พูดกันตามจริง แรมโบ้อีสาน หรือ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ นั้น เป็นลูกน้องที่ทำงาน “ถวายหัว” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจริงๆ เมื่อเทียบกับอีกหลายๆ คนแล้ว แรมโบ้ควรเป็นลูกน้องที่ท่านรักอันดับต้นๆ ด้วยการวางตนและความทุ่มเทของแรมโบ้
เรื่องนี้ ไม่น่าจะมีใครกังขา
แต่พลันที่ เกิดเรื่อง “คลิปเสียง” ขึ้นมา นายกฯจะทำเป็น “ไร้เดียงสา” เชื่อว่าเป็นแค่คลิป “หยอกกันเล่น” จริงๆ หรือ? ในเมื่อน้ำเสียงและเนื้อหาที่คุยกันในคลิปนั้น “โคตรจริงจังและกังวล” ทั้งสองคน
ซึ่งเนื้อหาระบุว่า ช่วงการเลือกตั้งเคยได้รับเงินจากบุคคลปริศนา 15 ล้านบาท เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งแต่ตอนนี้บุคคลผู้นี้ กำลังถูกตำรวจตรวจสอบเกี่ยวกับโควตาสลากฯ จึงเกรงว่าบุคคลดังกล่าวจะอ้างชื่อ และทำให้การกวาดล้างกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวกับโควตาสลากฯ เสียหาย โดยนำเรื่องเงิน 15 ล้านบาท มาเปิดเผย
ช่วงหนึ่งเสียงแรมโบ้เล่าอย่างเคร่งเครียดว่า “มันมาหาพี่ มันเป็นเพื่อนพี่ แล้วมันก็อยู่ ตอนนั้นมันก็ไม่รู้ประวัติมันว่าเป็นเรื่องโควตาลอตเตอรี่ มันก็เอาเงินมาให้พี่ ช่วยพี่เลือกตั้ง 15 ล้าน พี่สู้กับโรงแป้งหมดเป็น 100 ล้าน” เนื้อหาเป็นไปในทำนองยืมสตางค์ และอีกฝ่ายจะช่วย โดยไปเอาจากน้อง
ส่วนช่วงท้ายคลิป จุรีพร สินธุไพร พูดว่า “พี่ต้องช่วยหนูนะ” ซึ่งอีกฝ่ายตอบว่า “พี่รับปากพี่ทำให้อยู่แล้ว พี่ต้องดูแลหนู” ซึ่งอาจเป็นเรื่องของสลากก็ได้
1) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แถลงชี้แจงกรณีคลิปเสียงที่อ้างว่า เป็นการสนทนาระหว่างดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กับนางจุรีพร สินธุไพร สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในลักษณะมีการขอโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล
โดยนายษิทรา เปิดเผยว่า ได้คลิปเสียงมาจากเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มไลน์ของตำรวจ และก่อนจะเผยแพร่ได้มีการพูดคุยกับนายเสกสกลแล้ว โดยได้รับคำตอบว่า คลิปเสียงดังกล่าวได้มาไม่ครบ แต่นายเสกสกล ยืนยันว่า เป็นการพูดคุยหยอกล้อกันเท่านั้น ส่วนจะมีการตัดต่อหรือไม่
ยังไม่ยืนยัน
นายษิทรา ระบุว่า สาเหตุที่นำมาเผยแพร่เพราะต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงิน 15 ล้านบาท ที่นำไปใช้ในการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายของ ป.ป.ช.หรือไม่
อีกทั้งในคลิปเสียงยังมีพาดพิงไปถึงการจับกุมบริษัทที่ซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์หลายแห่ง ซึ่งรวมไปถึงการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล
นายษิทรา ยังกล่าวถึงประเด็นเงินจำนวน 15 ล้านบาท ที่มีการพาดพิงว่า มีการขอยืมเงินไปใช้ในการเลือกตั้ง นายษิทรา อ้างว่า เป็นของคนชื่อน็อต ผู้บริหารกองสลากพลัส เพราะก่อนหน้านี้นายเสกสกล รู้จักกับน็อต มาก่อน
นายษิทรา ยังยืนยันว่า ในวงการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล มีโควตาการจัดสรรที่ไม่เป็นธรรม มีเจ้าพ่อเจ้าแม่ ที่ดูแลโควตาหวย ซึ่งการออกมาเผยแพร่ข้อมูลนี้ ไม่กังวลว่าจะถูกฟ้อง แต่ทำเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ค้าสลากรายย่อย
“มีคนโทรศัพท์มาขอให้ลบคลิปต่างๆ แต่ได้ยืนยันว่า ไม่สามารถลบคลิปดังกล่าวได้”
สำหรับประเด็นที่นายเสกสกล จะดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่นั้น นายษิทรา ระบุว่า คงไม่สามารถดำเนินคดีกับเพื่อนของตัวเองที่ส่งต่อข้อมูลนี้ได้ เพราะก่อนหน้านี้นางจุรีพร อ้างว่า ลูกน้องตัวเองแอบอัดเสียงไว้
2) คำถามของผมก็คือ มีใครฟังแล้วรู้สึกว่าพวกเขาแค่หยอกล้อกันบ้าง มีเรื่องที่ต้องทำให้กระจ่างมากมาย อาทิ
ใครบริจาคเงินมา 15 ล้านบาท ใช้ในการเลือกตั้งใช้อย่างไร สำแดงต่อ กกต. หรือไม่ ทำไมต้องกลัวว่า เมื่อตำรวจเข้าไปปราบ ฝ่ายนั้นจะแฉเรื่องเงิน 15 ล้าน เป็นการโทร.มาขอหยิบยืมเงินจุรีพรไปเคลียร์หรือเปล่า และจุรีพรฝากให้ดูแลเรื่องอะไร ไอ้ที่บอกว่า “สู้กับโรงแป้ง” จะให้ตีความว่า “มันคือแป้ง” หรือเป็นโรงแป้งจริงๆ แล้วเป็นแป้งอะไร โรงไหน สู้อะไรกัน
3) วันที่ 5 เม.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงคล้าย นายเสกสกล อัตถาวงศ์
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการจับกุมสลากกินแบ่งรัฐบาลมีความคืบหน้าอย่างไร ว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมก็ว่าไปตามขั้นตอน ถ้ามีปัญหาก็ต้องมาดูว่าปัญหามันคืออะไร อย่าลืมว่าคณะทำงานชุดนี้ทำงานกันหลายคน อย่างไรก็ตามหากมีอะไรก็ให้ไปถาม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
4) วันก่อนหน้านี้ ท่านให้สัมภาษณ์ว่า นายเสกสกล ได้ชี้แจงไปแล้ว และตนก็ได้เรียกมาสอบถามแล้วเช่นกัน โดยได้มีการชี้แจงออกไป และทั้งหมดนายเสกสกล ก็ยอมรับว่า ถ้าผิดกฎหมายก็ยอมรับทุกอย่าง โดยนายเสกสกลได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการที่เขาทำ และพฤติกรรมที่ผ่านมาในอดีต ก็ขอให้ดูสิ่งที่เขาทำในวันนี้ และตนก็ให้โอกาสเขา และเขาก็ไม่ได้ทำคนเดียวคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมา มีทั้ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผบ.ตร. รวมทั้งหน่วยงานอีกจำนวนมาก และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ได้เข้าไปช่วยกันทำ ก็ต้องไปดูว่าประเด็นที่ทำนั้นทำเพื่ออะไร เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่ต้องการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาปกติ ก็ต้องไปดูว่าเกี่ยวพันกับอะไรบ้าง และผิดกฎหมายตรงไหน เพราะฉะนั้นเรื่องเก่ากับเรื่องใหม่อย่าเพิ่งเอามาปนกันวันนี้ก็เห็นฟ้องร้องกันเยอะแยะ ซึ่งตนได้บอกไปว่าให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด และตนก็ไม่ละเว้นถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเสกสกลได้กำชับไปแล้ว
เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวหรือไม่เพราะขณะนี้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการแก้ปัญหาสลากแพงนายกฯ กล่าวว่า “ไม่เชื่อมั่น ใครล่ะที่ไม่เชื่อมั่น ตอนนี้เมื่อเป็นเรื่องขึ้นมาก็มีการชี้แจงกฎหมายก็เข้าไปตรวจสอบจริงหรือไม่เขาแก้ปัญหากันอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ก็ฟังทั้ง 2 ทางสิ ในเรื่องของการบริหารและถ้ามันผิดกฎหมายก็ไม่เอาใครไว้ทั้งนั้นแหละ”
เมื่อถามว่า เป็นการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า คิดเองก็ตอบเอง ก็รู้คำตอบอยู่ ทุกเรื่องมันการเมืองทั้งหมดนั่นแหละ ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาทำกันตอนนี้ ประเทศชาติกำลังมีปัญหาอยู่ ตนก็พยายามทำให้ดีที่สุด ก็สุดแล้วแต่สังคมจะว่ายังไงก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า จะกลายเป็นเรื่องที่นำสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะไปขยายกันแค่ไหน ถ้าจะอภิปรายก็อภิปรายไป ตนชี้แจงได้ ก็ขอให้ฟังก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า นายเสกสกล ได้ชี้แจงเรื่องการจัดสรรโควตาสลาก ที่พูดในคลิปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ชี้แจงทั้งหมดที่ผ่านมาก็มีการชี้แจงทุกวันว่าทำอะไรไปถึงไหนอย่างไรซึ่งตนก็เช็คไปทางกองสลากฯและรัฐมนตรีที่กำกับดูแลก็ได้มีการรายงานเข้ามาก็ตรงกันทั้งหมด
เมื่อถามว่า ประชาชนจะมั่นใจได้หรือไม่ ว่า นายเสกสกล ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดสรรโควตา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ให้เขาพิสูจน์ตัวออกมาสิ ตอนนี้ก็ยังไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะมันทำงานร่วมกันอยู่ ถ้าใครไม่ดี ตรงนั้นมันก็ต้องลงโทษ หาวิธีการปรับเปลี่ยนอะไรก็ว่ากันไป งานใหญ่ก็อย่าทำให้เสียหายเท่านั้นเอง มันเป็นคนหนึ่งในคณะทำงานก็มีความตั้งใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกล่าว “โอ๊ะ ไม่เอาๆ”
5) นี่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผมเคยรู้จักและเลื่อมใส เมื่อครั้งใช้อำนาจตาม ม.44 ขึ้นบัญชีดำข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่แม้เพียงมีเรื่องครหาว่าอาจทุจริต เอาออกจากตำแหน่งก่อน พักงานก่อน แล้วให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้า หนึ่งในผู้ที่ถูกปลด คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. จากการเลือกตั้ง (ภายหลังสอบ ไม่พบความผิด ก็หาได้คืนเก้าอี้ให้ท่านไม่ยังคงให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นั่งเป็นผู้ว่าฯมาอย่างยาวนาน) ในเวลานั้น ทำไมท่านไม่เรียก “คุณชายสุขุมพันธุ์” ไปคุย แล้วปล่อย เหมือนที่ทำกับแรมโบ้ล่ะ พล.อ.ประยุทธ์ของผมคนนั้นท่านหายไปไหน
6) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ที่ถูกปลดเช่นกัน) ได้โพสต์ว่า “เรื่องแรมโบ้ ถูกผิดว่าไปตามกฎหมาย นายกฯ ว่าอย่างนั้น
1. หากใช้เงินซื้อเสียง ผิดแน่นอน ไม่ว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับเลือก ไม่มีอายุความ เปิด มาตรา 138 พ.ร.ป. สส. ดูได้ หาก กกต. สอบสวนแล้วเป็นจริง กกต. ต้องยื่นศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือ สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
2. หากสอบแล้วว่า มีการซื้อเสียง ยังมีโทษอาญา เท่ากับผิดมาตรา 73(1) ของ พ.ร.ป. สส. จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
3. จะใช้ 15 ล้าน หรือ 100 ล้าน เพื่อสู้ฝ่ายตรงข้ามในการเลือกตั้ง เท่ากับแจ้งบัญชีรายรับรายจ่ายหลังเลือกตั้งเป็นเท็จ ผิดมาตรา 155 วรรคสอง ผู้สมัครหรือ หากเกี่ยวข้องไปถึงหัวหน้าพรรค (ตอนนั้น คือ อุตตม) ต้องระวางโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
4. เรื่องนี้ หากเป็นข่าวครึกโครม ถือเป็นความปรากฏ ที่ กกต.สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณา โดยไม่ต้องมีผู้ร้องก็ได้ ยกเว้น กกต. ประเทศนี้ ไม่เคยฟังข่าว
5. ดีที่สุดกรณีนี้ ผู้มีส่วนได้เสีย คือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขต 10 นครราชสีมา ควรยื่นคำร้องให้มีการสอบสวนต่อ กกต. เพื่อเป็นต้นเรื่องดำเนินการ
6. กรณี กกต.ไม่หยิบยกขึ้นมาพิจารณา สามารถฟ้อง อาญา 157 แก่ กกต. ทั้ง 7 คนได้ โดยแจ้งความกล่าวโทษได้ทุกโรงพัก”
7) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่พูดถึงการใช้เงินระหว่างการเลือกตั้ง ว่า เนื่องจากยังไม่ได้รับทราบในรายละเอียดจึงไม่สามารถให้ข้อเท็จจริงอะไรได้ แต่ในทางปฏิบัติ กกต. ได้เริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเบื้องต้นแล้ว หากว่ามีมูลก็จะนำเข้าสู่ขั้นตอนสืบสวนไต่สวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ยืนยันว่าไม่ล่าช้าแน่นอน
ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่ได้ฟังคลิปเสียง นายเสกสกล แต่ตามกฎหมายการเลือกตั้ง ระบุว่า ห้ามใช้เงินหาเสียงเกิน 1.5 ล้านบาท หากเกินจะถือว่าเป็นมีความผิด เบื้องต้นกรณีของ นายเสกสกล อาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้ง สส. มาตรา 73 (1) ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใด ให้ เสนอให้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่คำนวณเป็นเงินได้ รวมถึงอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
ครับ, แรมโบ้คือ “ไข่ในหิน” หรือ “ผู้ถือกล่องดวงใจ” อย่างเห็นได้ชัด กรณีที่เกิดขึ้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ท่านจะ “แบกรับ” น้องรักของท่านไว้ก็ให้ท่านร่วมรับผลของท่านไป พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไรต่อไป จับตา “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว ว่าจะเดินเข้าพรรคนี้ที่ “แรมโบ้” เปิดประตูรอหรือไม่
และนายกฯ จะอาศัยกระบวนการตรวจสอบใดทำความจริงเรื่องคลิปเสียงให้กระจ่าง หรือปล่อย“เกียร์ว่าง”แบบ “ให้โอกาสเขา” อย่างที่แสดงออกมาโปรดจับตาดู “บรรทัดฐาน” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ 2”ท่านนี้กันครับ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี