หลังจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรารภกับสื่อมวลชนว่ามีคนใจร้ายจ้องล้มรัฐบาลโดยการทำให้สภาล่มในวาระการพิจารณากฎหมายสำคัญ ซึ่งจะเกิดผลบังคับให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหรือยุบสภา บรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายก็ได้ออกความคิดความเห็นวิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างหลากหลาย
โดยทั่วไปก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า
เป็นหนทางลงจากอำนาจที่ถูกต้องตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย และเป็นความชอบธรรมที่รัฐสภามีสิทธิ์และอำนาจที่จะกระทำได้ บางพวกก็ติเตียนไปอีกด้านหนึ่งว่าการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่างหากที่เป็นการกระทำด้วยความใจร้าย
นั่นก็เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างออกความคิดเห็น
ต่างคนต่างก็ว่ากันไปตามความคิดความเชื่อของตน แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นการออกความคิดความเห็นอยู่ในแนวทางหรือวิถีทางระบอบประชาธิปไตย ไม่อาจกล่าวว่าเป็นเรื่องของความ
ใจโหดใจร้ายหรือใจไม้ไส้ระกำได้เลย
ความจริง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในอำนาจหากนับตั้งแต่เป็นนายทหารถึงบัดนี้ก็เป็นเวลาถึง 15 ปีเต็มแล้ว และถ้านับเวลามีอำนาจในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นเวลา 7 ปีเศษแล้ว หรือถ้ารวมเวลาที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ก็เป็นระยะเวลารวมกันร่วม 8 ปีแล้ว นับว่าเป็นการอยู่ในอำนาจที่ยาวนานที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย
การขึ้นสู่อำนาจสูงสุดอย่างยาวนานเช่นนี้ก็เหมือนดั่งบุคคลที่ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดไม้สูงสุดแล้ว อนาคตก็จะมีอยู่เพียงไม่กี่ทาง คือปีนขึ้นฟ้าสรวงสวรรค์ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เว้นแต่จะล้มล้างระบอบการปกครองในปัจจุบันนั้นเสียก่อน หรือไม่ก็ไต่ลงจากยอดไม้เอง หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุยอดไม้หักพลัดตกลงมา ซึ่งเป็นธรรมดาธรรมชาติที่ไม่อาจฝืนได้เพราะมีอันต้องเป็นเช่นนี้เอง
นั่นเป็นการกล่าวในเชิงอุปมา แต่ถ้าจะว่าโดยโลกนิติ ธรรมนิติ และราชนิติอันมีมาแต่โบราณแล้ว เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
อยู่ในฐานะผู้นำประเทศสูงสุดเช่นนี้แล้ววันหนึ่งก็ต้องลงจากอำนาจ ไม่อาจอยู่ค้ำฟ้าได้ ดังนั้นท่าน
จึงว่าวิถีแห่งการลงจากอำนาจย่อมมีอยู่ 7 หนทาง คือ
หนทางที่หนึ่ง โดยวิถีทางแห่งบัณฑิต คือเป็นผู้รู้ในการทั้งสอง คือรู้ถึงกาลเวลาว่าถึงเวลาใดต้องลงจากอำนาจ และรู้ถึงการแผ่นดินอันเป็นไปว่าเมื่อใด
จะต้องลงจากอำนาจ ก็ลงจากอำนาจเสียเองโดยไม่ต้องมีใครมาขับไล่ไสส่ง ท่านจึงสรรเสริญการลงจากอำนาจโดยวิถีทางนี้เป็นที่สุด
หนทางที่สอง เป็นวิถีแห่งฟ้า เพราะนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องถวายรายงานราชการแผ่นดินต่อพระมหากษัตริย์ตามราชประเพณีของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถขอรับพระราชทานคำแนะนำได้ ในกรณีที่ทรงแนะนำให้ลาออกหรือลงจากอำนาจก็สามารถปฏิบัติไปตามนั้น ซึ่งอำนาจนี้เป็นอำนาจอย่างเดียวกันกับที่ระบอบประชาธิปไตยของอังกฤษได้ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้
หนทางที่สาม เป็นวิถีทางประชาธิปไตย ที่นายกรัฐมนตรีอาจพ้นตำแหน่งได้โดยอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าการลงมติไม่ไว้วางใจ หรือสภาไม่ร่วมไม่เอาด้วยช่วยกัน ทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้กลไกสภาในการบริหารราชการแผ่นดินตามปกติได้
หนทางที่สี่ เป็นวิถีทางตามกฎหมาย ที่นายกรัฐมนตรีต้องคำพิพากษาของศาลให้ต้องพ้นจากหน้าที่ ไม่ว่าโดยศาลรัฐธรรมนูญ หรือโดยศาลฎีกา
แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือโดยศาลอาญาในคดีทุจริต
หนทางที่ห้า เป็นวิถีแห่งกรรม คือทำกรรมอันใดไว้ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น เช่นได้อำนาจมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ก็มีวิบากกรรมที่อาจถูกยึดอำนาจถูกรัฐประหารได้เช่นเดียวกัน
หนทางที่หก โดยวิถีทางแห่งอายุขัยที่สิ้นอายุขัยลงไม่ว่าโดยสามัญหรือโดยวิสามัญ หรือโดยการเจ็บป่วยจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้
หนทางที่เจ็ด เป็นวิถีทางอดิเรกที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่นึกฝัน หรือเป็นอัศจรรย์เหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่นอยู่ดี ๆ ก็มีการโพนทะนาในเรื่องราวอันเป็นส่วนตัว หรือเรื่องราวอันเป็นที่อับอายขายหน้าจนไม่สามารถมองหน้าประชาราษฎร์ได้
นี่คือวิถีทางลงจากตำแหน่งของผู้มีอำนาจ
อันมีมาในโลกนิติ ธรรมนิติ และราชนิติแต่โบราณ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีคนใดเมื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจแล้วท่านจึงเตือนไว้ว่าอย่าได้หลงระเริงลำพองในอำนาจว่าจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร
จะต้องสำนึกและสำเหนียกไว้เนืองๆ ว่าอำนาจสูงสุดนั้นมีขึ้นแล้วย่อมตั้งอยู่และดับไปตามกฎพระไตรลักษณ์ คงเหลือแต่วิถีทางและเวลาเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท
นั่นคือจะต้องสำนึกสำเหนียกไว้ตลอดเวลาว่าวันหนึ่งจะต้องลงจากอำนาจ จะต้องใช้สติปัญญาใคร่ครวญให้จงดีว่าชีวิตแห่งอำนาจของเรานี้จะลงจากอำนาจในช่วงเวลาเมื่อใด และด้วยเหตุประการใด
จากนั้นก็ระมัดระวังป้องกันเหตุที่เป็นทางร้ายเสีย แล้วสร้างเงื่อนไขอันเป็นเหตุที่จะลงจากอำนาจ
ในทางดีให้เป็นศรี ศักดิ์ และเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลสืบไปในวันข้างหน้า ซึ่งพี่น้องครอบครัวลูกหลานเหลนโหลนก็จะได้ถือเป็นความภาคภูมิใจของ
วงศ์ตระกูลไปในภายภาคหน้า
ดังนั้นใครก็ตามที่มีอำนาจเป็นถึงนายกรัฐมนตรีจึงพึงสำนึก สำเหนียก และสังวรในเหตุเจ็ดประการอันเป็นวิถีทางการลงจากอำนาจโดยสวัสดี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี