พรรคการเมืองคือองค์กรการเมืองที่กลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดทางการเมือง หรืออุดมการณ์การเมืองในทิศทางเดียวกัน ร่วมกันก่อตั้งพรรคขึ้น โดยมีความมุ่งหวังให้พรรคการเมืองของตนมีอำนาจการเมือง แล้วใช้อำนาจการเมืองดำเนินนโยบายเพื่อบริหารประเทศไปตามแนวทาง หรืออุดมการณ์ของพรรค
เพราะฉะนั้น พรรคการเมืองตามความหมายในเชิงวิชาการด้านการเมืองการปกครอง จึงต้องเป็นองค์กรการเมืองที่บุคคลต่างๆ ต้องร่วมกันจัดตั้ง และร่วมกันเป็นเจ้าของ แล้วต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีแนวคิดการเมืองในทิศทางเดียวกันกับพรรค สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในทางการเมืองได้โดยเฉพาะในระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยตัวแทน ดังนั้น พรรคการเมืองจึงเป็นองค์กรที่ประชาชนสามารถเสนอ และส่งผ่านข้อร้องเรียนของตนผ่านไปยังผู้บริหารประเทศได้ และที่สำคัญที่สุดคือ พรรคการเมืองต้องไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ต้องเป็นพรรคของประชาชน
เมื่อเราได้ทราบหลักการของพรรคการเมืองตามแนวคิดรัฐศาสตร์ไปแล้ว ก็ต้องกลับมาถามกันตรงๆ ว่า แล้วพรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศไทย เป็นองค์กรการเมืองของประชาชนจริงหรือ หรือว่าเป็นภาพจำแลงของบริษัทเอกชน ที่มีเจ้าของบริษัททำหน้าที่เป็นเจ้าของพรรค แล้วยึดกุมอำนาจการบริหารพรรคไว้ในกำมือของนายทุนเจ้าของพรรค และพวกพ้องของนายทุนพรรคเท่านั้น
ลองตอบตัวเองให้ชัดว่า เมืองไทยมีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนจริงๆ สักกี่พรรค แล้วดูให้ลึกว่าประชาชนมีสิทธิ์เข้าไปมีส่วนร่วมเสนอแนะความคิดเห็น และความต้องการทางการเมืองผ่านพรรค จริงๆ หรือ ไม่ต้องให้ประชาชนเข้าไปร่วมบริหารพรรคหรอก เพราะมันดูเป็นอุดมคติเกินไป เอาแค่เพียงว่ามีพรรคไหนในประเทศไทยที่ยินยอมให้ประชาชนเข้าไปร่วมเสนอแนะนโยบายบ้าง
แต่เท่าที่เห็น ก็จะพบว่าพรรคการเมืองหลายพรรคในไทย เป็นพรรคของนายทุน โดยเฉพาะนักธุรกิจการเมือง หรือไม่ก็เป็นพรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาด้วยความจำเป็นทางการเมืองในแต่ละยุค ดังนั้น พรรคการเมืองหลายพรรคในไทยจึงไม่ใช่พรรคการเมืองของประชาชน แต่เป็นพรรคจำพวกพรรคของกู กูเป็นเจ้าของพรรค พรรคต้องฟังกู เพราะกูคือเจ้าของพรรค แล้วพรรคจะต้องเดินตามคำสั่งของกู เนื่องจากกูเป็นผู้ควบคุมพรรคได้ แม้พรรคจำพวกนี้จะมีกรรมการบริหารพรรค แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า กรรมการบริหารพรรคก็มีสถานะไม่ต่างไปจากขี้ข้าของนายทุนเจ้าของพรรคเท่านั้น
พรรคพรรค์อย่างว่าในข้างต้นนั้น มีสภาพและสถานะไม่ต่างไปจากพรรคการเมืองในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ เพราะแม้จะได้ชื่อว่ามีพรรคก็ตาม แต่ทว่าก็เป็นเพียงแค่พรรคที่อยู่ใต้อำนาจบงการของผู้ยึดกุมอำนาจรัฐไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในกำมือ พรรคจำพวกนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ประชาชนเสนอความต้องการไปยังรัฐบาล แล้วก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองแต่อย่างใด ส่วนประชาชนที่ถูกมอมเมา และถูกหลอกว่าเป็นสมาชิกพรรคก็มีหน้าที่เพียงไม้ประดับ หรือลูกหาบของเจ้าของพรรคเท่านั้น และที่น่าสมเพชคือ พรรคที่กล่าวถึงนั้นไม่เคยทำหน้าที่ตรวจสอบ หรือถ่วงดุลการใช้อำนาจใดๆ ของรัฐบาล ซึ่งเราจะพบเห็นพรรคการเมืองพรรค์อย่างว่านั้นในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการอำนาจนิยม เช่น ระบบคอมมิวนิสต์ เป็นต้น เพราะมีพรรคการเมือง แต่ทว่าเป็นพรรคที่ถูกคุมโดยผู้นำเผด็จการ
ที่นี่ลองกลับมาพิจารณาว่า พรรคการเมืองสามารถทำผิดกฎหมายได้หรือไม่ หากตอบแบบตรงๆ ทื่อๆ ก็ต้องตอบว่า พรรคทำผิดกฎหมายไม่ได้ เพราะพรรคไม่มีชีวิต ถ้าเช่นนั้นถามต่อไปว่า แล้วหากแกนนำพรรค ผู้บริหารพรรคหรือเจ้าของพรรคทำผิดกฎหมายอันเกี่ยวข้องกับเรื่องพรรคการเมือง เมื่อเป็นแบบนี้จะลงโทษใคร จะลงโทษพรรค หรือลงโทษคนในพรรค แต่อย่าลืมว่าการทำผิดนั้นกระทำในนามของพรรค ไม่ได้ทำในนามของนาย ก. ไก่ นาย ข.ไข่ หรือนาย ค. ควาย แต่เขาจงใจทำผิดในขณะที่เขามีบทบาทและหน้าที่เป็นผู้บริหารของพรรค
พรรคไม่มีชีวิตก็จริง แต่ทว่าพรรคมีผู้บริหาร ดังนั้น เมื่อผู้บริหารพรรคทำผิด พรรคก็ต้องถูกลงโทษด้วย เนื่องจากผู้บริหารพรรคทำในนามของพรรค ไม่ได้ทำในนามปัจเจกบุคคล เพราะฉะนั้น จึงเกิดการลงโทษด้วยการยุบพรรค
การยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องสามารถกระทำได้ ในกรณีที่ผู้บริหารพรรค แกนนำพรรค หรือเจ้าของพรรคจงใจทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง ดังนั้น จึงไม่ต้องอ้างว่ายุบพรรคไม่ได้ เพราะการยุบพรรคเท่ากับไม่สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องบอกว่าพรรคที่ผู้บริหารพรรคทำผิด ต้องถูกยุบได้ เนื่องจากพรรคการเมืองนั้นๆ มีผู้บริหารที่จงใจกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง
การยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมาย จึงไม่ใช่การทำลายล้างประชาธิปไตย เพราะพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ตั้งใจสนับสนุนหรือส่งเสริมการปกครองแบบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เลิกอ้างว่าการยุบพรรคการเมืองคือการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย แล้วก็เลิกอ้างเถอะว่า การยุบพรรคจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาการเมืองรุนแรงและหนักหน่วงยิ่งขึ้น
อันที่จริง ต้องกลับไปทบทวนว่าทำไมพรรคบางพรรคจึงถูกยุบ เพราะว่าพรรคทำสิ่งผิดกฎหมาย ใช่หรือไม่ หากพรรคไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ก็ไม่มีทางที่ใครจะยุบพรรคได้โดยใช้คำสั่งทางกฎหมาย การยุบพรรคทำให้คนจำพวกที่อาศัยพรรคเป็นเครื่องมือทำความผิดต้องถูกลงโทษไปด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องอ้างว่าการยุบพรรคทำให้คนจำนวนมากได้รับผลเสียทางการเมืองอย่างรุนแรง แต่ในมุมตรงกันข้าม การปล่อยให้พรรคผิดกฎหมายลอยนวลแล้วทำผิดกฎหมายไปเรื่อยๆ มันคือการทำลายความสงบ ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติ และประชาชนมากกว่า
แน่นอนว่าประชาธิปไตยเน้นการเคารพความเห็นของกันและกัน แม้จะเป็นความเห็นต่าง และเชื่อต่างกันก็ตาม ต่างฝ่ายต่างก็ต้องเคารพกันและกัน แต่นั้นมิได้หมายความว่า ความเห็นต่างคือการปล่อยให้คนทำผิด หรือพรรคที่ทำผิด ยังสามารถทำผิดได้ต่อๆ ไป
ขอย้ำว่า การอดทน อดกลั้นในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การอดทนให้คนทำผิดกฎหมายยังคงทำผิดไปได้เรื่อยๆ หากถามว่า แล้วรู้ได้อย่างไรว่าใครทำผิดกฎหมาย ก็ต้องตอบว่าดูได้จากพฤติกรรมที่เขาผู้นั้นแสดงออกเป็นประจำ หากเขาทำผิดเพียงครั้งเดียว แล้วเขายอมรับสารภาพว่าเขากระทำผิดแล้วเขาให้สัญญาอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ทำผิดอีกต่อไป แบบนี้ก็ยังน่าจะให้โอกาสกับคนคนนั้น หรือพรรคๆ นั้น แต่หากทำผิดซ้ำๆ ซากๆ ผิดตลอดเวลา ผิดเป็นประจำ แบบนี้จะอ้างว่าต้องให้โอกาสกับเขา และต้องเคารพความเห็น หรือการกระทำที่แตกต่าง ก็คงจะไม่ได้ เพราะมันคือการนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้มีการกระทำความผิด ซึ่งเท่ากับส่งเสริมให้เกิดการทำลายล้างสังคม
การที่พรรคการเมืองมีนโยบายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากเป็นแบบนี้จะอ้างได้หรือว่าพรรคนั้นมีเสรีภาพในการคิด เสรีภาพในการกระทำการใดๆ ก็ตาม ต้องไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น ขอย้ำว่าไม่เคยมีการให้เสรีภาพกับผู้ที่ต้องการทำลาย ทำร้ายผู้อื่น ดังนั้น เลิกอ้างเสรีภาพที่จะทำลาย และทำร้ายผู้อื่นได้แล้ว แล้วก็ต้องเข้าใจด้วยว่า กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่มีใครอนุญาตให้ใช้สิทธิทางการเมืองเพื่อทำลายความสงบสุขของสังคม เพราะฉะนั้น เลิกอ้างว่าใช้สิทธิทางการเมืองโดยสุจริต เพราะในเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่าใช้สิทธิทางการเมือง เพื่อหวังล้มล้างการปกครอง ก็ไม่ประหลาดที่จะถูกยุบพรรค
ขอย้ำว่าการยุบพรรคการเมืองที่จงใจทำผิดกฎหมาย ไม่ใช่การทำลายระบอบประชาธิปไตย ผู้มีพฤติกรรมสามานย์เช่นนั้น ไม่ใช่ผู้ที่ใช้สิทธิทางการเมืองโดยสุจริต
การอ้างว่าพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและความต้องการทางการเมือง เป็นข้ออ้างที่รับฟังได้ แต่หากพรรคการเมืองมีพฤติกรรมสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อล้มล้างการปกครอง ก็ไม่สามารถปล่อยให้พรรคการเมืองนั้นดำเนินกิจกรรมการเมืองที่เป็นอันตรายดำเนินการต่อไปได้
การยุบพรรคที่เป็นอันตรายต่อระบบการปกครองของไทย ไม่สามารถใช้กำลังของประชาชนกลุ่มที่เห็นต่างได้ แต่จำเป็นต้องใช้อำนาจของศาลเพื่อตัดสินยุบพรรค เพราะ
เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องหยุดยั้งแนวคิดสามานย์ให้สิ้นสุดลงโดยเร็ว หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อสังคมโดยรวม และต่อประเทศชาติ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องอ้างว่า ศาลเอาอำนาจอะไรไปยุบพรรคการเมืองของประชาชน เพราะไม่มีวันที่จะมีใครยอมให้พรรคการเมืองประพฤติตัวเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ความสงบ และความปลอดภัยของบ้านเมืองเป็นอันขาด
การอ้างว่าพรรคการเมืองไม่ควรถูกยุบ เพราะพรรคการเมืองเป็นศูนย์รวมของอุดมการณ์ เป็นคำอ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะหากมีหลักฐานชัดเจนว่าพรรคการเมืองมีแนวคิดหรืออุดมการณ์การเมืองที่เป็นภัยอันตรายต่อประเทศชาติ และต่อประชาชนโดยรวม ก็จำเป็นต้องยุบพรรคการเมืองนั้นโดยพลัน ไม่ควรปล่อยไว้เพื่อนำไปสู่ความล่มสลาย หรือความวิบัติบรรลัยของประเทศชาติ แล้วก็ไม่ต้องอ้างด้วยว่า ความคิดใดๆ ก็ตาม เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของปัจเจก แต่หากปัจเจกคิดร้ายต่อบ้านเมือง แล้วปัจเจกนั้นเข้าไปมีหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค แกนนำพรรคการเมือง ก็เท่ากับว่าต้องลงโทษทั้งตัวบุคคลและพรรคการเมืองไปพร้อมๆ กัน
เพราะฉะนั้น การยุบพรรคการเมือง และการเพิกถอนสิทธิการเมืองของปัจเจกที่เป็นแกนนำพรรค หรือผู้บริหารพรรคจึงเป็นสิ่งที่ไม่น่ารังเกียจแม้แต่น้อย
เพราะฉะนั้น การที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งจงใจทำผิดกฎหมาย แล้วยังจงใจทำผิดเรื่อยๆ แม้พรรคการเมืองเดิมของพรรคนั้นจะถูกศาลพิพากษายุบพรรคไปแล้ว แต่พรรคที่ถูกยุบได้ก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ และกลุ่มการเมืองใหม่ขึ้นมา แล้วยังคงดำเนินนโยบายไม่ต่างไปจากพรรคการเมืองเดิมที่ถูกศาลสั่งยุบพรรค เมื่อเป็นแบบนี้ก็จำเป็นที่ต้องถูกศาลพิพากษายุบพรรคใหม่ เนื่องจากพรรคใหม่ก็ยังคงทำความผิดเช่นเดิม
ดังนั้น แม้แกนนำพรรคที่ถูกยุบไปแล้ว หรือพรรคที่กำลังจะถูกยุบจะอ้างว่า ยุบพรรคกี่ครั้งก็ไม่เกรงกลัว เพราะยุบกี่ครั้ง แนวคิดเดิมๆ ของพรรคก็ยังคงอยู่ต่อไป ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นมาทดแทนพรรคเดิมที่ถูกศาลสั่งยุบจะทำผิดกฎหมายเหมือนเดิมหรือไม่ หากทำผิดอีก ก็ต้องถูกสั่งยุบอีกโดยไม่ต้องสงสัย ส่วนข้ออ้างที่ว่าอุดมการณ์ของพรรคที่ถูกยุบไม่มีวันตาย เพราะประชาชนสนับสนุนอุดมการณ์นั้น ก็เป็นเพียงคำแก้ตัวของคนทำผิดที่ไร้สำนึกเท่านั้น เป็นการอ้างที่ใช้เพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น และเป็นการอ้างเพื่อสร้างภาพลวงตาให้คนที่คิดไม่ทันหลงเชื่อว่าพรรคนั้นยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ขอสรุปและขอยืนยันว่า การยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายซ้ำๆ ซากๆ ไม่ใช่การทำลายล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือการกำจัดอุปสรรคขวากหนามที่เป็นตัวขัดขวางและบ่อนทำลายประชาธิปไตยมากกว่า เพราะฉะนั้น ขอเชิญสร้างพรรคใหม่ไปเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะสร้างขึ้นมาอีกกี่ร้อยพรรค แต่หากพรรคทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกยุบพรรคอย่างแน่นอน แต่หากไม่ต้องการให้พรรคถูกยุบ ก็ง่ายมาก แค่เพียงไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ทำให้พรรคอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าพรรคจะยุ่ยสลายไปเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี