อาชีพนักการเมือง คืออาชีพที่ถูกประชาชนระบุว่ามีความน่าเชื่อถือน้อย จนถึงระดับไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่น่าไว้วางใจมากเป็นอันดับต้นๆ ในการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนจากทุกสำนักที่ทำการสำรวจ
ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องถามคุณผู้อ่านเช่นกันว่า คุณผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับอาชีพนักการเมือง มีใครบ้างที่ตอบแบบเต็มปากเต็มคำว่า ชื่นชม ศรัทธาในตัวบุคคลผู้ทำอาชีพนักการเมือง และต้องการจะเข้าไปร่วมทำอาชีพนักการเมือง แล้วมีใครบ้างที่ตอบแบบเต็มปากเต็มคำว่า รังเกียจ และขยะแขยงบุคคลที่อยู่ในอาชีพนักการเมืองมากที่สุด และขอยืนยันว่าในชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันเข้าไปทำอาชีพที่น่ารังเกียจเช่นนี้เป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม ต้องขอยืนยันว่าทุกอาชีพมีสมาชิกในแวดวงอาชีพนั้นๆ เป็นทั้งคนดีและคนเลวผสมปนเปกันไป แต่สำหรับอาชีพนักการเมืองแล้ว ต้องพิจารณาต่อไปว่า ผู้ที่อยู่ในวงอาชีพนี้เป็นคนดีมากกว่าคนเลว หรือเป็นคนเลวมากกว่าคนดี
ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าคนที่ต้องการจะเข้าสู่วงการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นอย่างไรบ้าง โดยดูได้จากข้อกำหนดต่อไปนี้
คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และข้อห้ามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
1. คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 101)
1.2 มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
1.3 เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง
1.4 ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
- เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
- เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา
- เคยรับราชการหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี
1.5 ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบสัดส่วนต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตาม 1.4 ด้วย แต่ลักษณะดังกล่าวในกรณีใดที่กำหนดถึงจังหวัด ให้หมายถึงกลุ่มจังหวัด
2.ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 102)
2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
2.3 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 100 (1) (2) หรือ (4)
2.4 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
2.5 เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
2.6 เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
2.7 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
2.8 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง
2.9 เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
2.10 เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงแล้วยังไม่เกินสองปี
2.11 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
2.12 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2.13 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 263
2.14 เคยถูกวุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
3.ข้อห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 265)
3.1ไม่ดำรงตำแห่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือข้าราชการส่วนท้องถิ่น
3.2 ไม่รับหรือแทรกแซงหรือก้าวก่ายการเข้ารับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
3.3 ไม่รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆในธุรกิจการงานตามปกติ
3.4 ไม่กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 48
บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภารับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน และมิให้ใช้บังคับในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภารับหรือดำรงตำแหน่งกรรมาธิการของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา หรือกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในการบริหารราชการแผ่นดิน
ให้นำความใน 3.1 3.3 และ 3.4 มาใช้บังคับกับคู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา และบุคคลอื่นซึ่งมิใช่คู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภานั้น ที่ดำเนินการในลักษณะผู้ถูกใช้ ผู้ร่วมดำเนินการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาให้กระทำการตามมาตรานี้ด้วย (อ้างอิงจาก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_news.php?nid=10867&filename=index012)
เมื่อพิจารณาคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และข้อห้ามของผู้ดำรงตำแหน่ง สส. ของไทยแล้ว จะเห็นว่าแต่ละข้อกำหนดได้พยายามจะกรองเอาบุคคลที่เป็นคนดีที่แท้จริงให้เข้าไปแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสส. ทั้งสิ้น
แต่เหตุไฉนในข้อเท็จจริงที่สาธารณชนรับรู้รับทราบมาโดยตลอด จึงดูเสมือนว่าข้อกำหนดข้างต้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยต่างรู้ดีว่าคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งสส. ในสังคมไทยมีรอยด่าง และตราบาปในชีวิต แต่ที่น่าตกใจมากยิ่งกว่าก็คือ ผู้สมัครสส. บางรายซึ่งมีจำนวนไม่น้อยนั้น ประชาชนต่างรับรู้มาโดยตลอดว่าเป็นมาเฟีย เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เป็นเจ้าของซุ้มมือปืน เป็นผู้ค้าของเถื่อน ค้าของหนีภาษี ค้ามนุษย์ มีพฤติกรรมฉ้อฉลทุจริตสารพัด เพียงแต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยถูกศาลไทยพิพากษาตัดสินให้ต้องคดีขั้นเด็ดขาดเท่านั้น
แต่คนบางคนนั้น ไม่ใช่แค่เพียงมีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากนักเลงอันธพาล มาเฟีย เจ้าพ่อเจ้าแม่ แต่ยังถูกศาลสถิตยุติธรรมของต่างประเทศพิพากษาจำคุกในคดีค้ายาเสพติด แต่กลับได้ถูกเลือกเป็นสส. แล้วยังดันได้ขึ้นไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีได้อีก
เรื่องบัดสีจนเกินจะยอมรับได้เช่นนี้ ทำให้กระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่กระบวนการแข่งขันเป็นสส. ของไทย รวมถึงเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีของไทย ถูกตั้งคำถาม
มาโดยตลอดว่า กระบวนการเน้นการเลือกสรรคนดีหรือคนเลวให้เข้าสู่ตำแหน่งสส. และรัฐมนตรีกันแน่ แล้วคำถามที่ตามมาตลอดเวลาคือ แวดวงนักการเมืองทุกระดับของไทยมีคนดีมากกว่าคนเลวจริงหรือ หรือว่าวงการการเมืองทุกระดับของไทยไม่เคร่งครัดกับการเลือกสรรคนดีที่แท้จริงเข้าสู่กระบวนการ
หมายเหตุ บทความนี้คงไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างนักการเมืองที่ได้ถูกเลือกเป็นสส. และได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีจำพวกตระกูลโจร เพราะมั่นใจว่าวิญญูชนในสังคมไทยรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี