วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / จิระพงษ์ เต็มเปี่ยม
จิระพงษ์ เต็มเปี่ยม

จิระพงษ์ เต็มเปี่ยม

จิระพงษ์ เต็มเปี่ยม
วันอังคาร ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564, 02.00 น.
เศรษฐกิจการค้าและการลงทุน นโยบายต่างประเทศ‘ป๋าเปรม’

ดูทั้งหมด

  •  

“เรื่องเล่าของป๋าเปรม” ฉบับนี้ ดร.สุเมต สุวรรณพรหมสรุปผลงานชิ้นโบแดงอีกชิ้นหนึ่ง ของรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั่นคือบทบาททางด้านต่างประเทศ ซึ่งได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลง ในรูปแบบจากวิธีการทางการเมืองการทูตทั่วๆ ไป อย่างที่เคยทำมาก่อนมาสู่การขยายงานที่เป็นประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน มากขึ้นตามลำดับ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ภายในประเทศในการแข่งขันหาตลาดการค้าต่างประเทศซึ่งนับวันมีการกีดกัน การแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น


ในการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งในประเทศภาคพื้นยุโรปสหรัฐอเมริกา หรือในอาเซียน นอกจากจะมีนักธุรกิจชั้นนำ สาขาต่างๆ ร่วมเดินทางไปด้วยแล้ว รายการพบปะสนทนากับบรรดาผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศที่ไปเยือนเหล่านี้ พลเอกเปรมก็ได้หยิบยกเรื่องสำคัญทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและการลดอุปสรรคต่างๆ ที่เป็นปัญหาเผชิญหน้าอยู่ขึ้นมาหารือด้วยทุกครั้งนอกเหนือไปจากเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของการเจรจาตามปกติ นโยบายใหม่ทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าการลงทุนโดยอาศัยกลไกทางกระทรวงการต่างประเทศ เข้าช่วยเหลือ ดำเนินการด้วยทางหนึ่งนี้ได้ทำให้กระทรวงการต่างประเทศมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ในการขยายความสัมพันธ์ทางการทูตกับต่างประเทศ

โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ห่างไกล ประเทศที่ไม่คุ้นเคยหรือต่างอุดมการณ์ไม่ว่าจะเป็นในแอฟริกาหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิกตอนใต้ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง หรือยุโรปตะวันออก

เมื่อตอนที่พลเอกเปรมเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปีพ.ศ.2523 นั้น ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย มีจำนวน 101 ประเทศ แต่ในปีพ.ศ.2531 ที่พ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น ได้เพิ่มขึ้นเป็น 143 ประเทศ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ และคณะทูตถาวรไทย ซึ่งเคยมีอยู่ 56 แห่ง ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 66 แห่ง

รายการประชุมพบปะกับบรรดาเอกอัครราชทูตไทยและกงศุลระหว่างที่เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ นั้นนอกจากจะเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้ฟังแล้วพลเอกเปรมได้มอบนโยบายสำคัญแก่บรรดาเอกอัครราชทูตและกงสุลเพื่อช่วยกันปฏิบัติเสมอ นโยบายที่ว่านี้ก็คือ “ขอให้ท่านทูตทั้งหลายช่วยกันทำหน้าที่สำคัญ 4 ประการ คือ ช่วยขายสินค้าไทย ชักชวนคนมาลงทุน ชักชวนคนมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และสร้างภาพพจน์ที่ดีของประเทศไทย..”

ความเป็นเอกภาพในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ในช่วงปีพ.ศ 2523 ถึง 2531 ของรัฐบาลพลเอกเปรมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์สำคัญของชาติคือ การรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ และให้ประเทศดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง มีเอกราช มีอธิปไตย มีเกียรติมีศักดิ์ศรีทัดเทียมอารยประเทศในประชาคมโลก เป็นที่เชื่อถือของมิตรประเทศทั้งหลายนั้น

กล่าวได้ว่า มีความเป็นไปด้วยดีและอย่างราบรื่นที่สุด กลไกของรัฐทั้งหมดทั้งจากส่วนราชการในกระทรวงต่างๆ และภาคเอกชน ได้มีการทำงานประสานกันและร่วมมือกันอย่างดี ในการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศตามที่รัฐบาลกำหนดโดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นแกนหลักและมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้สนับสนุนและช่วยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด

เรื่องความรู้และความเข้าใจ ทางด้านต่างประเทศนั้น พลเอกเปรมเป็นบุคคลหนึ่งที่ชอบแสวงหาเพิ่มเติมโดยตลอดเวลาทั้งจากการอ่านการฟังและการปฏิบัติในโอกาสต่างๆ กัน ผู้ที่เคยร่วมฟังการสนทนาระหว่างพลเอกเปรมกับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศไม่ว่าจะมาเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลหรือพบกันในต่างประเทศระหว่างการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ย่อมทราบเป็นอย่างดีว่า นายกรัฐมนตรีมีความรู้ความเข้าใจทางด้านต่างประเทศเป็นอย่างมาก ไม่แพ้เรื่องภายในประเทศทีเดียวเพราะการสนทนาและตอบข้อซักถามต่างๆ ที่มีขึ้นระหว่างการสนทนานั้นไม่มีผู้ใดไปช่วยตระเตรียมให้ได้ในทันทีขณะนั้น

บุคคลที่ร่วมงานกับพลเอกเปรม และท่านได้ให้ความไว้วางใจและเชื่อถือในข้อคิดเห็นด้านการต่างประเทศนอกจาก พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา พันเอกถนัด คอมันตร์ แล้ว ก็คือ นายอรุณ ภาณุพงศ์ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและต่อมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่มีบทบาท กับการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศ ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความรู้ มีความเข้าใจ เป็นคนดีคนเก่ง ในด้านการทูต และการเมืองต่างประเทศ ล้วนแต่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านต่างประเทศ ที่ดีทั้งนั้น ความสำเร็จของประเทศไทยทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ที่สร้างความเชื่อมั่น ในประชาคมโลกดังกล่าวนี้

ปรากฏให้เห็น จากการแสดงออกของนิตยสารชั้นนำของโลกหลายฉบับ เช่น นิตยสาร Economic และหนังสือพิมพ์ Asian Wall Street journal ชมเชยว่า ประเทศไทยมีความมั่นคงภายในเพราะรัฐบาลไทยเป็นที่ยอมรับทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาล กับภาคเอกชน ซึ่งนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ

นิตยสาร Time และนิตยสาร Asia Week ได้คาดคะเนความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในอัตราสูงถึงร้อยละ 6 ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย นิตยสาร “ฟอร์จูน” จัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเติบโตรวดเร็ว ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มล่างสุด ส่วนประเทศอาเซียนอื่นๆ (ยกเว้นสิงคโปร์) ยังอยู่ในกลุ่ม “มีโอกาสจะรุ่ง” เท่านั้น

รัฐบาลที่มีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีไม่เคยสร้างความระแวงสงสัยให้เกิดขึ้นกับมิตรประเทศในการดำเนินนโยบายไม่เคยทำให้ประเทศเกิดความรู้สึกใดๆ ว่าเราจะเปลี่ยนนโยบายใหม่เพราะการกระทำที่แปลกๆ โดยไม่มีการร่วมปรึกษาหารือกันมาก่อนหรือแม้กระทั่งกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหภาพโซเวียต มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเวียดนาม ในการยึดครองกัมพูชา พลเอกเปรมก็ได้พูดจาอย่างตรงไปตรงมากับผู้นำของประเทศนี้ เพื่อยุติการสู้รบ และเวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชา

ในปี 2531 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้พบปะเจรจากับ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต ที่พระราชวังเครมลินกรุงมอสโกน่าเสียดายว่า พื้นที่ในการเขียนวันนี้ ต้องจบลงเพียงเท่านี้ แล้วผมจะนำ ข้อมูลการพบปะระหว่างพลเอกเปรม กับนายกอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียต มาเสนออีกหน ว่าการพูด การเจรจา ทางการทูตของพลเอกเปรมในครั้งนั้นเป็นอย่างไรพูดกันเช่นไร

ทั้งนี้ พลเอกเปรมท่านพูดน้อยแต่พูดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ สุดท้ายขอฝากแฟนแนวหน้าท่านใดที่ประสงค์ จะมีหนังสือทรงคุณค่า...ที่บันทึกเรื่องราวของพลเอกเปรมเล่มล่าสุด ชื่อ “รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน” ก็ติดต่อไปที่ไอดีไลน์และโทรศัพท์ 08-1110-3939

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:53 น. 'หมอตุลย์' ปลุกแพทยสภา ขอ 47 เสียงยืนมติเดิม เอาชนะวีโต้ 'สมศักดิ์'
17:36 น. พลังแห่งกุศลผลทานที่เราสร้างไว้นี่แหละตอบสนองเรา ไม่ใช่เทวฤทธิ์บันดลบันดาลมาจากที่ไหน
17:34 น. ’ทวี’ลุยเชียงใหม่ นำกรมคุมประพฤติ เฟ้นหาเชฟ “Street Food สร้างอาชีพ ซีซั่น 4”
17:33 น. วังช้างอยุธยา-จัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ครบรอบ1ปี‘ช้างแฝดต่างเพศ’คู่แรกของโลก
17:09 น. รองแม่ทัพภาคที่ 2 แฉ 'ความจริง' 12 ข้อ 'กัมพูชา'ละเมิด MOU43 ซ้ำซาก-ไร้สันติวิธี
ดูทั้งหมด
‘อาร์ต’รู้สึกผิดปล่อยโฮ หลังรู้ว่าเป็นต้นเหตุให้ ‘เฌอเบลล์’ เสี่ยงกายหยาบดับ
'อ.จุฬาฯ'เตือนหยุดคลั่งชาติ ชื่นชม'กัมพูชา'ฉลาดใช้'การทูต'
ยายอายุ 90 ปีร้อง! ฝากเงินไว้ 30 ปี 2 ล้านกว่า จู่ๆธนาคารไม่ให้เบิกเงิน
ผบ.ทหารสูงสุด'กัมพูชา' โพสต์ไว้อาลัย รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา
'พระราชินีโมนีก'แห่งกัมพูชาพระราชทานเงิน10,000ดอลลาร์ หนุนกองกำลังทหารตามแนวชายแดน
ดูทั้งหมด
‘เข้าใจวิธีคิดผู้เห็นต่าง’ ทักษะยุคสังคมแบ่งพวก
เกาหลีใต้เลือกปธน.คนใหม่ ยึดเสรีประชาธิปไตยเป็นหลัก
นักการเมืองไทยปกป้องอธิปไตยไทย จริงหรือ
แวดวงการเงิน : 7 มิถุนายน 2568
นายกรัฐมนตรีต้องตั้งสติก่อนตอบคำถามนักข่าว
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'รอง ผบ.กจต.'สั่งนาวิกโยธินตราดเตรียมรับมือสถานการณ์ชายแดน ปชช.ต้องปลอดภัย

'หมอวรงค์' จับไต๋ '2ตระกูลฮุนชิน' วางแผนเล่นเกมการเมือง กระทบปม 'แพทยสภา-ศาลฯ’

'อ.เจษฎ์'ลั่นไล่นายกฯก่อนเขมรดีหรือไม่? ถ้ารักษาอธิปไตยไม่ได้ เชื่อทหารไม่อยากให้เกิดสงคราม

ทอ.ติดตั้ง 'ไข่ยักษ์เบอร์0' เตรียมพร้อมรบ 'ป้องปราม-ตอบโต้' หากอธิปไตยถูกคุกคาม

'ปองพล'เสนอไทยดัน'ปราสาทตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควาย' ขึ้นบัญชีเบื้องต้นมรดกโลก

เฝ้าแผ่นดิน…ไม่หวั่นแม้เสียงปืน! สหภาพพยาบาลฯ ส่งกำลังใจ ไปถึงทหารไทยชายแดน

  • Breaking News
  • \'หมอตุลย์\' ปลุกแพทยสภา ขอ 47 เสียงยืนมติเดิม เอาชนะวีโต้ \'สมศักดิ์\' 'หมอตุลย์' ปลุกแพทยสภา ขอ 47 เสียงยืนมติเดิม เอาชนะวีโต้ 'สมศักดิ์'
  • พลังแห่งกุศลผลทานที่เราสร้างไว้นี่แหละตอบสนองเรา ไม่ใช่เทวฤทธิ์บันดลบันดาลมาจากที่ไหน พลังแห่งกุศลผลทานที่เราสร้างไว้นี่แหละตอบสนองเรา ไม่ใช่เทวฤทธิ์บันดลบันดาลมาจากที่ไหน
  • ’ทวี’ลุยเชียงใหม่ นำกรมคุมประพฤติ เฟ้นหาเชฟ “Street Food สร้างอาชีพ ซีซั่น 4” ’ทวี’ลุยเชียงใหม่ นำกรมคุมประพฤติ เฟ้นหาเชฟ “Street Food สร้างอาชีพ ซีซั่น 4”
  • วังช้างอยุธยา-จัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ครบรอบ1ปี‘ช้างแฝดต่างเพศ’คู่แรกของโลก วังช้างอยุธยา-จัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ครบรอบ1ปี‘ช้างแฝดต่างเพศ’คู่แรกของโลก
  • รองแม่ทัพภาคที่ 2 แฉ \'ความจริง\' 12 ข้อ \'กัมพูชา\'ละเมิด MOU43 ซ้ำซาก-ไร้สันติวิธี รองแม่ทัพภาคที่ 2 แฉ 'ความจริง' 12 ข้อ 'กัมพูชา'ละเมิด MOU43 ซ้ำซาก-ไร้สันติวิธี
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บูรณาการรับมือฤดูฝน ปี 2568

บูรณาการรับมือฤดูฝน ปี 2568

18 พ.ค. 2568

แผ่นดินไหวไม่กระทบตึกบัญชาการน้ำแห่งชาติ  เขื่อนแข็งแรงปลอดภัยพร้อมรับมือฤดูฝน

แผ่นดินไหวไม่กระทบตึกบัญชาการน้ำแห่งชาติ เขื่อนแข็งแรงปลอดภัยพร้อมรับมือฤดูฝน

6 เม.ย. 2568

วันน้ำโลกปีนี้...การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง

วันน้ำโลกปีนี้...การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง

23 มี.ค. 2568

ฟันธง!โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง  สามารถแก้ปัญหาน้ำได้ทั้งระบบ

ฟันธง!โครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง สามารถแก้ปัญหาน้ำได้ทั้งระบบ

22 ธ.ค. 2567

ปตร.ศรีสองรักฯความงดงามแห่งสถาปัตยกรรมเลอค่า  และแบบอย่างของการแก้ปัญหาน้ำ..ลุ่มน้ำโขง

ปตร.ศรีสองรักฯความงดงามแห่งสถาปัตยกรรมเลอค่า และแบบอย่างของการแก้ปัญหาน้ำ..ลุ่มน้ำโขง

17 พ.ย. 2567

สืบสานพระราชปณิธาน...แก้ปัญหาน้ำเชียงใหม่

สืบสานพระราชปณิธาน...แก้ปัญหาน้ำเชียงใหม่

10 พ.ย. 2567

อ่างเก็บน้ำ‘ห้วยน้ำรี’สืบสานพระราชดำริ สร้างความมั่นคงที่ยั่งยืนให้ราษฎร

อ่างเก็บน้ำ‘ห้วยน้ำรี’สืบสานพระราชดำริ สร้างความมั่นคงที่ยั่งยืนให้ราษฎร

13 ต.ค. 2567

เปิดนับหนึ่งเจรจา FTA ไทย-อียู สร้างแต้มต่อ

เปิดนับหนึ่งเจรจา FTA ไทย-อียู สร้างแต้มต่อ

17 มี.ค. 2566

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved