ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งต่อมาเสวยราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4ได้เสด็จออกบรรพชาอุปสมบท และในที่สุดก็ได้พบกับพระพุทธศาสนาอีกสายหนึ่ง เรียกว่าสายรามัญวงศ์ พูดง่ายๆ ก็คือสายมอญ
ความจริงพระพุทธศาสนาสายนี้เข้ามาในประเทศไทยช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากเสด็จฯกลับจากพม่าก็ได้ทรงนิมนต์พระมหาเถรคันฉ่องตามเสด็จฯมาเพื่อประดิษฐานพระพุทธศาสนาสายรามัญวงศ์ขึ้นในอยุธยา และได้ไปพำนักอยู่ที่วัดป่าแก้ว
ครั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสวยสิริราชสมบัติแล้วก็ทรงสถาปนาพระมหาเถรคันฉ่องให้ทรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระพนรัตน์ สถิต ณ วัดป่าแก้ว ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็ปรากฏพระนามว่าสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว ซึ่งก็คือพระมหาเถรคันฉ่องนั่นเอง
ตำแหน่งนี้ในสมัยนั้นมีสมณะฐานะเป็นที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งต่างกับสมัยสุโขทัยที่ยังไม่มีสมณศักดิ์ จึงเรียกกันว่าปู่ครูบ้าง ปู่เฒ่าบ้าง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าสมณศักดิ์ในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยได้เริ่มมีมาในสมัยอยุธยา ซึ่งบรรดานักประวัติศาสตร์ต่างก็ทรงจำชื่อ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วได้ เพราะสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้นเป็นที่เคารพศรัทธาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งชาวรามัญถือกันว่าพระมหาเถรคันฉ่องมีศักดิ์ฐานะทั้งทางการเมืองและทางศาสนาไม่ต่างกับมหาเถรมังสินธูเจ้าขรัวสมภารเจ้าวัดกุโสดอ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าบุเรงนอง เพราะพระมหาเถรคันฉ่องนั้นก็เชี่ยวชาญด้านพิชัยสงครามและการยุทธ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะการจัดกระบวนรบทั้งหลาย ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ได้ฝากพระองค์เป็นศิษย์ของพระมหาเถรคันฉ่องตั้งแต่เมื่อครั้งประทับอยู่ที่พม่า
เมื่อครั้งการศึกกับพระมหาอุปราชา มีนายทหารผู้ใหญ่หลายนายต้องพระราชอาญาเพราะตั้งอยู่ในความประมาท ไม่พิทักษ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งขณะนั้นช้างพระที่นั่งตกมันโลดแล่นเข้าไปในท่ามกลางข้าศึก แต่ด้วยพระปัญญาปฏิภาณที่ทรงอุบัติขึ้นเป็นพระมหาราชเจ้าจึงทรงแก้ปัญหาด้วยพระปัญญา ออกคำท้าให้ฝ่ายพม่ากระทำยุทธหัตถีให้เลื่องชื่อลือชาและพระองค์ก็ทรงได้รับชัยชนะอย่างงดงาม จนกองทัพพม่าต้องแตกพ่ายไป
แต่นายทหารผู้ใหญ่ที่ประมาทในราชกิจจนหวุดหวิดที่จะทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงได้รับอันตรายก็ทรงลงโทษตามกฎพระอัยการศึกคือประหารชีวิต ซึ่งโทษอาญาร้ายแรงขนาดนี้และในท่ามกลางพระอารมณ์ที่ทรงกริ้วที่ประมาททำให้พระองค์เสี่ยงอันตรายปิ่มว่าจะเสียทีแก่ข้าศึก ก็ไม่มีผู้ใดที่จะทูลขออภัยโทษได้
บรรดานายทหารที่รู้จักสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วจึงนำความไปกราบทูลให้ทรงช่วยเหลือ สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว จึงเข้าเฝ้าฯ ทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่บรรดานายทหารทั้งหลาย และแม้พระองค์จะทรงอยู่ในพระอารมณ์รุ่มร้อนแห่งโทสะ แต่ด้วยความเกรงใจพระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาคุณก็พระราชทานอภัยโทษบรรดานายทหารผู้ใหญ่หลายคนจึงรอดจากพระราชอาชญาถึงตาย
เป็นเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกับเมื่อครั้งที่พระสังฆราชเจ้าวัดกุโสดอ มหาเถรมังสินธู เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเมงกะยินโยเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษตายให้กับจะเด็ดหรือพระเจ้าบุเรงนองผู้เป็นศิษย์รัก
ในครั้งนั้นพระเจ้าเมงกะยินโยทรงน้อยพระทัยที่พระมหาเถรผู้เป็นสหายศึกเก่าแก่เห็นลูกไพร่ดีกว่าเกียรติยศแห่งพระราชวงศ์ตองอู จึงตัดพ้อต่อว่าพระมหาเถรเจ้าสำนักกุโสดอเป็นอเนกประการ
จนพระมหาเถรก็ต้องลำเลิกบุญคุณเอากับพระเจ้าเมงกะยินโยว่า แผ่นดินเมืองตองอูนั้นตนก็มีส่วนร่วมในการทำศึกให้ได้มาซึ่งบรรดาเหล่าทหารทั้งหลายที่ร่วมการแต่ครั้งนั้นล้วนได้รับพระราชทานยศศักดิ์และรางวัลต่างๆ กันทั่วทุกคน มีแต่ขรัวเฒ่าแห่งวัดกุโสดอเท่านั้นที่ไม่เคยได้รับพระราชทานรางวัลใดๆ เพราะเมื่อสถาปนาพระราชวงศ์ขึ้นแล้วก็ได้ถวายบังคมลาออกบวช
พระมหาเถรได้กล่าวคำเตือนพระเจ้าเมงกะยินโยว่าแม้ตัวเองจะละฆราวาสวิสัยฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาแล้ว แต่น้ำใจก็ยังยึดมั่นในผลประโยชน์และความมั่นคงแห่งแผ่นดินตองอูยิ่งกว่าสิ่งใด
พระมหาเถรได้ย้ำว่าการมาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ศิษย์อันเป็นที่รักนั้นก็เป็นความจริงว่านั่นเป็นความรักผูกพันระหว่างอาจารย์กับศิษย์ แต่ข้อนี้เทียบไม่ได้กับน้ำใจรักภักดีต่อแผ่นดินตองอู ด้วยคะเนเห็นว่าแผ่นดินทุกวันนี้มีศึกสงครามไปเบื้องหน้า มังตรามกุฎราชกุมารซึ่งเป็นศิษย์รักคู่กับเจ้าจะเด็ดวันหนึ่งก็จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งแผ่นดินตองอู มหาเถรเฒ่าทอดสายตาไปทั่วแล้วหามีผู้ใดจะเป็นนายทหารกล้ามีฐานะเป็นช้างทรงที่แกล้วกล้าให้กับพระเจ้ามังตราแห่งเมืองตองอูในอนาคต
เห็นก็แต่เจ้าจะเด็ดศิษย์ร่วมสำนักและผู้ร่วมนมกับพระแม่นมเล่าชีของมังตรามกุฎราชกุมาร ที่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่เป็นช้างศึกปกป้องผองภัยและเสริมสร้างพระบรมเดชานุภาพแก่พระเจ้ามังตราในอนาคตได้
พระเจ้าเมงกะยินโยได้ฟังคำกราบทูลของพระสังฆราชตองอูอดีตสหายศึกของพระองค์ ดังนั้นก็สะเทือนพระทัย เห็นจริงตามคำกราบทูลนั้น จึงพระราชทานอภัยโทษตายให้แก่เจ้าจะเด็ด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี