ประเทศไทยเป็นพระราชอาณาจักรที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงเป็นพระราชอำนาจอย่างหนึ่งขององค์พระประมุข ดังนั้นการจะทำการสิ่งใดที่กระทบต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ ตลอดจนสัญญาทางไมตรีระหว่างประเทศจึงต้องคำนึงให้มาก
เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของฝ่ายการเมืองที่จะทำการได้ตามอำเภอใจ
ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ที่มีมาช้านานแล้วได้ถูกลดความสัมพันธ์ลงเพราะความทุจริตเหลวไหลของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามฟื้นฟูทางไมตรีนั้นอย่างต่อเนื่องตลอดมา แม้กระทั่งในสมัยรัฐบาลทักษิณ คุณทักษิณก็ได้ใช้ความพยายามไม่น้อยแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
แต่เพราะเหตุที่สถานการณ์ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นทำให้ซาอุฯซึ่งก่อนหน้านี้มีฐานะเป็นเพียงสมุนบริวารของชาติมหาอำนาจที่กระดิกกระเดี้ยอะไรไม่ได้ ทำมาหากินได้เท่าใดก็ต้องถูกบังคับให้นำเงินไปซื้อหาอาวุธเพื่อทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน จนเงินทองร่อยหรอและประสบปัญหางบประมาณเป็นระยะ
ที่สำคัญคือเมื่อซาอุฯถูกกำหนดให้เป็นผู้นำประเทศอาหรับบางประเทศเปิดสงครามรุกรานเยเมนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและพันธมิตร ทำให้สงครามรุกรานนั้นไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสร็จสิ้นลงตามความประสงค์ของมหาอำนาจและซาอุฯ เพราะกลายเป็นสงครามยืดเยื้อที่ต่อเนื่องมาเกือบ 7 ปีแล้ว
ประเทศเยเมนและชาวเยเมนถูกเครื่องบินของพันธมิตรซาอุฯถล่มจนบ้านแตกสาแหรกขาดบ้านเมืองพังพินาศ แต่ชาวเยเมนผู้รักชาติก็ยืนหยัดต่อสู้กอบกู้แผ่นดิน กระทั่งพัฒนาแสนยานุภาพเพิ่มขึ้นโดยลำดับ จนกระทั่งสามารถตอบโต้ซาอุฯได้มากขึ้นโดยลำดับ
กระทั่งปีเศษมานี้เยเมนสามารถส่งโดรนเข้าไปทิ้งระเบิดทำลายสนามบินต่างๆ และเมืองหลายเมืองในซาอุฯ จนสนามบินหลายแห่งเสียหายใช้การไม่ได้ เครื่องบินบินขึ้นไม่ได้ มิหนำซ้ำขีปนาวุธราคาแพงที่ใช้ต่อต้านขีปนาวุธกลับไม่สามารถรับมือกับโดรนชนิดพิเศษของเยเมนได้ ซึ่งแน่นอนว่าโดรนรุ่นใหม่และขีปนาวุธรุ่นใหม่ของเยเมนนั้นย่อมได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและพันธมิตร จึงทำให้เยเมนสามารถยืนหยัดในสงครามยืดเยื้อได้อย่างยาวนานและก่อความเสียหายให้กับซาอุฯมาก
ทำให้ประเทศมหาเศรษฐีใหญ่ในตะวันออกกลางอย่างซาอุฯตกอยู่ในสภาพสงคราม บ้านเมืองและสนามบินพินาศลงโดยลำดับ กลายเป็นแรงกดดันที่รัฐบาลซาอุฯไม่สามารถรับสภาพเช่นนั้นได้ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการต่างประเทศครั้งสำคัญขึ้น
ซาอุฯได้หันไปจับมือกับรัสเซียและขอให้รัสเซียช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหลายครั้ง ในที่สุดก็เปิดการเจรจากับอิหร่าน ปรับระดับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติหลังจากตัดสัมพันธ์กันมาหลายสิบปี
และที่ตื่นตะลึงตกใจกันทั่วโลกก็คือการปรากฏข่าวที่เปิดเผยโดยหน่วยงานราชการลับของสหรัฐว่าซาอุฯได้แอบทำความตกลงพัฒนาขีปนาวุธกับจีน และการพัฒนานั้นก็ดำเนินการก้าวหน้าไปเป็นอย่างมาก โดยมีข้อตกลงเฉพาะว่าซาอุฯต้องไม่ใช้ขีปนาวุธนั้นกับพันธมิตรของจีน โดยเฉพาะอิหร่านและเยเมน ซึ่งย่อมรวมถึงซีเรียและอิรักด้วย
นั่นคือพยานหลักฐานถึงการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการต่างประเทศของซาอุฯ และย่อมแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางไมตรีกับประเทศไทยด้วย จึงทำให้การฟื้นฟูทางไมตรีไทย-ซาอุฯ บรรลุผลสำเร็จ ซึ่งมีแต่จะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ
อีกไม่ช้าไม่นานอาจจะได้เห็นการเสด็จฯเยือนของพระประมุขของทั้งสองประเทศระหว่างกัน ซึ่งต้องเข้าใจว่าการประสานงานระดับสูงของทั้งสองประเทศก็ได้ดำเนินงานคู่ขนานกันมาตลอดเวลาเช่นเดียวกัน และเป็นเรื่องที่จะถูกมองข้ามหรือด้อยค่าไม่ได้โดยเด็ดขาด
การฟื้นฟูทางไมตรีกับซาอุฯนั้นเป็นเรื่องดีแน่แต่อีกด้านหนึ่งเล่าก็ต้องเฉลียวใจคิดด้วยว่าเมื่อประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนนโยบายการต่างประเทศไปในทางที่สร้างมิตรไมตรีกับประเทศต่างๆ ไม่ตั้งตนเป็นฝักฝ่ายหรือเป็นศัตรูกับใครก็จำเป็นจะต้องทบทวนการปฏิบัติตนของประเทศไทยกับมิตรประเทศว่ามีประเทศใดที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้างควบคู่กันไปด้วย
ประเทศแรกก็คืออิหร่าน ซึ่งนับแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันเป็นต้นมา หรือถ้าจะนับเนื่องตั้งแต่ไทย-อิหร่าน มีความสัมพันธ์กันเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็ต้องถือว่าความสัมพันธ์ไทย-อิหร่าน เกือบ 470 ปีนั้นราบรื่นเรียบร้อยและอำนวยประโยชน์แก่กันอย่างเต็มที่
ยามใดที่ประเทศไทยประสบปัญหาคับขันและอิหร่านสามารถช่วยเหลือได้ก็ย่อมได้รับความช่วยเหลือจากอิหร่านอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคะยั้นคะยอร้องขอหรือถูกตั้งเงื่อนไขใดๆ ตลอดมา
แต่ทว่าหลังการปฏิวัติอิสลามที่นำโดยท่านอิหม่ามโคมัยนีโค่นล้มรัฐบาลหุ่นของต่างชาติที่ย่ำยีประชาชาติอิหร่านและสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านขึ้นแล้วก็ถูกคว่ำบาตรโดยชาติมหาอำนาจต่อเนื่องยาวนานมากว่า 50 ปีแล้ว และน่าแปลกใจว่าพฤติกรรมของประเทศไทยกลับสมคล้อยไปในทางร่วมคว่ำบาตรต่ออิหร่านด้วย ประหนึ่งว่าเป็นสมุนข้าทาสของชาติอื่นก็ไม่ปาน จึงถึงเวลาที่จะต้องทบทวนความผิดพลาดเหลวไหลเหล่านี้เพื่อแสดงถึงความเป็นไทและความเป็นอิสระของชาติให้ปรากฏต่อนานาชาติเสียที
และเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็คือประเทศจีนถูกมหาอำนาจคว่ำบาตรกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวไม่ส่งผู้นำประเทศไปเข้าร่วม ซึ่งประเทศไทยก็ไม่มีระดับผู้นำประเทศไปร่วมด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยกำลังประพฤติตนเป็นสมุนบริวารของใครและกำลังคว่ำบาตรต่อจีนหรือไม่
ใครก็ตามที่กำลังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศไทยจะต้องสำเหนียกและสำนึกว่านั่นไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศไทย และคนไทยไม่ยอมรับนับถือการกระทำใดๆ ที่มีลักษณะขายชาติหรือประพฤติตนเป็นข้าทาสของชาติอื่นโดยเด็ดขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี