การปฏิรูปใหญ่ของประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่ในทั่วทุกด้าน และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ล้าหลังให้กลายเป็นประเทศยุคใหม่ที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าประเทศใดในเอเชียยุคนั้น
พระองค์ทรงปฏิรูปประเทศไทยในแทบทุกด้านดังจะเห็นได้จากพระราชปรารภครั้งสำคัญว่า สภาพบ้านเมืองทุกวันนี้ถ้าเปรียบเหมือนเรือก็ผุแล้วทั้งลำ ไม่สามารถซ่อมแซมเฉพาะเรื่องเฉพาะราวได้อีกต่อไป จะต้องรื้อยกเครื่องใหม่ทั้งลำ
และหนึ่งในการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยในครั้งนั้นก็คือการปฏิรูปการปกครอง ซึ่งนับแต่สิ้นรัชกาลเป็นต้นมาพระราชธุระที่พระองค์ทรงวางไว้ก็ค้างเติ่งอยู่แค่นั้น มิหนำซ้ำยังถูกนักการเมืองและข้าราชการที่ฉ้อฉลบิดเบือนเบี่ยงเบนการปฏิรูปการปกครองให้อยู่ในอำนาจอันรวมศูนย์ของนักการเมืองดังสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ บรรดาอำนาจทั้งปวงของประเทศมารวมศูนย์อยู่ที่ราชการส่วนกลาง ในขณะที่ราชการส่วนภูมิภาคเป็นเพียงตัวแทนของราชการส่วนกลาง ที่กำกับควบคุมบังคับราษฎรให้เป็นตามนโยบายของส่วนกลางทั้งสิ้น
ในส่วนท้องถิ่นนั้นเล่า ก็ปรากฏว่ามีการตั้งองค์กรปกครองต่างๆ ทับซ้อนกัน จนแม้ประชาชนในท้องถิ่นและข้าราชการเองก็งุนงงสงสัยจนเกิดความขัดแย้งและขัดแข้ง
ขัดขากันเองดังที่เห็นกันอยู่ทุกวี่วัน
ในจังหวัดหนึ่งๆ จังหวัดเป็นตัวแทนของราชการส่วนกลาง มีอำนาจในการกำกับควบคุมสั่งการ โดยมีหน่วยงานย่อยคืออำเภอที่ทำหน้าที่กำกับควบคุมในระดับอำเภอทุกอำเภอของจังหวัด
ในทุกตำบลก็มีการปกครองที่เรียกว่าการปกครองส่วนท้องที่ ที่มีกำนันเป็นมือไม้ของอำเภอในการกำกับควบคุมดูแลตำบลทุกตำบลในอำเภอ และในทุกหมู่บ้านก็มีผู้ใหญ่บ้านเป็นกลไกของการปกครองส่วนท้องที่ ขึ้นต่อกำนัน กำกับควบคุมทุกหมู่บ้านในทุกตำบล
ทั้งหมดนั้นคือสายการปกครองที่ยึดโยงไปสู่อำนาจราชการส่วนกลาง ซึ่งขึ้นต่อนักการเมืองในระบอบเผด็จการรัฐสภา
ในระดับท้องถิ่น ในทุกจังหวัดก็มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด และยังมีเทศบาลซ้ำซ้อนเข้าไปอีก ทั้งในระดับเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล และยังมีองค์กรปกครองท้องถิ่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อบต. ซึ่งเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นและมีจำนวนมากตำบลที่มีทั้ง อบต. และเทศบาลตำบล
นี่คือสภาพใหญ่โต อุ้ยอ้าย ซ้ำซ้อน ล้าหลัง ขัดแย้งกันเอง และไม่รับใช้ประชาชน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการปฏิรูปการปกครองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงวางไว้
ในครั้งกระนั้นทรงปฏิรูปการปกครองส่วนกลาง ให้ราชการส่วนกลางมีอำนาจในการออกนโยบาย กำกับ และควบคุมราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบาย รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยของประเทศ การศึกษา และการต่างประเทศ
ทรงตั้งการปกครองแบบจังหวัดแทนการปกครองแบบมณฑลในอดีต ให้ทุกจังหวัดขึ้นอยู่กับส่วนกลาง
ทรงริเริ่มสถาปนาการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาลขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีพระบรมราโชบายว่าการปกครองในแต่ละท้องถิ่นนั้นต้องให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมเพราะเป็นผู้รู้สภาพ รู้ความต้องการ และเป็นผู้รับผลจากการบริหารในท้องถิ่นนั้นๆ
แม้เป็นการจัดตั้งการบริหารส่วนท้องถิ่นเป็นครั้งแรก ในระยะแรกเริ่มก็เห็นได้ชัดว่าทรงมีพระราชประสงค์ให้การบริหารจัดการในระดับจังหวัดลงมาเป็นการปกครองแบบท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วม และสามารถบริหารจัดการท้องถิ่นภายใต้นโยบายส่วนกลาง
จากวันนั้นถึงวันนี้สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงเริ่มต้นไว้ชะงักอยู่กับที่ แต่ผลจากการบิดเบือนเบี่ยงเบนพระราชประสงค์นั้นก็ได้ทำให้ประเทศไทยมีการปกครองในสภาพที่เห็นกันอยู่
ล่าสุดนี้มีการใช้อำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศไม่ต้องมีการเลือกตั้งนับถึงบัดนี้เป็นเวลา 8 ปีแล้วการบริหารในท้องถิ่นที่หมดวาระก็ให้รักษาการกันต่อไปเว้นแต่บางพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะมีพฤติกรรมชัดเจนที่ฝ่าฝืนกฎหมายและทุจริต
การงดการเลือกตั้งท้องถิ่นไว้ยาวนานถึง 8 ปี ย่อมแยกไม่ออกจากการทุจริตในทางการเมือง ที่ผู้ได้ประโยชน์ร่วมกันก็จะเอื้อประโยชน์แก่กัน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นที่แพร่ขยายซึมลึกลงไปถึงระดับตำบล มีการวางโครงการทุจริตระดับชาติและกระจายตัวกันไปดำเนินการในหลายตำบล ซึ่งเป็นบาดแผลใหญ่ให้แก่ประเทศชาติอยู่ในทุกวันนี้
ดังนั้นจึงถึงวาระที่ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปใหญ่ คือปฏิรูปการปกครองโดยต้องถือเป็นวาระแห่งชาติวาระหนึ่งเพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่สำคัญคือต้องทำให้การปกครองท้องถิ่นมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีรูปแบบเดียวคือรูปแบบเทศบาล ที่สภาเทศบาลและผู้บริหารเทศบาลไม่ว่าระดับใดต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนในท้องถิ่นนั้นและอยู่ภายใต้นโยบายหลักของประเทศ
เมื่อเป็นเช่นนี้ความปรารถนาของประชาชนในท้องถิ่นจึงจะประสบความสำเร็จ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี