สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูก ป.ป.ช. ลงมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ ในคดีที่เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งซื้อเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) อีก 1 คดีโดยคดีนี้นายทักษิณถูกกล่าวหาพร้อมพวก รวม 5 ราย ในประเด็นสำคัญเรื่องการอนุมัติการสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 เมื่อปี 2545-2547 ก่อให้เกิดความเสียหาย
สำนักข่าวอิศรา ได้เปิดเผยรายชื่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาในกรณีนี้ 5 ราย ได้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคม, นายพิเชษฐ สถิรชวาลอดีต รมช.คมนาคม, นายทนง พิทยะ อดีตประธานกรรมการบริษัทการบินไทย และ นายกนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย
ทั้งหมด ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ยังไม่ได้ถูกชี้มูลความผิด และไม่ได้ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด
1. เครื่องบินแอร์บัส A340-500 และA340-600 ฝูงบินพิฆาตการบินไทย
ถ้าจำกันได้ หลายปีก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยภาพเครื่องบินของการบินไทย จอดทิ้งอยู่ที่สนามบินอู่ตะเภา
มีทั้งเครื่องบินแอร์บัส A340-500 และ A340-600
ราคาซื้อมา ลำละหลายพันล้านบาท
อยู่ระหว่างประกาศขาย ถูกจอดทิ้งไว้ เนื่องจากเมื่อปี 2551 บอร์ดการบินไทยมีมติให้ยกเลิกเส้นทางบินกรุงเทพฯ-นิวยอร์ก และเส้นทางกรุงเทพฯ-ลอสแองเจลิสเพราะบินแล้วขาดทุนหนัก
2. ในช่วงรัฐบาล คสช. ปรากฏว่า นายโยธิน ภมรมนตรี อดีตกัปตันบริษัทการบินไทย ในฐานะตัวแทนกลุ่มธรรมาภิบาล ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประเด็นสำคัญ คือ ขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสกระบวนการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ ที่ขณะนี้ถูกจอดทิ้งไม่มีการใช้งาน ว่ามีความโปร่งใสหรือคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่?
มีการเปิดเผยว่า เครื่องบินดังกล่าวมีกระบวนการจัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2545-2546 โดยมีการอนุมัติมาเป็นขั้นตอนตั้งแต่บริษัทการบินไทย ผ่านระดับกระทรวง
แต่เมื่อมาถึงขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้การบินไทยทบทวนโครงการและเสนอโครงการใหม่ แต่การบินไทย ก็ยังดำเนินการจัดซื้อ
หลังจากนั้น เมื่อนำมาให้บริการ ปรากฏผลขาดทุนปีละประมาณ 3-5 พันล้านบาท จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการ
มีผู้สนใจซื้อต่อในราคาลำละ 760 ล้านบาท แต่การบินไทยไม่อนุมัติให้ขาย เพราะราคาขณะจัดซื้อลำละประมาณ 5-6 พันล้านบาท
3. เบื้องต้น ชัดเจนว่า การจัดซื้อเครื่องบินรุ่นดังกล่าว จัดซื้อในยุครัฐบาลทักษิณ
การดำเนินการจัดซื้อเครื่องบินเจ้าปัญหา ชงและเซ็นกันในช่วงปี 2545-2547
ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อ 5 สิงหาคม 2546 อนุมัติให้การบินไทยซื้อเครื่องบิน A340-500 จำนวน 3 ลำ และ A340-600 จำนวน 4 ลำ
และเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2547 ก่อน เลือกตั้งใหม่ไม่นาน คณะรัฐมนตรีก็อนุมัติให้ซื้อA340-500 จำนวน 1 ลำ และ และA340-600 จำนวน 1 ลำ (บวกด้วยโบอิ้ง 777 เพื่อจะมาใช้เครื่องยนต์ที 800 ที่ถูกแฉในภายหลังว่ามีการจ่ายสินบนข้ามชาติโรลส์-รอยซ์)
4. ในยุครัฐบาลปัจจุบัน (พลเอกประยุทธ์ นายกฯ)
นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม (ขณะนั้น) กำกับดูแลการบินไทย ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัท และปัญหาการทุจริต บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยคณะทำงานฯ มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เป็นประธานคณะทำงานฯ
ทราบว่า หลังตรวจสอบแล้ว รมช.ถาวรได้ทำหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563
และจัดส่งเอกสารและรายงานสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเหตุให้การบินไทยประสบปัญหาขาดทุน โดยส่งถึงประธาน ป.ป.ช. ตามหนังสือกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 31 ส.ค.2563 เพื่อให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในรายงานตรวจสอบของคณะทำงานดังกล่าวข้างต้น บางส่วนได้เคยรายงานต่อสาธารณชน และเนื้อหาบางส่วนระบุถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินฝูงพิฆาตการบินไทยดังกล่าวนี้ด้วย
ระบุว่า ปี 2551 เป็นปีแรกที่บริษัทมีผลการขาดทุนมากที่สุดถึง 21,450 ล้านบาท เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ พิสัยไกลพิเศษ ขนาด 4 เครื่องยนต์ มูลค่าตามบัญชี 53,043.04 ล้านบาท ภายใต้แผนรัฐวิสาหกิจและโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจ ช่วงปี 2546-2547
เครื่องบินรุ่นดังกล่าวเข้าประจำการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 โดยทำการบินเส้นทางบินตรง กรุงเทพ-นิวยอร์ก และกรุงเทพ-ลอสแองเจลิส โดยใช้เวลาทำการบินเพียง 3 ปีเศษก็ต้องหยุดบิน เพราะขาดทุนทุกเที่ยวบินถึง 12,496.55 ล้านบาท และบริษัทได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางบินไปยังเส้นทางอื่นรวมแล้ว51 เส้นทาง เช่น มอสโก มิลาน สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ เชียงราย ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งประสบปัญหาขาดทุนทุกเส้นทางที่ทำการบินเช่นกัน ทำให้บริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 39,859.52 ล้านบาท และต้องปลดระวางเครื่องบินก่อนกำหนด ลำสุดท้ายปลดระวางในปี 2556 โดยใช้เวลาในการเข้าประจำฝูงบิน เพียง 6-10 ปี (การใช้งานของเครื่องบินโดยทั่วไปกำหนดไว้ 20 ปี)
ระหว่างจอดรอการจำหน่าย/ขาย บริษัทต้องประสบปัญหาขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบิน
ไม่ต่ำกว่า 22,943.97 ล้านบาท
รวมที่บริษัทการบินไทยประสบปัญหาการขาดทุนจากผลการดำเนินงานและการด้อยค่าของเครื่องบินรุ่น A340 จำนวน 10 ลำ ทั้งสิ้น ไม่ต่ำกว่า 62,803.49 ล้านบาท
ผลสืบเนื่องของโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจ ในช่วงปี 2546-2548 บริษัทต้องออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรก เพื่อนำเงินมาใช้ในการจัดซื้อเครื่องบินและปัญหาสถานะทางการเงินของบริษัทสูงถึง 59,290 ล้านบาท
แม้บริษัทจะออกหุ้นกู้มาช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัทแล้ว แต่ปัญหาการขาดทุนทุกเส้นทางบินของเครื่องบินรุ่น A340 ที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มบินปี 2548 ก็ทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนมากที่สุดในปี 2551 ถึง 21,450 ล้านบาท
ในรายงานการตรวจสอบระบุชัดเจนว่า
“...การจัดซื้อเครื่องบิน A340 - 500 และ A340 - 600 จำนวน 10 ลำ ซึ่งบริษัท การบินไทยฯ ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี โดยเคร่งครัด โดยไม่นำความเห็นและข้อสังเกตของ สศช. และกระทรวงการคลังไปพิจารณา…”
กรณีอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินฝูงนี้ ยังไม่เคยมีการสะสางกันอย่างจริงๆ จังๆ เลย จนถึงบัดนี้
ยังไม่นับปมอื่นๆ ที่คณะทำงานฯ ตรวจสอบพบในการบินไทย ก่อให้เกิดความเสียหายอีกจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนั้น ระบุในรายงานฉบับเต็มนั้นด้วย
5. ปัจจุบัน การบินไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการตามแผนฟื้นฟูฯ
การตรวจสอบอย่างเอาจริง ไม่ลูบหน้าปะจมูก
และตามเช็คบิลกับคนที่ก่อให้เกิดความเสียหายในช่วงเวลาที่ผ่านมา
นั่นคือการคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเจ้าของแท้จริงก็คือประชาชนคนไทยทุกคน
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี