คิดว่าเราจะทันได้นั่งรถไฟความเร็วสูงกลับอีสานบ้านเฮามั้ย?
วันก่อน ผมถูกถามเรื่องนี้
วันนี้ ขอคุยเรื่องนี้
1. ช่วงหลัง เราเห็นข่าวรถไฟลาว-จีนสร้างเสร็จ จะเปิดให้บริการปลายปีนี้แล้ว
แน่นอนว่า ผมยินดีด้วย เพราะต่อไป หากจะไปเที่ยวหลวงพระบาง ก็สามารถจะนั่งรถไฟจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางได้อย่างสะดวกสบาย หรือจะนั่งต่อไปถึงจีนก็ยังได้
แต่ที่น่าเวทนา คือ คนบางกลุ่มที่พยายามจะ “ด้อยค่าประเทศไทย” ด้วยการพูดแบบมั่วๆ ซั่วๆ ว่ายุคนี้ประเทศไทยมีการลงทุนพัฒนารถไฟย่ำแย่กว่าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ความจริง คือ รถไฟที่ลาวกำลังจะเปิดให้บริการนี้ คือ รถไฟความเร็วปานกลาง
ส่วนรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ 2 สาย คือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช-หนองคาย (ระยะที่หนึ่ง) เป็นรถไฟความเร็วสูงจริงๆ คือ ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั่งจากบางซื่อไปโคราชใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง
นอกจากนี้ รถไฟความเร็วสูงในไทยเราลงทุนทำเป็นทางคู่ (คือมีสองรางคู่กัน วิ่งสวนวิ่งแซงกันได้เลย) เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต ซึ่งเส้นทางจะต่อไปจนถึงหนองคาย ไปรับส่งต่อกับรถไฟลาวที่เวียงจันทน์ ส่วนรถไฟความเร็วปานกลางในลาวเขาทำเป็นราวเดี่ยว คือ มีทางเส้นเดียว ถ้าจะวิ่งสวน-แซง จะต้องจอดหลบสับหลีกกัน
2. ที่ผ่านมา การดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในไทยมีข้อติดขัดหลายอย่าง
โครงการช้ากว่าที่ควรจะเป็น
จริงๆ ควรจะเดินหน้าเร็วกว่านี้ เพราะช่วงที่ช้าก่อนหน้านี้ คือ การเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับทางการจีน เมื่อทุกอย่างผ่าน ตกลงกันแล้ว ที่เหลือจึงไม่ควรจะช้า
หนึ่งในปมปัญหา คือ การก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ติดปมที่ตั้งของสถานีอาจส่งผลกระทบต่อมรดกโลก ถึงขนาดมีการพูดถึงทางเลือกในการปรับแนวเส้นทางรถไฟใหม่ เพื่อ
หลีกเลี่ยงพื้นที่มรดกโลก แล้วไปสร้างสถานีห่างออกไปจากตัวเมืองอยุธยา แต่ถูกสังคมคัดค้าน
ผู้สนับสนุนให้สถานีอยู่ที่ออกแบบไว้เดิม แต่ปรับรายละเอียดแบบแปลน ต้องพยายามชี้แจงข้อกังวล ข้อหนึ่งคือหากมองมาจากโบราณสถานที่เป็นมรดกโลกจะเห็นทางวิ่งรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ ก็ถึงขนาดต้องลงพื้นที่ทดสอบ 92 จุด พบว่า ไม่เห็นทางวิ่งรถไฟแน่นอน
ล่าสุด สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประชุมพิจารณาร่วมกันทุกหน่วยงาน ข้ามกระทรวง โดยมี รมต.จาก 3 กระทรวง 3 พรรค หารือร่วมด้วยจนได้ข้อสรุป นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการร่วมหารือฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมด้วย
สรุปว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อลดข้อกังวลต่างๆ จะดำเนินการลดระดับสันรางลงเหลือ 17 เมตร รวมถึงเตรียมจัดทำรายงานผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) เพื่อเสนอต่อศูนย์มรดกโลกที่กรุงปารีสต่อไป และจะกำหนดมาตรการจำกัดความสูงของอาคารรอบสถานี เช่น ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยจะออกระเบียบกำหนดความสูงไม่ให้เกินที่กำหนด และประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นออกเทศบัญญัติควบคุมความสูงของอาคารโดยรอบสถานีต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะนำความเห็นในการประชุม เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการของโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา ต่อไป
ย้ำว่า ในหลายประเทศที่มีมรดกโลก ก็มีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยู่ใกล้ๆ ได้ ไม่เป็นปัญหา
3. ขออนุญาตพูดตรงๆ ในข้อสงสัย
โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐไทยกับจีน ไทยลงทุนเอง จีนสนับสนุนเทคโนโลยี แน่นอนว่า จะเป็นประโยชน์กับสองประเทศ ทั้งการคมนาคมขนส่ง การเดินทาง การท่องเที่ยว การพัฒนาเมือง พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจในจังหวัดที่มีสถานีจอด
และเสริมบทบาทของมหาอำนาจจีนในภูมิภาคนี้
แน่นอนว่า “มหาอำนาจ” ขั้วอื่น ที่แข่งขันและแย่งชิงบทบาทผู้นำกับจีน ย่อมจะไม่ชอบ
ไม่พอใจ และคงไม่อยากจะให้ประสบความสำเร็จ
อุปสรรคที่เกิดขึ้น คงมีมาหลายรูปแบบ ผ่านเงื่อนไของค์กรต่างๆ แต่เชื่อว่า โครงการนี้จะเดินต่อไปจนสำเร็จ
4. โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช งบประมาณ 179,421 ล้านบาท เฟสที่ 1 กรุงเทพ-โคราช
มีสถานีทั้งหมด 6 สถานี ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อ สถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง สถานีนครราชสีมา (โคราช)
ระยะทาง 250 กิโลเมตร ทางวิ่งส่วนใหญ่เป็นทางยกระดับ (ทางวิ่งระดับดิน มีระยะทางรวม 54.09 กิโลเมตร ทางวิ่งยกระดับ มีระยะทางรวม 188.68 กิโลเมตร)
ช่วง บางซื่อ-อยุธยา-สระบุรี เป็นทางรถไฟยกระดับทั้งหมด
ขบวนรถไฟความเร็วสูงที่จะนำมาวิ่งในโครงการ คือ Fuxing Hao CR300AF
รัฐบาลไทยตกลงจัดซื้อจากทางการจีนเรียบร้อยแล้ว จำนวน 6 ขบวน
แต่ละขบวน มี 8 ตู้
จำนวนที่นั่ง 594 ที่นั่งต่อขบวน
แบ่งเป็น ชั้นหนึ่ง 96 ที่นั่ง และชั้นมาตรฐาน 498 ที่นั่ง
อีกราว 5 ปี น่าจะเปิดให้บริการได้จริง (2569)
เอาเป็นว่า ใครเป็นนายกฯ ในรัฐบาลสมัยหน้า คนนั้นคงต้องทำหน้าที่เปิดให้บริการ เป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย
5. ขณะเดียวกัน การลงทุนก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ก็เดินหน้าไปพร้อมกัน
ที่จะเสร็จก่อน ได้ใช้ก่อน เช่น โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช
ระบบรถไฟทางคู่ (ซึ่งจะทำให้รถไฟปกติมีความสะดวกสบาย รวดเร็ว ปลอดภัยมากขึ้น)
สนามบิน อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่สนามบินหลายๆ แห่ง
โครงข่ายถนนหนทางต่างๆ นานา ที่มีการก่อสร้างกันอยู่ทั่วประเทศ ฯลฯ
5 ปีข้างหน้า คือช่วงเวลาที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ขนานใหญ่ในประเทศไทย
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี