรวดเข้าใส่ก่อนในขณะที่กรุงเทพฯใช้ยุทธวิธีถล่มทางอากาศใส่เป้าหมาย ทางทหารกัมพูชา
เรามาดูกันว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งใหม่ ในความจริงการโต้แย้งระหว่างไทย-กัมพูชานับถอยหลังไปเป็นศตวรรษ เมื่อเขตแดนสองประเทศลากเส้นแบ่งเขตแดนสมัยฝรั่งเศสปกครองกัมพูชา
ความรุนแรงใหม่เกิดขึ้นในปี 2551 เมื่อกัมพูชาพยายามขึ้นทะเบียนวัดในศตวรรษที่ 11 ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ขัดแย้งเป็นมรดกโลกของ ประเทศไทยคัดค้านอย่างหนัก ตั้งแต่นั้นมามีการปะทะกันเป็นระยะๆ ที่พลเรือนและทหารเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย
Reuter: ประเทศไทยส่ง F-16 ขึ้นโจมตีโดยเล็งเป้าหมายทหารอย่างแม่นยำ
กัมพูชาประณามไทยรุกรานเรียกร้องให้ยูเอนจัดประชุมสภาความมั่นคง สหรัฐเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทันทีที่การปะทะกัน อย่างน้อยพลเรือนไทยเสียชีวิต 11 ศพ และทหาร 1 นาย
ประเทศไทยส่ง F-16 ขึ้นโจมตีเป้าหมายทหารในกัมพูชา หลังจากปืนใหญ่ยิงถล่มกันทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ความขัดแย้งร้อนแรงกลายเป็นการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกัน
ทั้งสองกล่าวหาว่า อีกฝ่ายยิงก่อน การปะทะกันตอนเช้าในพื้นที่ขัดแย้งชายแดนที่กลายมาเป็นการปะทะรุนแรงอย่างรวดเร็ว ทั้งอาวุธเล็ก ปืนใหญ่ยิงใส่กันอย่างน้อย 6 สมรภูมิ คลุมพื้น 209 กม.ตามแนวชายแดนที่ยังขัดแย้งกันเรื่องอธิปไตยที่ยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ
มองจากที่สื่อต่างประเทศเน้นประเด็นเขมรถล่มทำลายเป้าหมายพลเรือน และเครื่องบินรบไทยทำลายเป็นเป้าหมายทหารกัมพูชา จึงพูดได้ว่า ไทยชนะในสนามข่าว เพราะชาวโลกรับรู้จากสื่อต่างประเทศว่า ทหารกัมพูชาละเมิดกฎหมายสากลที่ห้ามโจมตีโรงพยาบาลและพื้นที่พลเรือน
สงครามสนามข่าวกัมพูชาแพ้ไทยราบคาบ และที่น่าภูมิใจทูตไทยประจำสหประชาชาติแถลงตอบโต้กัมพูชาอย่างสุขุมชาญฉลาด ทำให้ประเทศไทยชนะในเวทีโลก จากสิ่งที่คนไทยจำนวนมากกังวลว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งหนังสือไปถึงยูเอ็นทันทีที่เกิดการปะทะกัน
เนื่องจากว่ากัมพูชา ต้องการให้ สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC มีคำสั่งให้ไทยหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข และให้นำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก แต่กัมพูชานำข้อมูลบิดเบือนป้ายสี ไปแถลงในที่ประชุม UNSC กล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายรุกราน
ทูตไทยประจำสหประชาชาติตอบโต้อย่างสุขุมและนำเสนอหลักฐานว่า กัมพูชาเป็นผู้รุกรานเราก่อน ทั้งยังมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม กัมพูชาโจมตีพลเรือน โจมตีโรงพยาบาล จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับ 10 ศพรวมถึงเด็กด้วย
หลังจากที่ประชุม UNSC รับฟังจากทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีคำสั่งใดเป็นพิเศษเพียงแต่ระบุว่า สถานการณ์ไทยและกัมพูชา “ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” ให้ทั้งสองประเทศไปเจรจาหาข้อยุติกันเอาเอง
สรุปแผนการของ กัมพูชาที่ต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริงและเอาหลังไปพิง UNSC กับศาลโลกล้มเหลวไม่เป็นท่า ส่วนไทยยื่นข้อเสนอว่าจะหยุดยิงเมื่อกัมพูชาหยุดรุกรานไทยและยอมรับการเจรจาแบบทวิภาคี #นี่คือชัยชนะของไทยในเวทีโลก
ชัยชนะครั้งนี้ ต้องยกความดีให้นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่ตอบโต้กัมพูชา ด้วยวาจาหลักแหลม
หนักแน่น มีพยานหลักฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพไทย จึงพูดได้ว่าไทยชนะในเวทีโลกเพราะช่ำชองเวทีการทูตในยูเอน และเพราะทหารไทยปฏิบัติทางทหารยึดมั่นในหลักการปะทะตามกฎบัตรสหประชาชาติ
เป็นชัยชนะในเวทีนานาชาติโดยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถึงเวลาพูดความจริงว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่รู้สี่รู้แปดเรื่องการบริหารข่าวในภาวะไม่ปกติ
ในอดีตเมื่อมีเหตุขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีเหตุก่อการร้าย เช่นจี้เครื่องบิน ยึดสถานทูตหรือมีอาคันตุกะคนสำคัญมาเยือนประเทศไทย กองงานโฆษกทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้เตรียมข้อมูลรอบด้านทำ Press release ที่บันทึกข้อมูลไว้ครบถ้วน ก่อนให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนั่งแถลงข่าว
นายกฯ หรือรมว.ที่เกี่ยวข้องกล่าวนำตามความเหมาะสม ก่อนเปิดให้นักข่าวซักถาม การทำงานเป็นระบบอย่างนี้ผู้แถลงข่าวเป็นผู้กำหนดประเด็น
แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยรักษาการนายกฯตอบคำถามนักข่าวข้างถนนรนแคมแบบขอไปที และหนักทางปฏิเสธข่าว แสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพ หรือ อาจติดนิสัยทหารป่ามา ซึ่งเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประเทศไทยมีทูตประจำสหประชาชาติที่สามารถแถลงข่าวหรือตอบโต้ข่าวในยูเอ็นและสื่อสากลได้ทันที
นับว่าโชคดีที่กองทัพไทย เปิดเกมรุกสนามข่าวได้ดีพอๆกับเกมรุกในสนามรบ การที่ทหารไทยเชิญทูตทหาร 18 ชาติมารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ทำให้ประเทศไทยเป็นต่อในสนามข่าว
ดังนั้น คนไทยต้องให้กำลังใจ สนับสนุนกองทัพไทยให้เดินหน้าปฏิบัติการทางทหารกับอริราชศัตรูต่อไป ตามคติที่ว่า
“ปราบศัตรูให้อยู่หมัด หรือ กำจัดศัตรูให้ราบคาบแล้วค่อยเจรจาแสวงหาสันติภาพ” ดังสุภาษิตที่ว่า “ประเพณีตีงูให้หลังหัก งูมันจักทำร้ายเอาภายหลัง”
เมื่อกระสุนนัดแรกลั่นแล้ว ปฏิบัติการทางทหารใน “ยุทธการจักรพงษ์ภูวนาถ” ยุทธบดินทร์ และปฏิบัติทางทหาร “ยุทธการตราดไพรีพินาศ” 3 ยุทธการปฏิบัติการทหารที่ประสานเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างทัพบก ทัพเรือทัพอากาศ สร้างความพินาศให้ศัตรูย่อยยับมาแล้วหลายสมรภูมิในพื้นที่ยาวกว่า 800 กม.ตามแนวชายแดนจาก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และจ.ตราด ที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ใกล้เกาะกงแหล่งพนันใหญ่และไซเบอร์สแกม (ฉ้อโกงออนไลน์)ในกัมพูชา
เชื่อว่าเมื่อปฏิบัติการ “จักรพงษ์ภูวนาถ” “ยุทธบดินทร์”และปฏิบัติการ“ตราดปราบไพรีพินาศ” กำราบเขมรให้ราบคาบ จนไม่อยู่ในภาวะที่แว้งกัดไทยต่อไปคนไทยต้องภาวนาให้มีปฏิบัติการทางทหารยุทธการที่ 4 เน้นเป้าหมายทำลายอาชญากรรมข้ามชาติตามแนวชายแดนไทยแหล่งใหญ่บ่อนการพนันและไซเบอร์สแกม ที่ยูเอ็นกังวลว่าเป็นภัยต่อมนุษยชาติทั่วโลกอย่างร้ายแรง
จึงเป็นความชอบธรรมของกองทัพไทยที่ต้องทำลายแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติให้แหลกลาญ ทุบหม้อข้าว ฮุน เซน ให้แตกกระจายทหารไทยจะได้รับความชื่นชมยกย่องแซ่ซ้องจากทั่วโลก
กองทัพไทยต้องกำจัดผู้ก่อการร้ายไม่เฉพาะปลายแถว แต่ต้องทำให้เจ้านายมันสำเหนียกว่าทหารไทยเนรคุณไม่ได้ ผู้เนรคุณประเทศไทยต้องทำให้เข็ดหลาบไปถึง
รุ่นหลานเหลน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี