ปัญหาเรื่องกัญชาซึ่งเป็นผลประโยชน์แห่งชาติสำคัญและเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศอย่างสำคัญเพราะอยู่ใต้บังคับของกฎหมายยาเสพติดมาแต่ก่อน ดังนั้นการปลูก การมีไว้ในครอบครอง การใช้ การเสพ และการจำหน่ายจึงเป็นความผิดและมีโทษค่อนข้างหนัก
การตรากฎหมายยาเสพติดและกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดนั้นไม่ใช่เรื่องเก่าแก่มาแต่โบราณ เพราะแต่ดั้งเดิมมานั้นกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เป็นทั้งอาหาร เป็นทั้งยาเป็นทั้งของใช้เพื่อความสุขความบันเทิงเริงรมย์ของผู้คนในชนบทและผู้ใช้แรงงาน
จู่ๆ พวกฝรั่งก็มาบังคับรัฐบาลไทยให้ถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติดร้ายแรง วิสัยความคิดทาสที่แม้ประเทศไทยจะถูกเลิกทาสไปนานแล้ว และวิสัยที่ยอมจำนนราวกับเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นก็ยังไม่มอดหายไป ดังนั้นจึงทำตามที่ฝรั่งบังคับโดยมิได้คำนึงว่าเกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนสักปานไหน
หลังจากกฎหมายนี้ใช้บังคับแล้ว ยาแผนไทยหลายชนิดที่เคยทรงคุณค่าช่วยชีวิตคนไทยมาแต่ก่อนยุคปู่ย่าตายายก็เป็นอันใช้ไม่ได้เพราะขาดตัวยาสำคัญ อาหารหลายชนิดก็ต้องผิดรสผิดชาติไปเพราะใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบไม่ได้ จนถึงวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าประเทศไทยและคนไทยได้ประโยชน์อะไรจากการกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติด
ผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็เห็นจะมีแต่พวกเดียวคือพวกที่ทำหน้าที่จับกุมปราบปรามผู้ที่ปลูก เสพ หรือจำหน่ายกัญชา เพราะเมื่อกัญชามีความจำเป็นและเป็นประโยชน์มากและเป็นที่รู้กันทั่วไป ดังนั้นผู้ที่ยังจำเป็นต้องใช้อยู่ก็ต้องลักลอบใช้ ลักลอบปลูก และลักลอบจำหน่าย เฉพาะการจำหน่ายนั้นก็สามารถจำหน่ายไปได้ในหลายประเทศ เพราะชาวโลกก็ไม่ต่างกับคนไทยที่เห็นประโยชน์และความจำเป็นที่จะต้องใช้กัญชา เขาก็มีช่องทางซื้อหาค้าขายกัน
เพราะเหตุที่กัญชามีประโยชน์และมีความจำเป็นที่ต้องใช้อยู่แต่เป็นของผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงเป็นทางทำมาหาได้ของผู้มีอำนาจหน้าที่ และการทำมาหาได้นั้นก็คือการรีดไถเอาตามใจชอบ รีดไถกันเท่านั้นยังไม่พอ เพราะผู้เกี่ยวข้องบางรายต่อสู้คดี และหลายกรณีจำเป็นศาลก็เมตตาลงแค่โทษจำและรอการลงอาญา บ้างก็ลงโทษปรับ ขึ้นอยู่กับกรณีเป็นเรื่องๆ ไป
ดังนั้นสำหรับคนแบบนี้จึงทำให้เสียเวลาจับกุมทำสำนวนเปล่าๆ ในที่สุดก็มีพวกหัวใสขอแก้ไขกฎหมายเพื่อให้รัฐบาลต้องจ่ายสินบนนำจับ ทำให้การจับกุมกัญชามีการจ่ายค่าสินบนและรัฐเป็นผู้ออกค่าสินบนเหล่านั้น
จนกระทั่งมีข่าวนินทาให้ได้ยินอยู่เสมอว่ามีการเวียนเทียนเอากัญชาของกลางออกมาสร้างสถานการณ์จับกันใหม่เพื่อเอาเงินสินบนซึ่งง่ายราวปอกกล้วยเข้าปาก ครั้นเสียงนินทาดังมากขึ้นก็ต้องออกมาตรการให้มีการทำลายของกลาง ซึ่งนานๆ จะทำกันครั้งหนึ่ง และก่อนที่จะทำการทำลายนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่ามีการเอาของกลางไปเวียนเทียนกันหรือไม่ กี่รอบ
ต่อมาฝรั่งเองซึ่งเป็นต้นความคิดในการกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดก็ทนต่อความจริงไม่ได้ เพราะพวกฝรั่งด้วยกันนั้นเมื่อเขาศึกษาค้นคว้าพบเห็นประโยชน์แล้วจึงเกิดการเรียกร้องให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ ทั้งทางอาหาร ยา เครื่องดื่ม แม้กระทั่งเครื่องสำอางนานาชนิด
พวกฝรั่งเขาเห็นประโยชน์แล้วเขาก็เห็นว่าการอุตริมาถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติดนั้นเป็นการทำลายประโยชน์ของมวลมนุษย์ เขาจึงทำการต่อสู้กันในประเทศต่างๆ กระทั่งเป็นการยกระดับเป็นการต่อสู้กันทางสากล
แล้วพวกที่เป็นต้นความคิดหรือเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เหล่านั้น แม้ได้รับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลแต่ก็ต้องถือว่าเป็นพวกหน้าบาง ไม่สามารถทนละอายต่อความจริงที่ถูกเปิดเผยทุกวันนี้ จึงเกิดการปลดล็อกกัญชาไม่ให้เป็นยาเสพติดอีกต่อไป
ประเทศแล้วประเทศเล่าเมื่อกัญชาถูกปลดล็อกแล้วก็ถูกนำมาใช้ในทุกทาง ก่ออาณาประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายสุดคณานับ เช่น สหรัฐเพียงเดือนเดียวก็เก็บรายได้ประเภทภาษีอากรจากธุรกิจกัญชานับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อรวมแล้วแต่ละปีก็มีรายได้มหาศาล
ประเทศทั้งหลายก็พากันเอาตามปลดล็อกกัญชาทำให้เกิดการใช้กัญชาในทุกด้านอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดรายได้ทั้งแก่รัฐและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายเป็นกอบเป็นกำ
ความตื่นตัวเหล่านั้นกระทบเข้ามาถึงประเทศไทย ประจวบกับเป็นช่วงระยะเวลาที่คนไทยป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเป็นจำนวนมาก จึงมีการเอากัญชามาใช้ในการรักษาเยียวยาผู้ป่วยโรคมะเร็งกันอย่างกว้างขวาง ถูกจับได้ก็จับไป ถูกยึดได้ก็ยึดไป ถูกทำลายได้ก็ทำลายไป
แต่ในที่สุดสภาพอเนจอนาถจากการจับกุมทำลายกัญชาในการที่ปลูกไว้รักษาผู้ป่วยหลายรายก็ได้เป็นข่าวโศกนาฏกรรมที่เกิดความสลดใจขึ้นแก่ทุกภาคส่วนของประเทศไทย และเกิดการเรียกร้องให้ปลดล็อกกัญชาในลักษณะทั่วประเทศ
ช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยได้เห็นกระแสนี้อย่างแจ่มชัด จึงประกาศเป็นนโยบายสำคัญของพรรคที่จะปลดล็อกกัญชาและให้ทุกครอบครัวสามารถปลูกกัญชาไว้ใช้ได้อย่างน้อยครอบครัวละ 6 ต้น ผู้คนจึงแซ่ซ้องสาธุการในการกล้าหาญเสนอนโยบายนี้ และต่างก็ฝากความหวังไว้กับพรรคภูมิใจไทย
อันประชาชนนั้นเมื่อฝากความหวังไว้กับพรรคการเมืองใดแล้วก็ไม่ฝากความหวังไว้แบบลมๆ แล้งๆ โดยได้ประสานกันเป็นเครือข่ายทั่วประเทศช่วยกันลงคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ด้วยมีความเชื่อมั่นว่าจะมีการปลดแอกกัญชาตามนโยบาย และเป็นผลให้พรรคภูมิใจไทยเติบโตอย่างพรวดพราด ผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งจนเป็นพรรคขนาดกลางที่มีบทบาทในการดำรงอยู่และในการจัดตั้งรัฐบาล
แต่ทว่าเวลาเนิ่นนานผ่านไป การขับเคลื่อนนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนก็ไม่ไปไหน พรรคภูมิใจไทยเห็นท่าไม่ดีจึงผลักดันจนเกิดประมวลกฎหมายยาเสพติดขึ้น และทำให้กัญชาพ้นสภาพจากความเป็นยาเสพติด
หลังกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้แล้วก็ปรากฏว่าต่างพากันปลูกกัญชา ด้วยเชื่อว่าสามารถปลูกได้ ใช้ได้ แต่กลับถูกจับกุมดำเนินคดีกันเป็นจำนวนมาก จึงพากันโกรธแค้นรุมกันด่าพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคภูมิใจไทยนิ่งต่อไปไม่ได้ ต้องยืนยันต่อสาธารณะว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว ถ้าใครถูกจับก็ให้มาที่พรรคจะจัดทนายต่อสู้คดีให้
พรรคภูมิใจไทยแถลงไม่ทันสิ้นคำก็ถูกสวนว่ากัญชายังเป็นของผิดกฎหมาย จนกระทั่งผู้รู้ทางกฎหมายที่เป็นที่นับถือของคนทั้งหลายต้องยืนยันต่อสาธารณะว่ากัญชาพ้นสภาพจากยาเสพติดแล้ว
แม้ปานนั้นแล้วผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ก็ไม่ยอมรับ ประกาศจะดำเนินการดำเนินคดีกับผู้มี ผู้ปลูก หรือผู้ใช้กัญชาต่อไป
ปัญหานี้จึงยังค้างคาอยู่ในสังคมไทยว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เพราะรัฐบาลโดยรองนายกรัฐมนตรีแถลงแล้วก็ยังถูกสวน จะไม่เชื่อถือก็ไม่ได้เพราะกฎหมายก็ใช้บังคับแล้ว จึงยื้อยุดฉุดรั้งกันอยู่ตรงนี้ ทำให้ประเทศไทยมีสภาพไม่ต่างอะไรกับรัฐล้มเหลว เพราะกฎหมายก็ดี รัฐบาลก็ดี ถูกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสวนเอาดื้อๆ และปล่อยให้ยื้อยุดกันอยู่อย่างนี้ แล้วชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร!
ดังนั้นสถานการณ์เรื่องกัญชาในวันนี้ต้องถือว่ามาถึงจุดสุดท้ายแล้ว แต่มีอนาคตสองอย่างคือกัญชาพ้นสภาพจากความเป็นยาเสพติด หรือจะสับสนกันต่อไปตามสภาพความเป็นรัฐที่ล้มเหลว ซึ่งประชาชนจะต้องเสี่ยงกันเอาเอง
นี่คือสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา จึงได้แต่หวังว่าประเทศไทยและคนไทยจะได้รับประโยชน์จากการปลดล็อกกัญชาโดยเร็วที่สุด
กัญชาใช้ได้วันไหน ยาบ้าก็หมดไปวันนั้น ยาแก้ปวดยารักษาความดัน และยารักษาโรคเบาหวานและอีกหลายชนิดก็จะหมดความสำคัญไปเพราะการเข้ามาของกัญชาดังนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี