เวลาประชาชนที่มีสติปัญญาได้ยินนักการเมืองบอกย้ำๆ ซ้ำๆ ว่า ต้องปฏิรูปประเทศ แล้วมีปฏิกิริยาเหมือนๆ กันคือ อยากอาเจียน เพราะรับไม่ได้กับคำโกหกมดเท็จของนักการเมือง
ถามว่าเมืองไทยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วกี่สิบกี่ร้อยครั้ง (นับรวมเลือกตั้งซ่อมด้วย) แล้วนักการเมืองไทยที่เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรมีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ สส. จำนวนไม่น้อยที่เข้าไปชูคอในสภามาจากมาเฟียเมืองไทยกี่คน มาจากเจ้าพ่อเจ้าแม่ขายของเถื่อน ของหนีภาษี ของผิดกฎหมายกี่คน และอีกกี่คนที่ทำธุรกิจสีดำ สีเทา แล้วอีกกี่คนที่ทำธุรกิจสืบเนื่องกับการค้ามนุษย์ นี่ยังไม่นับจำพวกโกงบ้านกินเมืองด้วยกลวิธีอื่นๆ อีกสารพัด
แล้วยังไม่ต้องพูดถึงนักการเมืองที่ส่งลูก เมีย ผัว โคตรเหง้าของตนเพื่อสืบทอดอำนาจการเมือง ซึ่งเราจะพบจะเห็นเป็นประจำว่ามีนักการเมืองไทยหลายโคตรส่งลูก
ผัว เมีย ของตนเข้าไปสืบทอดอำนาจการเมือง
ถามว่าทำไมนักการเมืองต้องส่งโคตรเหง้าของตนเข้าไปอยู่บนเวทีแห่งอำนาจการเมือง ถามว่าพวกเขาตั้งใจ จริงใจทำงานเพื่อช่วยพัฒนาบ้านเมืองจริงหรือ
คำตอบเรื่องนี้นั้น วิญญูชนในสังคมไทยตอบได้ชัดเจน ว่าจริงหรือไม่ แต่ขณะเดียวกันก็พบว่านักการเมืองไทยหลายโคตรนั้น เมื่อเข้าไปยึดกุมอำนาจการเมืองได้แล้ว ก็ร่ำรวยขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ทั้งๆ ที่หลายโคตรนั้น ก่อนจะเข้าไปมีอำนาจการเมือง ก็พอมีเงินมีทองอยู่บ้าง แต่ครั้นเมื่อได้อำนาจการเมืองแล้วกลับรวยล้นฟ้า ท่วมดิน รวยโดยไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปของเงินทองจำนวนมากมายมหาศาลได้
ดังนั้น วิญญูชนจึงได้ข้อสรุปตรงกันว่า โคตรนักการเมืองไทยที่เข้าสู่สนามการเมืองนั้น หลายโคตรตั้งใจเข้ามาเพื่อกอบโกยและโกงบ้านกินเมือง
มาระยะหลังๆ นี้ วิญญูชนได้ยินเสมอๆ ว่า นักการเมืองหน้าใหม่ (แต่มาจากโคตรนักการเมืองหน้าเดิมๆ ซึ่งบางโคตรก็มีประวัติโกงบ้านกินเมืองมาแล้ว) อ้างว่าต้องเร่งปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิรูปการมีอำนาจการเมือง
เมื่อได้ยินคำโกหกการเมืองเช่นนี้ ก็จึงมีคำถามกลับไปยังนักการเมืองที่มาจากโคตรโกงเมืองว่า ก่อนจะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปการมีอำนาจการเมืองนั้น กลับไปบอกโคตรเหง้าศักราชของตนก่อนเถอะว่า ให้นำเงินทองทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้ไปจากการโกงบ้านกินเมืองกลับไปคืนประเทศเสียก่อน อย่าเพิ่งออกมาสำรากวาจาชวนคลื่นเหียนเวียนกบาลเลยว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง
ถามจริงๆ คนที่เป็นนักการเมืองซึ่งมาจากโคตรที่โกงบ้านกินเมืองจะมีปัญญาตรงเข้าไปปฏิรูปการเมืองไทยได้หรือ
ข้ออ้าง ซึ่งเป็นคำโกหกของนักการเมืองไทยทุกยุคที่ไม่เคยต่างกันก็คือ ทำเพื่อประชาชน ถามจริงๆ เถอะ ก็ในเมื่อโกหกมาตลอดว่าทำเพื่อประชาชน แล้วทำไมประชาชนจึงไม่ดีขึ้น ไม่รวยขึ้น ไม่เจริญขึ้น อ้อ! ลืมไป ประชาชนไทยจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะว่าคำพูดของนักการเมืองมันเป็นคำมดเท็จทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น เมื่อนักการเมืองพูดว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ก็หมายความได้โดยไม่ต้องตีความว่า ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองดีขึ้น รวยมากขึ้น และมีอำนาจมากขึ้น แล้วยิ่งนักการเมืองจำพวกที่โกหกว่าฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนนั้น ก็ต้องบอกว่ามดเท็จสิ้นดี เพราะไม่เคยปรากฏชัดว่านักการเมืองไทยส่วนใหญ่ฟังเสียง ฟังความต้องการ และฟังความเดือดร้อนของประชาชน
เพราะฉะนั้นคำโกหกของนักการเมืองที่บอกว่านโยบายของพรรคการเมืองของตนมาจากความต้องการของประชาชน และยึดโยงกับประชาชน ก็ล้วนแล้วแต่โกหกทั้งสิ้น เนื่องจากไม่มีความจริงปรากฏว่าพรรคใดยอมให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายพรรคอย่างเป็นรูปธรรม
วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะพิษสงของโควิด-19 อันส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจของประชาชนตกต่ำย่ำแย่ ประชาชนจำนวนไม่น้อยไร้งานทำ บางคนต้องฆ่าตัวตาย และฆ่าคนในครอบครัวให้ตายตกไปตามกันเพื่อหนีปัญหาความยากจนและปัญหาอื่นๆ ที่รุมเร้ามานานเกือบสองปี
ถามว่านักการเมืองแก้ปัญหานี้ให้ประชาชนได้หรือไม่นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลตอบว่ากำลังแก้ไข และปัญหาก็เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่คำถามคือแล้วนักการเมืองฝ่ายค้านเล่า ทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนบ้าง นอกจากแกว่งปากหาเรื่องไม่สร้างสรรค์ไปวันๆ เท่านั้น
ที่พูดเช่นนี้ มิได้หมายความว่าเข้าข้างรัฐบาล แต่ก็พอจะมองเห็นบ้างว่ารัฐบาลก็พยายามจะแก้ปัญหาอยู่ แม้จะแก้ได้ไม่ตรงประเด็นก็ตาม แต่คำถามคือ แล้วพรรคฝ่ายค้านทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ซึ่งขอย้ำเหมือนเดิมว่า ดีแต่แกว่งปากตีสำนวนไปวันๆ เท่านั้น
ถามตรงๆ ว่าฝ่ายค้านมีปัญญาแก้ปัญหาให้ประชาชนหรือไม่ หรือฝ่ายค้านจะอ้างแบบเดิมๆ ว่า ฝ่ายค้านไม่มีอำนาจรัฐไม่ได้กำหนดนโยบายสาธารณะ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอำนาจแก้ปัญหาให้ประชาชน
อันที่จริง ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบความไม่โปร่งใส และเหตุทุจริตต่างๆ ที่ก่อขึ้นโดยรัฐบาล ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอถามต่อไปว่า แล้วฝ่ายค้านมีปัญญาเปิดโปงพฤติกรรมทุจริตที่ก่อขึ้นโดยรัฐบาลได้หรือไม่ ขอถามย้ำว่า ฝ่ายค้านมีปัญญาตรวจสอบ และเปิดโปงพฤติกรรมทุจริตของฝ่ายรัฐบาลได้หรือไม่ หากทำได้ ทำไมไม่ทำ จะมัวรออะไรอยู่มิทราบ หรือว่ารอให้ตนเองได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล แล้วผลัดกันชมสมบัติของชาติ
ได้ยินฝ่ายค้านบ่นพล่ามเรื่องค่าครองชีพแพง น้ำมันแพง ค่าอาหารแพง หมูแพง ปุ๋ยแพง ค่าแรงถูก น้ำท่วม น้ำแล้ง มลภาวะ ไฟป่า น้ำมันเถื่อน และอีกสารพัดคำบ่น ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ประชาชนรับรู้ได้ดี เพราะเผชิญกับปัญหาทุกวัน ดังนั้นไม่จำเป็นที่ฝ่ายค้านต้องช่วยบ่น แต่สิ่งจำเป็นคือฝ่ายค้านต้องช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน ขอย้ำว่าไม่ใช่บ่นเพ้อพล่ามไปวันๆ หรือว่าหน้าที่ของฝ่ายค้านมีแค่เท่านี้คือ บ่น เพ้อ พล่าม
เวลาประชาชนไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ไม่เคยปรากฏว่าฝ่ายค้าน (ซึ่งเป็นรัฐบาลมาก่อน) จะมีปัญญาหาวัคซีนมาให้ประชาชน แต่ก็บ่นพล่ามเรื่องวัคซีนขาดแคลนไม่เพียงพอตลอด ขอถามอีกทีว่าหน้าที่ของฝ่ายค้านคือบ่นและพล่าม ใช่หรือไม่นี่ยังไม่นับเรื่องที่ฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลที่มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการการกระจายวัคซีนให้ถึงประชาชนทุกคนโดยเท่าเทียมและทันเวลา
แต่ภาพความจริงที่ประชาชนได้รับคือ ได้เห็นสส. ฝ่ายค้านดาหน้าไปฉีดวัคซีนก่อนประชาชน ถามว่าในเมื่ออ้างว่ารักประชาชนเสียเหลือเกิน ทำไมไม่ทำทุกหนทางเพื่อให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนก่อนสส. ฝ่ายค้าน ทำไมแย่งประชาชนฉีดก่อน หรืออ้างว่ากลัวตายเพราะโควิด-19 แล้วทำให้บ้านเมืองไม่มีฝ่ายค้านคอยตรวจการทำงานของรัฐบาล ก็ต้องบอกว่าที่ผ่านมาก็ไม่เห็นฝ่ายค้านจะมีปัญญาตรวจสอบและจับทุจริตรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย
บทบาทและหน้าที่ของฝ่ายค้านบางกลุ่มบางคนที่ประชาชนเห็นชัดๆ ในทุกวันนี้คือ ปลุกระดมให้เด็กและเยาวชนโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นจึงมีคำถามว่าทำไม สส.ฝ่ายค้านที่มีความประสงค์จะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์จึงไม่ออกไปเดินนำหน้าขบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยตนเอง ทำไมต้องหลอกใช้เด็กและเยาวชน
ฝ่ายค้านบางคนที่มีพฤติกรรมและเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์คิดหรือว่าปกปิดความต้องการของตนเองได้มิดชิดโดยที่วิญญูชนไม่เคยรับรู้เบื้องหลังเบื้องลึกแต่น่าอัศจรรย์ใจมากที่หน่วยข่าวกรองของไทย ซึ่งมีมากมายเป็นดอกเห็ดไม่สามารถกระชากหน้ากากสส. ฝ่ายค้านบางคนที่มีพฤติกรรมและเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
วิญญูชนขอบอกไปยังฝ่ายค้านที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีปัญญา และไม่มีความดีงามว่า การมีสส. ฝ่ายค้านที่ไร้คุณประโยชน์คือการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งสิ้นเปลืองงบประมาณไม่ต่างไปจากการมีสส. โกงบ้านกินเมืองลอยหน้าอยู่ในสภา
เพราะฉะนั้น ประเด็นแรกที่สุดก่อนที่นักการเมืองทุกคน โดยเฉพาะพวกที่ชอบออกมาโกหกประชาชนเป็นประจำว่าต้องปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องกระทำก่อนเป็นอันดับแรกคือ นำทรัพย์สินที่นักการเมืองในโคตรของตนเองโกงไปจากบ้านเมือง แล้วนำมาคืนให้ประเทศ แล้วประการต่อมาคือปฏิรูปพฤติกรรมการเมือง และพฤติกรรมส่วนตัวของนักการเมืองก่อน ถ้ายังทำสองสิ่งนี้ไม่ได้ อย่าพูดเรื่องปฏิรูปการเมืองอีกต่อไป เพราะคนโกงบ้านกินเมืองไม่มีปัญญาและไม่มีวันปฏิรูปการเมืองได้เป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี