ต้องบอกตรงๆ ว่าเรื่องราวดำมืดต่างๆ นานาสารพัดในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รวมถึงมหาวิทยาลัยของรัฐอีกหลายแห่ง) เป็นเรื่องที่สาธารณชนมักไม่ค่อยได้รับรู้ เนื่องจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัยของรัฐมีความเก่งฉกาจในการปิดบังและซ่อนเร้นเรื่องลับๆ ดำๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ส่วนคนภายในมหาวิทยาลัยก็เพิกเฉยกับเรื่องเร้นลับภายในมหาวิทยาลัย ส่วนคนภายนอกก็ไม่สามารถรับรู้เรื่องดำมืดในมหาวิทยาลัยได้ แถมยังเข้าใจผิดคิดว่าไม่มีการทุจริตใดๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องบอกชัดๆ ว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่งเต็มไปด้วยเรื่องทุจริตสารพัดรูปแบบ
ในกรณีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็เช่นกัน ต้องยอมรับว่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัย ดูเสมือนมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งคือ สามารถเก็บงำเรื่องราวดำๆ มืดๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แม้เรื่องราวดำๆ มืดๆ หลายเรื่องจะถูกร้องเรียนทั้งร้องเรียนโดยตรง และร้องเรียนผ่านกระบวนการอื่นๆ ของสังคม เช่น ผ่านสื่อสารมวลชน ผ่าน social media แต่ทว่าเรื่องดำๆ มืดๆ ที่เกิดขึ้นภายในรั้วของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ยังคงถูกกด ถูกเก็บ ถูกซ่อน และถูกทำให้เงียบได้ตลอดเวลา ตามความสามารถในการเก็บงำและซ่อนเร้นความผิดปกติโดยผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ข้าพเจ้าเองในฐานะผู้ติดตามเรื่องดำมืดต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ก็ยังรู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์ของผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะผู้บริหารมหาวิทยาลัยชุดที่มีอธิการบดีชื่อ บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องไม่ปกติใดๆ เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ก็ยังคงเห็นว่าอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสามารถเก็บงำเรื่องไม่ปกติได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
จากความจริงนานาสารพัดเรื่องที่ปรากฏต่อสาธารณชน ทำให้สังคมไทยเห็นชัดว่าในยุคบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ดำรงตำแหน่งอธิบการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฏว่าเกิดเหตุที่ทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียมากมายหลายเรื่อง อาทิ เรื่องอันเกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมประหลาดมหัศจรรย์เชิงลบของนิสิตจุฬาฯ หลายต่อหลายคน เริ่มมาตั้งแต่นิสิตบางคนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นิสิตบางรายจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และนิสิตบางรายจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมถึงพฤติกรรมประหลาดของอาจารย์บางคนจากบางคณะ และยังไม่นับรวมพฤติกรรมมหัศจรรย์ของ อบจ. (องค์การบริหารนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) อีกด้วย
เรื่องราวมหัศจรรย์สุดมหัศจรรย์ในจุฬาฯ เกิดครั้งแล้วครั้งเล่าในยุคที่บัณฑิตรับตำแหน่งอธิการบดี แต่ทว่าไม่มีแม้สักครั้งเดียวที่บัณฑิต ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของมหาวิทยาลัยจะสร้างความกระจ่างให้กับสังคม แต่กลับพบว่าทุกเรื่องราวของความประหลาดที่เกิดกับจุฬาฯ ถูกเก็บงำซ่อนเร้นมาโดยตลอด และไม่มีแม้แต่เรื่องเดียวที่สังคมจะได้รับทราบผลการสอบสวนเรื่องราวที่แสนมหัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นภายในจุฬาฯ จนเกิดคำกล่าวว่า จุฬาฯ ในยุคบัณฑิตเป็นอธิการบดี คือยุคที่หาความกระจ่างชัดไม่เคยได้แม้แต่ครั้งเดียว ทุกเรื่องดำมืดที่เกิดขึ้นยังคงถูกเก็บงำไว้เสมอมา จนหลายคนวิพากษ์ว่าบัณฑิตคงคิดว่าจะเก็บเรื่องไว้จนกว่าตนเองจะพ้นจากตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ เพราะเชื่อเอาเองว่าเมื่อพ้นตำแหน่งไปแล้ว เรื่องราวก็จะเงียบไปแต่ต้องขอบอกว่าบัณฑิตเข้าใจผิด เพราะไม่ว่าบัณฑิตจะอยู่หรือพ้นจากตำแหน่ง ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเรื่องประหลาดๆ ต่างๆ เกิดขึ้นในจุฬาฯ ในยุคบัณฑิตเป็นอธิการบดี
ผู้เขียนเฝ้าติดตามเรื่องราวดำๆ มืดๆ ในจุฬาฯ มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ เรื่องความไม่สุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีค่าความเสียหายนับพันล้านบาท ไล่มาจนถึงเรื่อง อบจ. ที่ เชิญคนไม่มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงมากล่าวต้อนรับนิสิตใหม่ในวันรับน้องใหม่ และเรื่องที่คนบางจำพวกนำครุยจุฬาฯ ไปสวมโดยไม่ได้แสดงความเคารพ และไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่มีพ.ร.บ. ครุยจุฬาฯ เป็นเครื่องกำกับการสวมครุยจุฬาฯ เรื่องการจงใจชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสาธงจุฬาฯ เรื่องการนำพระเกี้ยวจำลองไปตั้งในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม แล้วนำอาหารสุนัขไปโปรยไว้รอบๆ พระเกี้ยว และเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งคือวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก ของผู้เรียนรายหนึ่งในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นที่รับรู้ชัดเจนในสังคมว่าผู้ทำวิทยานิพนธ์รายดังกล่าวจงใจใช้ข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์ โดยการยกเมฆ สร้างเรื่องเท็จใส่ไว้ในวิทยานิพนธ์
อันที่จริงยังมีเรื่องที่อาจเข้าข่ายทุจริตในจุฬาฯ อีกหลายเรื่อง แต่เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องที่คนภายนอกรับรู้กันน้อยมาก แม้กระทั่งคนในจุฬาฯ ด้วยกันเองก็ไม่ค่อยรับรู้มากนัก ส่วนบรรดานิสิตจุฬาฯ นั้น น้อยคนเหลือเกินที่จะรับรู้เหตุที่เข้าข่ายทุจริตภายในจุฬาฯ คนจุฬาฯ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าผู้บริหารบางรายของจุฬาฯ ต้องถูกจองจำคุมขังมาแล้ว
คนภายนอกจำนวนมากเข้าใจว่าจุฬาฯ คือสถานที่ที่สุดแสนจะสะอาด ปราศจากมลทินใดๆ แต่ต้องบอกว่ามันเป็นเพียงความเข้าใจที่ไม่น่าจะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะจริงๆ แล้วยังมีเรื่องเน่าๆ เฟะๆ และโสโครกมากบ้างน้อยบ้างบังเกิดและซ่อนเร้นอยู่ภายในจุฬาฯ อยู่มิใช่น้อย และยังมีเรื่องการเล่นพรรคเล่นพวก เรื่องการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบของผู้บริหารบางกลุ่ม เรื่องการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่งบริหาร ตำแหน่งวิชาการ ดังมีการวิพากษ์ว่าผู้ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์บางรายอยู่ในจำพวก ศข. หมายความว่าได้ตำแหน่งศาสตราจารย์มาด้วยการร้องขอ ซึ่งมิได้ได้มาด้วยผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพหรือมิได้ได้มาด้วยสติปัญญาโดยแท้จริง
ประเด็นวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกฉบับลวงโลก อันส่งผลทำให้ความน่าเชื่อถือทางวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหมองมัวไปอย่างมาก เรื่องนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้สาธารณชนตั้งคำถามกันมากมายว่ามาตรฐานทางวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังอยู่ในระดับมาตรฐานสากลหรือไม่ ในเมื่อมีความจริงบังเกิดชัดเจนว่าวิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าวมีข้อความอันเป็นเท็จ และความเท็จนั้นเกิดมาจากการที่ผู้เขียนวิทยานิพนธ์จงในใส่ข้อความอันเป็นเท็จเข้าไป ส่วนใส่เข้าไปเพื่อวัตถุประสงค์
อันใดนั้น ก็เป็นประเด็นที่ต้องสืบค้นกันต่อไป
แต่ทว่าสิ่งที่จริงที่สุดก็คือมีข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ดังกล่าว แถมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังอนุมัติให้ผู้ทำวิทยานิพนธ์ที่มีข้อความอันเป็นเท็จสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกไปแล้ว ถึงแม้จะมีการเปิดโปงว่าวิทยานิพนธ์มีความเท็จปรากฏอยู่ ก็ไม่ปรากฏว่าผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะเกิดความสำเหนียก หรือแสดงความรับผิดชอบแม้แต่น้อย แต่ยังคงอ้างว่ามหาวิทยาลัยได้อนุมัติปริญญาเอกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ที่น่าแขยงขนมากไม่แพ้กันก็คือมีคนสอนหนังสือในจุฬาฯ จำนวน 30 คน ลงชื่อปกป้องคนทำวิทยานิพนธ์ที่มีข้อความเท็จปรากฏอยู่ ขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวน 279 คน ลงชื่อทำนองว่าเห็นดีเห็นงามไปกับวิทยานิพนธ์ที่มีข้อความเท็จบรรจุอยู่ โดยคนกลุ่มหลังนั้น มีบางรายมีตำแหน่งวิชาการเป็นศาสตราจารย์เสียด้วย ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า คนมีตำแหน่งศาสตราจารย์สนับสนุนให้มีข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์ ใช่หรือไม่
ผู้เขียนเคยตั้งคำถามเรื่องนี้ไปยังคนสอนหนังสือกลุ่มหนึ่งในจุฬาฯ โดยเฉพาะคนที่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่ม 30 คน โดยถามว่าเห็นด้วยกับการสนับสนุนวิทยานิพนธ์ที่มีข้อความอันเป็นเท็จ ใช่หรือไม่ คำตอบที่ได้จากคนบางคนจากกลุ่มนั้นคือ ข้อความเท็จไม่ได้ทำให้เนื้อหาสาระสำคัญของตัววิทยานิพนธ์ผิดเพี้ยนไป
เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนั้น ผู้เขียนจึงถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่ายอมรับที่วิทยานิพนธ์มีการใส่ข้อความอันเป็นเท็จ ใช่หรือไม่ ผู้เป็นคู่สนทนาของผู้เขียนนิ่งไป แต่ก็ยังตอบเหมือนเดิมว่าเนื้อหาสำคัญในวิทยานิพนธ์ไม่ได้ผิดเพี้ยนไป ผู้เขียนถึงถามใหม่ว่า ยอมรับได้ใช่ไหมกับการใส่ข้อความเท็จในงานวิชาการ แสดงว่างานวิชาการใดก็ตามที่มีข้อความเท็จเป็นสิ่งที่คุณรับได้ใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้น ในงานวิทยานิพนธ์ของคุณก็คงจะมีข้อความเท็จต่างๆ ปรากฏอยู่ด้วยเป็นแน่แท้ ใช่หรือไม่
แต่นั่นยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับการที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้รับรู้แล้วว่างานวิทยานิพนธ์เล่มนั้นมีความเท็จปรากฏอยู่ แต่ทว่ากลับไม่พบว่าผู้บริหารจุฬาฯ จะแสดงความรับผิดชอบใดๆ กับความผิดพลาดและความบกพร่องที่เกิดขึ้น
แม้จะมีข่าวว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยมีการระบุว่า ตั้งบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานการสอบสวน แต่ทว่าจวบจบบัดนี้สาธารณชนก็ยังไม่เคยทราบว่าผลการสอบสวนเป็นประการใด มีเสียงบอกเล่าว่าบวรศักดิ์และคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวส่งเรื่องให้มหาวิทยาลัยแล้ว แต่ก็มีคนบางคนซึ่งมีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งของจุฬาฯ เก็บงำผลการสอบสวนไว้
เรื่องวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกอันมีข้อความอันเป็นเท็จนี้ จะเป็นตราบาปชิ้นใหญ่มหึมาที่จะคอยประจาน และจะถูกตอกลงไปบนหน้าผากของผู้บริหารจุฬาฯ ยุคเสื่อมตลอดไป ไม่ว่าผู้บริหารจุฬาฯ ยุคเสื่อมจะยังอยู่ในตำแหน่ง หรือจะหลุดพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม
สาธารณชนจะจดจำไปตลอดว่า ในยุคหนึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีวิทยานิพนธ์ฉบับตราบาปบังเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และวิทยานิพนธ์ตราบาปนั้นเกิดในยุคของอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชื่อบัณฑิตเอื้ออาภรณ์ นอกจากนี้สาธารณชนยังจะจดจำไว้ด้วยว่าในยุคของบัณฑิตเป็นอธิการบดีจุฬาฯ ได้เกิดเรื่องนิสิตชักธงดำขึ้นเสาธงจุฬาฯ และเรื่องที่ผู้บริหารจุฬาฯ ปล่อยให้นิสิตบางรายแสดงพฤติกรรมอันเข้าข่ายอุบาทว์ต่างๆ เกิดขึ้นในจุฬาฯ แบบต่างกรรมต่างวาระ
ขอย้ำว่าเรื่องอุบาทว์ต่างๆ ที่บังเกิดในจุฬาฯ จะถูกฝังและบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์สีดำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตลอดไป รวมถึงจะมีการจดบันทึกด้วยว่าเรื่องเลวร้ายต่างๆ เกิดขึ้นในยุคของอธิการบดีจุฬาฯผู้มีนามว่าบัณฑิต เอื้ออาภรณ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี