น้ำท่วมปีนี้ ทำให้เห็นว่า คนยังไม่ลืม ยิ่งลักษณ์ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
ไม่ลืมว่า เคย “เอาอยู่” จนทำให้น้ำท่วมวิกฤต’ 54 สร้างความเสียหายในวงกว้างและยาวนานอย่างไร
1. เมื่อวานนี้ นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมด้วยพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ
พลเอกประยุทธ์ย้ำว่า “หน้าที่ของผม คือดูแลคนไทยทุกคนทุกพื้นที่ทุกจังหวัด”
“เราต้องเข้มแข็ง ต้องตั้งหลักให้ดี ปัญหามาเดี๋ยวก็ไป รัฐบาลจะดูแลให้นายกฯก็ทำเต็มที่ เพราะฉะนั้น อย่าสร้างความขัดแย้งซึ่งกันและกันเลย ใครจะรักใครจะชอบผมไม่ว่า แต่อยากให้รักประเทศของท่าน รักผืนแผ่นดินของท่านที่ท่านเหยียบที่ใช้ตั้งแต่เกิดมา ถ้าไม่รักตรงนี้แล้วเราจะรักใคร จะเหลือความรักให้แก่ใครได้นั่นคือสิ่งที่อยากจะฝากไว้”
นายกฯ กล่าวว่า ยอมรับว่าเจ็บปวดทุกครั้งที่มีภัยธรรมชาติแบบนี้เกิดขึ้นมา เมื่อเช้าได้บินตรวจสังเกตมาตลอดทางพบความเดือดร้อนของประชาชน .... กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนในเบื้องต้นก่อน และจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่มีใครอยากให้เกิดสถานการณ์ขึ้น วันนี้จึงนำความรักความห่วงใยของทุกคนมาฝากเพื่อเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนช่วยเหลือเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน และขอให้ประชาชนรักสามัคคีเผื่อแผ่กัน ไม่ว่าจะมีสถานการณ์หรือไม่ก็ตามขอให้รักกัน ให้มีความรักความสามัคคีความเข้าใจกัน โดยคาดหวังว่าระดับน้ำจะลดลงเร็วที่สุด ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลปัญหาคือการเดินทางรถไปไม่ได้จึงสั่งการให้หน่วยทหาร มาช่วยเคลื่อนย้าย รถขนาดใหญ่ และกรมขนส่ง ทุกภาคส่วนมาช่วยกัน ขนอพยพคน
“เราจะไปข้างหน้าได้ ก็ด้วยความรักระหว่างกันให้มากที่สุด หากอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งตอนนี้ปัญหาก็มีเยอะอยู่แล้ว ขอเพียงมีความรักความสามัคคี เชื่อมั่นรัฐบาล นี่คือคนไทยย่อมไม่ทิ้งกันถึงแม้จะทะเลาะเบาะแว้งกันยังไงก็ตามเราก็ต้องสร้างบุญกุศลเผื่อแผ่ให้อภัยเขาไป ก็เป็นห่วงก็อยากดูแลทุกคน อย่าคิดอกุศล โชคดีก็มีโชคร้ายก็มี โชคร้ายมาเดี๋ยวก็หายไป ถ้าเราเข้มแข็ง เราก็โชคดีเหมือนวันวาน”
2. ในวันที่นายกฯ ลงพื้นที่ มีการจัดคนราวสิบคน มาชูป้าย ตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
พื้นที่ชัยภูมิ เป็นฐานเสียงของพรรคฝ่ายค้าน แต่นายกฯ ก็เปลี่ยนแปลงกำหนดการเดิม เพื่อมาลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนชาวชัยภูมิ
สถานการณ์ในพื้นที่ชัยภูมิ มีพื้นที่น้ำท่วมขังใน 16 อำเภอ อ่างเก็บน้ำต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่มีน้ำเก็บกักเต็มความจุ ได้แก่ เขื่อนลำปะทาว(ล่าง) มีปริมาณน้ำ 18.68 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 114 ของความจุอ่างฯ แนวโน้มลดลง มีน้ำล้นอาคารระบายน้ำล้นประมาณ 0.46 เมตร และอ่างเก็บน้ำลำคันฉู มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 47.26 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 110 ของความจุอ่างฯ มีน้ำล้นอาคารระบายน้ำล้น ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำ กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 8 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 8 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
ในพื้นที่ชัยภูมิ มีโครงการพัฒนาบึงละหาน และก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 5 แห่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
3. น้ำจะท่วมใหญ่เหมือนปี’54 มั้ย?
นี่คือคำถามจากหลายๆ คน โดยเฉพาะคนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะเกิดความพยายามปลุกปั่นความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้ ในจังหวัดต่างๆ ขยายเรื่องราวเพื่อให้ประชาชนวิตกกังวล สับสน ตึงเครียด ราวกับกำลังจะเกิดวิกฤตน้ำท่วมเหมือนปี 2554
ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า แม้จะมีกรณีน้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่โอกาสน้ำท่วม กทม. และปริมณฑล เหมือนปี’54 มีโอกาสเป็นไปได้น้อย ปริมาณน้ำฝนในภาคเหนือและภาคกลางของปีนี้ยังน้อยกว่าปี’54 และการบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนใหญ่ยังรองรับน้ำฝนได้อีกจำนวนมาก เว้นแต่ฝนจะตกหนัก มีพายุเข้าอีกช่วงต้นเดือนต.ค. แล้วฝนตกใต้เขื่อน น้ำไหลลงเจ้าพระยาปริมาณมากๆ จึงจะเกิดปัญหา ปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำมาราว 2,700 (ลบ.ม./วินาที) เทียบกับปี’54 น้ำไหลผ่านมามากกว่า 3,700 (ลบ.ม./วินาที)
สืบเนื่องจาก ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่งผลให้มีน้ำท่าปริมาณมากจากลำน้ำสาขาไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยเฉพาะจากแม่น้ำวัง และแม่น้ำปิง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา
ระบุว่า ปัจจุบัน มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากกว่า 2,700 ลบ.ม./วินาที ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนด กรมชลประทานได้พิจารณารับน้ำเพิ่มเข้าสู่ระบบชลประทานลำเลียงสู่ทุ่งรับน้ำหลากตอนล่างรวม 10 ทุ่ง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ชะลอน้ำเหนือไว้ที่เขื่อนเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ สำหรับปริมาณน้ำที่เพิ่มมากกว่าเกณฑ์กำหนดจะทำให้บริเวณนอกคั้นกั้นน้ำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท บริเวณบ้านท่าทราย และตำบลโพนางดำ อำเภอสรรพยา จังหวัดสิงห์บุรี บริเวณวัดเสือข้าม, วัดสิงห์, ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี, อำเภอพรหมบุรี และอำเภอเมือง พื้นที่จังหวัดอ่างทอง บริเวณคลองโผงเผง, วัดไชโย, ตำบลเทวราช อำเภอไชโย และอำเภอป่าโมกข์ พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณคลองบางบาล, ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา, ตำบลลาดชิด, ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ (แม่น้ำน้อย) รวมไปถึงพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในเขตจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี มีระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยควบคุมการปิด-เปิด ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสมุทรปราการ ตามจังหวะการขึ้น-ลงของน้ำทะเล เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา
สะท้อนว่า สถานการณ์ยังต่ำกว่าปี’54 มากนัก เพียงแต่จะมีน้ำเอ่อนองในบางพื้นที่ แต่ไม่ใช่แบบทะลักล้น และท่วมขังหลายเดือนเหมือนในปี’54 แน่นอน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี