วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รัฐล้มเหลว คือรัฐที่ไร้ประสิทธิภาพ ขาดประสิทธิผลในการบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปกครองการบริหารจัดการ การศึกษา การเงินการคลัง การเศรษฐกิจ ความมั่นคงเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดการด้านสวัสดิการ และการสาธารณสุข และขาดความชอบธรรม ไร้ความน่าเชื่อถือทั้งในสายตาของประชาชนในประเทศ และจากประชาคมนานาชาติ
ลักษณะประการสำคัญของรัฐล้มเหลวคือ มักเกิดปัญหาความขัดแย้งในประเด็นต่างๆ ตลอดเวลา เช่น ประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ภายในประเทศอย่างรุนแรง และซ้ำซากเป็นประจำ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวงได้ ส่วนการบังคับใช้กฎหมายในรัฐล้มเหลว ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด แต่ทว่า ในขณะเดียวกันกลับจะเกิดการละเมิดกฎหมายอย่างรุนแรงตลอดเวลาอีกด้วย
สิ่งที่น่าวิตกกังวลยิ่งกว่าในรัฐล้มเหลวคือ สิทธิ เสรีภาพของประชาชนไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยผู้มีอำนาจรัฐ แต่ผู้มีอำนาจรัฐกลับจะยิ่งกระทำละเมิดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนมากขึ้นเป็นลำดับ ส่วนผู้มีอำนาจรัฐก็จะใช้อำนาจรัฐ และอิทธิพลในรูปแบบต่างๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรม และผิดกฎหมาย โดยกระทำการผ่านกลอุบายและเล่ห์กลการเมืองสารพัดรูปแบบตลอดเวลา
สิ่งที่สังเกตเห็นชัดๆ อีกประการในรัฐล้มเหลวคือ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล หรือพูดง่ายๆ คือ กฎหมายไม่สามารถใช้ลงโทษผู้กระทำผิดได้ แล้วที่สำคัญคือผู้กระทำผิดโดยเฉพาะผู้กระทำผิดที่มีอำนาจรัฐ มีอิทธิพลทางการเมือง และมีอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับสูงไม่เคยเคารพยำเกรงกฎหมายแม้แต่น้อย ดังนั้น ต่อให้เขาเหล่านั้นกระทำผิดขั้นร้ายแรง กระทำผิดโดยอุกอาจ และขั้นอุกฤษฎ์ แต่ผู้กระทำผิดก็ไม่ต้องถูกลงโทษตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้น ผู้กระทำผิดจึงลอยนวล ไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด แล้วยังสามารถชูคอลอยหน้าในสังคมได้อย่างไม่สะทกสะท้าน และไม่ละอายอีกด้วย แต่ที่น่าสมเพชยิ่งกว่าคือมีข้าราชการระดับสูง และนักการเมือง รวมถึงนักธุรกิจเข้าไปห้อมล้อมคนทำผิดกฎหมายตลอดเวลา
อีกประการหนึ่งคือ รัฐล้มเหลวไม่เคยพยายามชำระสะสางคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตให้สำเร็จเสร็จสิ้น แต่กลับปล่อยให้คดีความต่างๆ คาราคาซัง และหมักหมมซุกซ่อนคดีความไว้ ไม่ว่าเรื่องราวของคดีนั้นจะเกิดมาแล้วกี่สิบปีก็ตาม เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องถามหาความยุติธรรมภายในรัฐล้มเหลว ดังนั้น จึงพบว่าเรื่องราวและคดีใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่เคยถูกทำให้กระจ่างใส โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม แล้วส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อสิทธิ เสรีภาพของประชาชน จึงเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้รับการชำระสะสางให้ขาวสะอาดส่วนคนกระทำผิด โดยเฉพาะคนมีอำนาจรัฐ ก็ยังคงลอยหน้า ชูคอและลอยนวลอยู่ในสังคมได้ต่อไป แต่คนที่ถูกกระทำละเมิดก็เป็นฝ่ายสูญเสียตลอดไป และไม่เคยได้รับการชดเชยใดๆ แม้แต่น้อย
นอกจากนั้น ยังมีปมปัญหาเรื่องรัฐซ้อนรัฐ และอำนาจซ้อนอำนาจภายในรัฐล้มเหลว เพราะว่าระบบโครงสร้างอำนาจรัฐที่เน้นการกดขี่ เอารัดเอาเปรียบประชาชนได้ฝังรากลึกในรัฐล้มเหลวมายาวนาน เพราะฉะนั้น จึงเกิดปัญหาผิดซ้ำๆผิดเหมือนๆ เดิม เกิดขึ้นโดยตลอด ส่วนผู้ที่ถูกกระทำ หรือถูกรังแก ถูกเอารัดเอาเปรียบก็ยังคงตกเป็นเหยื่อตลอดไป ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ไม่เคยได้รับการเยียวยาหรือชดใช้ความเสียหาย แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่กระทำละเมิดก็ยังคงกระทำละเมิดต่อไป ใช้ความรุนแรงต่อไป แต่ก็ไม่เคยถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะรัฐล้มเหลวไม่มีกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไปแล้ว
รัฐล้มเหลวคือรัฐที่ผู้มีอำนาจรัฐใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมกดขี่ เอาเปรียบคนส่วนใหญ่ในประเทศ โดยไม่นำพาว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเดือดร้อนมากมายสักเพียงใด ผู้มีอำนาจรัฐจะใช้กลอุบายเอาเปรียบประชาชนโดยผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่เขียนขึ้นตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจรัฐ โดยอ้างว่าผู้มีอำนาจรัฐมาจากความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ซึ่งก็หมายถึงการอ้างผลการเลือกตั้งตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจรัฐในรัฐล้มเหลวรู้ตัวเองดีว่าข้ออ้างเรื่องชัยชนะจากการเลือกตั้ง หมายถึงการโกงการเลือกตั้งด้วยกลอุบายและกรรมวิธีสกปรกสารพัดรูปแบบ ส่วนประชาชนในรัฐล้มเหลวก็ถูกล้างสมองให้เชื่อว่าผู้มีอำนาจรัฐได้อำนาจมาจากความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ผู้มีอำนาจรัฐได้อำนาจมาด้วยกรรมวิธีฉ้อฉล และทุจริตสารพัดรูปแบบ โดยที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดพวกเขาได้ หรือแม้ในบางครั้ง กฎหมายอาจจะลงโทษเขาได้ก็ตาม แต่สุดท้าย ผู้กระทำผิดซึ่งมีอำนาจรัฐในรัฐล้มเหลวก็สามารถใช้ช่องทางพิเศษอื่นๆ เพื่อทำให้เขาไม่ต้องถูกลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด ดังมีสิ่งที่ปรากฏชัดเจนในปัจจุบันนี้
ผู้มีอำนาจในรัฐล้มเหลวไม่มีความยึดโยง หรือโยงใยกับประชาชนแม้แต่น้อย แต่กลับใช้ประชาชนเป็นฐานในการเข้าไปสู่วงจรแห่งอำนาจ และผลประโยชน์ โดยที่ระบบและกลไกการตรวจสอบทุกชนิดภายในรัฐล้มเหลวไม่สามารถทำงานได้ หรือแม้อาจจะมีกลไกตรวจสอบหลงเหลืออยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างจริงๆ จังๆ เพราะขาดประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงไม่ต้องถามหาความโปร่งใส ความชัดเจน และความขาวสะอาดใดๆ รวมถึงไม่ต้องถามหาระบบการถ่วงดุล และตรวจสอบภายในรัฐล้มเหลว
เมื่อระบบการถ่วงดุลและตรวจสอบภายในรัฐล้มเหลวสูญสิ้นไปแล้ว ก็จึงทำให้ผู้มีอำนาจรัฐกระทำผิดได้อย่างสะดวกสบาย และเกิดความย่ามใจ ไม่เกรงกลัวและไม่เกรงใจประชาชน และไม่สนใจองค์กรตรวจสอบต่างๆ นานาที่ยังมีอยู่ในประเทศ เพราะเขารู้ดีว่าองค์กรตรวจสอบไม่มีปัญญาทำงานได้ เนื่องจากคนต่างๆ ในองค์กรล้วนมาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจรัฐ แล้วคนในองค์กรที่อ้างว่าเป็นองค์กรอิสระก็สยบยอมเป็นข้าทาสผู้รับใช้ผู้มีอำนาจรัฐ เพราะต้องการจะมีตำแหน่งบริหารระดับสูงในองค์กรต่อไป
กล่าวได้ว่ารัฐล้มเหลวคือรัฐที่ปกครองด้วยระบบที่เน้นการใช้ความรุนแรง ไม่มีหลักยุติธรรมใดๆ ซึ่งถือเป็นรัฐเผด็จการเต็มรูปแบบ แม้รัฐเช่นนี้จะอ้างตลอดเวลาว่าเป็นรัฐที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็เป็นเพียงคำอ้างเท่านั้น
แล้วยังพบว่าในรัฐล้มเหลวจะมีจำนวนผู้คนไม่น้อยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย แม้จงใจทำผิดกฎหมายต่างๆ นานาแต่ก็อ้างว่าไม่ได้ทำผิด แล้วก็จะอ้างอีกว่าตนเองถูกลงโทษโดยไม่ยุติธรรม เช่น กรณีผู้กระทำผิดกฎหมายอาญา แต่อ้างว่าถูกกลั่นแกล้งด้วยคดีการเมือง ดังที่พบว่าผู้กระทำผิดคดีอาญาจำนวนไม่น้อย อ้างว่าตนเองถูกลงโทษเพราะถูกกลั่นแกล้ง ครั้นเมื่อถูกส่งตัวไปดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินคดีอาญา ผู้กระทำผิดก็ใช้กลอุบายอดอาหารเพื่อประท้วงคำสั่งศาล
แน่นอนว่าคดีการเมืองไม่ใช่คดีอาญา แต่สำหรับประเทศไทยนั้นมีผู้จงใจกระทำผิดคดีอาญา แต่กลับอ้างว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยเฉพาะผู้ที่จงใจทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นประจำ และกระทำความผิดแบบซ้ำซาก แต่ก็มักจะอ้างและแก้ตัวว่าถูกกลั่นแกล้งแล้วยัดข้อหาทางการเมือง ซึ่งเรื่องพรรค์อย่างนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงเวลานี้บ่อยมาก
ประเด็นที่ผู้เขียนขอทิ้งท้ายในบทความนี้คือ รัฐล้มเหลวจะมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหนักมาก แต่จะเห็นว่ารัฐบาลของรัฐล้มเหลวมักชอบสร้างภาพว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน แต่ทว่าคำอ้างของรัฐบาลล้วนสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงภายในประเทศ
ประเทศจัดอยู่ในข่ายรัฐล้มเหลวหรือไม่ ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่เมื่อเราพินิจพิเคราะห์ลักษณะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่ารัฐไทย หรือประเทศไทยน่าจะตกอยู่ในบริบทของรัฐล้มเหลวในบางแง่บางมุม แต่โดยภาพรวมของประเทศไทยแล้ว ยังอาจจะไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะรัฐล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐไทยรอดพ้นจากบ่วงหรือปมปัญหาของรัฐล้มเหลว
ปัญหาหนึ่งที่ทำให้คนไทยต้องฉุกคิดโดยพลันว่ารัฐไทย หรือรัฐบาลไทยอยู่ในสภาวะล้มเหลวหรือไม่ก็คือ เรื่องที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ทำผิดคดีอาญาแต่ไม่ต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการยุติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมากมายและสาหัส ก็เป็นอีกประเด็นที่ทำให้รัฐไทยถูกมองว่าเข้าข่ายรัฐล้มเหลว
คนที่ติดตามปัญหาของประเทศไทยมาโดยตลอดจะยอมรับว่า ประเทศไทยมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชันสูงมาก และสูงมาโดยตลอดหลายทศวรรษ และยังมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในมิติและแง่มุมต่างๆ อีกมาก แล้วยังพบว่าโครงสร้างด้านเศรษฐกิจและการเมืองของไทยถูกผูกขาดในกำมือของคนกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนน้อยมาก ในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศยังมีปัญหาความยากจน และไร้อำนาจถ่วงดุลตรวจสอบผู้มีอำนาจรัฐ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง ในขณะที่สังคมไทยก็ยังมีลักษณะเล่นพรรคเล่นพวกอย่างเข้มข้น เพราะฉะนั้น อำนาจรัฐและผลประโยชน์ทางการเมืองจึงตกอยู่ในมือของคนเพียงบางกลุ่มบางพวกเท่านั้น เช่น นักธุรกิจนายทุนเจ้าของพรรคการเมือง หรือกลุ่มข้าราชการเก่าที่มีอำนาจราชการสูง รวมถึงกลุ่มทหารตำรวจที่มียศตำแหน่งสูงๆ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าสังคมไทยยังตกอยู่ในวังวนของระบบอุปถัมภ์ จึงพบว่าการทุจริตคอร์รัปชันในไทยจึงอยู่ในรูปแบบการผูกขาดสัมปทานรัฐ หรือการผูกขาดการค้าการขายในธุรกิจหลายประเภท และยังมีการฉ้อราษฎร์บังหลวง เช่น การนำทรัพยากรของรัฐไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัวในกลุ่มผู้มีอำนาจรัฐ และอำนาจเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยปราศจากความชอบธรรม รวมถึงการบริหารงานภาครัฐโดยผิดพลาด แล้วปกปิดความผิดพลาดไว้เรื่อยมาแล้วยังปรากฏว่ามีการใช้อำนาจรัฐโดยไม่ชอบเพื่อผ่านนโยบายทุจริตต่างๆ จนเกิดปัญหาการทุจริตเชิงนโยบาย และที่น่าหนักใจมากก็คือการมุ่งใช้นโยบายประชานิยมต่างๆ เพื่อมอมเมาหลอกลวงประชาชน เพื่อให้นักการเมืองได้มีอำนาจรัฐในกำมือได้ตลอดไป และสุดท้ายก็คือการทุจริตการเลือกตั้งด้วยกลอุบายสารพัดชนิด แล้วอ้างว่าตนเองชนะการเลือกตั้งอย่างขาวสะอาด ปราศจากการทุจริตใดๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ ถือเป็นปมปัญหาที่พบเห็นได้อย่างชัดเจนในรัฐล้มเหลวทั้งสิ้น เมื่อคุณอ่านบทความนี้แล้ว คุณบอกกับตัวเองได้หรือไม่ว่า นี่คือปัญหาของประเทศไทย ส่วนคุณจะมองว่ารัฐไทย หรือประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลวหรือไม่ ก็แล้วแต่ดุลพินิจของคุณ แต่สำหรับผู้เขียน ขอบอกว่า รัฐบาลไทยล้มเหลว และกำลังจะลากพาประเทศไทยไปสู่ความเป็นรัฐล้มเหลวในไม่ช้า

ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษ
‘จิตภัสร์’งานไว! สละเก้าอี้‘ที่ปรึกษาสุชาติ’แล้ว ยันจุดยืน‘บทบาท-หน้าที่’ไร้ทับซ้อน
จับตา‘บิ๊กแมตช์’ศึกเลือกตั้ง‘ประจวบฯ’ เช็ก 3 ขุนพล‘ภท.’ขยับ เปิดหน้ารอชนพรรคคู่แข่ง
เปิดเส้นทางเดินตามรอยบ้านศิลปิน กระตุ้นการท่องเที่ยวแนวศิลปะ
คนดังพรึบ‘ภูมิใจไทย’ ‘กุลวลี-สุดารัตน์-รัชดา-หมอเอกภพ’ร่วมทีม‘สีน้ำเงิน’สู้ศึกเลือกตั้ง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี