วันอังคาร ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันอาทิตย์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ขั้นตอน ลีลา อารมณ์ กรณี ‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’

ดูทั้งหมด

  •  

เริ่มต้น ผมขอให้หลักว่า การล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าในขั้นลวนลามหรือถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเรา เป็นสิ่งเลวร้าย ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นความเลวทรามที่เกินกว่าสังคมมนุษย์จะปกป้องหรือเข้าข้าง

ผมชอบที่ “สารส้ม” คอลัมน์ “กวนน้ำให้ใส” หนังสือพิมพ์แนวหน้า กล่าวถึงกรณี “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกล่าวหาและแจ้งความดำเนินคดี ว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยทนายษิทราเบี้ยบังเกิด และ “เหยื่อของการกระทำ” ไว้เมื่อวันก่อนว่า


“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว สังคมไม่ควรด่วนพิพากษาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อย่าลืมว่า แม้แต่ทนายษิทราเอง ก็เคยออกมาเคลื่อนไหวในสังคมหลายต่อหลายครั้ง แล้วบางกรณีก็เคยคลาดเคลื่อนเหมือนกัน

...เมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดี พนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ละเอียดที่สุด เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะลำพังการกล่าวหา การบอกเล่า หรือการส่งข้อมูลเรื่องราวให้ทางไลน์ แล้วจะนำมาสรุปว่าทุกกรณีนั้น คือ ข้อเท็จจริงก็คงจะตื้นเขินเกินไป

...การพิสูจน์ความจริง จะต้องดำเนินการเป็นกรณีๆ ไป มิได้หมายความว่า ทำผิดกรณีหนึ่ง แล้วทุกกรณีจะเป็นความจริงเสมอไป ตรงกันข้าม เมื่อพบว่าบางกรณีเป็นเท็จ ก็ไม่ได้หมายความว่า กรณีอื่นๆ จะไม่จริง แต่ละกรณี จะต้องสืบสาวข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน เพื่อชี้ชัดว่า ความจริงเป็นอย่างไร? มีการคุกคามจริงหรือไม่? มีการสมยอมหรือไม่? มีการปั้นเรื่องใส่ร้ายหรือไม่? ฯลฯ ซึ่งจะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน วันเวลาสถานที่เกิดเหตุ บริบทของเหตุการณ์ คำให้การของตัวละครที่เกี่ยวข้อง ความสอดรับกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อาทิ ภาพจากกล้องวงจรปิดในอาคารสถานที่เกิดเหตุ มันสอดรับกับคำกล่าวหาแต่ละกรณีหรือไม่ เป็นต้น

...กลับมาที่กรณีรองหัวหน้าพรรคการเมือง ถ้าข้อกล่าวหาเป็นจริง ไม่ใช่แค่หมดอนาคตทางการเมือง แต่ส่อจะต้องเข้าคุกเข้าตะราง ตรงกันข้าม ถ้าไม่จริง ทนายความที่แฉ ถึงขนาดยกเอาเรื่องที่ส่งข้อมูลให้ทางไลน์ออกมาสำทับแบบนี้ ก็ไม่ควรมีที่ยืนเช่นกัน”

นั่นคือ “หลักการ” ที่ผมเห็นด้วย และคิดว่า ถูกต้องที่สุด มีสติที่สุด เป็นกลางและเป็นธรรมที่สุด!

คราวนี้ เรามาดูลีลาและขั้นตอนการ “ปล่อยข้อมูล” ของทนายความฝ่ายกล่าวหากัน คงทราบกันนะครับ ว่าเขา “เล่นกับสื่อ” โดยเฉพาะสื่อโซเชียลเก่งมาก แทนที่เขาจะนำเรื่องเข้าสู่ “กระบวนการยุติธรรมไปตามลำดับ” เขากลับเล่นกับโซเชียลก่อน และชี้นำบ่อยมาก เรื่อง “พ่อใหญ่มาก” อีกทั้งข้อมูลจำนวนหนึ่งเป็น “ข้อมูลบอกเล่า” ที่มีแต่เรื่อง แต่ไม่มีการปรากฏตัวของผู้เสียหาย

1.เริ่มจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาเปิดเผยว่ามีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม โดยหลอกว่าจะพามาคุยเรื่องงานและสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริงกลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆ นานา ซึ่งได้แนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีและเก็บหลักฐานไว้พร้อมหมดแล้ว

2.นายษิทรายังโพสต์ข้อความอีกว่า “พรรค...ครับ คนนี้พ่อใหญ่มาก ดังระดับโลก” พร้อมไอคอนรูปแมลงสาบ และกล่าวอีกว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องหลักฐานนะครับ ถ้ามาหาทนายตั้มแล้วหายห่วง”

3.ต่อมา นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนั้น และไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ตนรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป และไม่ได้ทำในสิ่งที่มีการกล่าวหา “เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร ดังนั้น ผมจะขอชี้แจงทีเดียว โดยการแถลงข่าว ซึ่งขอเวลาภายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้จะออกมาชี้แจง”

4.เฟซบุ๊ค “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” โพสต์ข้อความระบุว่า “ค้นประวัติรองหัวหน้าพรรคคนนี้ไม่ธรรมดา เคยก่อเหตุลักษณะนี้กับหญิงไทยอายุ 18 ปี 2 คนที่ประเทศอังกฤษสุดท้ายเรื่องเงียบเพราะพ่อใหญ่มากในเวลานั้น และทำแบบนี้กับอีกหลายคนในประเทศไทย ผมถือว่าเป็นภัยสังคมมากเลยนะครับ”

5.นอกจากนี้ นายษิทรายังแคปฯ ข้อความจากกล่องข้อความที่ส่งเข้ามาโดยตรง ระบุว่า “ผมอยากมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากได้ยินเรื่องทำนองนี้มาจากเพื่อนผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นักศึกษาการเงิน ซึ่งเข้าใจผิดว่านายผู้นี้มีความรู้และเป็นคนดี เลยมีการไปฝึกงานและสัมภาษณ์งานกับนายผู้นี้ แต่สิ่งที่เพื่อนผมเจอกลับกลายเป็นการแต๊ะอั๋ง พูดจาไม่เหมาะสม รวมถึงการทักไลน์มาอย่างไม่เหมาะสม (ทั้งก่อนและหลังที่นายคนนี้จะแต่งงาน) คนในวงการหุ้นส่วนใหญ่รู้ชื่อเสียงด้านลบนายคนนี้อยู่แล้ว รวมถึงสาเหตุที่นายคนนี้ต้องลาออกจากการเป็น head โบรกเกอร์แห่งหนึ่ง เพราะถูกจับได้เรื่องไม่เหมาะสมพวกนี้แบบมีหลักฐาน ไม่ทราบคุณทนายรู้หรือไม่ว่านายคนนี้เคยโดนจับคดีข่มขืนที่อังกฤษมาแล้ว มีข้อมูลลงข่าวปี 2003 แต่เพราะพ่อเส้นใหญ่ เรื่องเลยจบไป”

6.รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กรณีที่ผู้เสียหายร้องเรียนต่อทนายตั้มว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลามนั้น เป็นเยาวชนอายุ 18 ปี กำลังศึกษาแบบสะสมหน่วยกิตในระดับปริญญาตรี หรือ พรีดีกรี (Pre-Degree) เทียบเท่าชั้นปีที่ 4มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เยาวชนรายนี้รู้จักกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ในงานอบรมเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนและเศรษฐศาสตร์แห่งหนึ่ง กระทั่งได้ติดต่อกัน เยาวชนรายนี้ได้ขออนุญาตแม่ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารกึ่งผับอโบฟ อีเลฟเว่น ชั้นดาดฟ้าโรงแรมเฟรเซอร์ สวีทส์ ซอยสุขุมวิท 11 เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่ได้คุยเรื่องเศรษฐกิจหรือการลงทุน แต่กลับพูดจาเกี่ยวกับเรื่องเพศก่อนจะหอมมือ หอมแก้ม จับก้น แถมขณะขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินยังลวนลามอีก หลังเกิดเหตุเยาวชนรายนี้ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังด้วยความหวาดกลัวแล้วร้องไห้ตลอดเวลา กระทั่งแม่ได้ติดต่อนายษิทราผ่านไลน์แอด (LINE@) เพื่อขอคำปรึกษา จึงแนะนำให้แม่ไปแจ้งความ ต่อมาแม่ได้พาเยาวชนรายนี้ไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา

7.นายษิทรายังเฟซบุ๊คไลฟ์ระบุว่า ยังมีผู้เสียหายอีกเกือบสิบคนที่เป็นเหยื่อของรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ทักเข้ามาในไลน์แอด หลังจากที่เปิดประเด็นไม่ถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งร้านอาหารดังกล่าวไม่ใช่รายแรกที่พามา แต่ยังมีเหยื่ออีกหลายคนที่พามาที่นี่ เช่น ผู้เสียหายรายหนึ่งเคยถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่เข้ามาจีบ ชวนไปกินข้าวและไปที่อพาร์ตเมนต์ พอไปถึงก็ลวนลามต่างๆ นานา โดยไม่ยินยอมจึงได้หลบหนีออกไปแล้ว ด้วยความโกรธและกลัวก็เลิกคบกันไป หลังจากนั้นก็ได้ยินข่าวว่าไปทำกับผู้เสียหายคนอื่นๆ วันหนึ่งเห็นข่าวว่าถูกจับกุมและขึ้นศาลคดีข่มขืนเด็ก 2 กระทงที่บ้านพักในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ยุคนั้นไม่มีข่าวในสื่อไทยเลยมีแต่สื่อต่างประเทศ เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่สมัย 20 ปีที่แล้วจนตอนนี้ยังไม่เลิกสันดาน แม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็ตาม

ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งระบุว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตนเคยคบกับรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ตอนช่วงจะเรียนจบมีพฤติกรรมในช่วงที่กำลังทำวิจัยเพื่อเรียนจบปริญญาตรี สมัยที่รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่คนดังกล่าวเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (AVP) ธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าไปทำโปรเจกท์จบที่นั่นเขาก็มีทีท่าให้ความช่วยเหลือ ทำดีกับตน จนวันหนึ่งชวนไปคุยที่คอนโดมิเนียมเพราะไม่สะดวกออกมา ตนก็ไปเพราะคิดว่าจะช่วยเรื่องโปรเจกท์ พอไปถึงกลับถูกลวนลาม กอดจูบ และข่มขืนกระทำชำเรา ตนสู้แรงไม่ได้ ตอนนั้นกลัวเขามากเพราะพ่อเขาใหญ่จริง เขาพูดโชว์พาวฯ ว่าพ่อจะได้ขึ้นตำแหน่งตำแหน่งหนึ่ง ก็ได้แต่เงียบ

หลังจากนั้นเขาเหมือนจะคบกันแต่กลับพบว่าเป็นการไปหาในเวลาที่เขามีความต้องการทางเพศ ตนกลัวเขาไปพูดไปแบล็กเมล์มาตลอด และเขาจะชอบขึ้นเสียง พูดจาไม่ดี ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทุกครั้งที่โมโหจะพูดจาหยาบคาย สุดท้ายจะต้องไปหาเขาทุกครั้งเวลาที่เขาเกิดอารมณ์ทางเพศ และทุกครั้งที่ไปหา เขาจะแก้ผ้าล่อนจ้อนรอไว้ตลอด เมื่อไปถึงก็จะลากขึ้นเตียงเลย จะเลิกก็เลิกไม่ได้เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นคนที่จะเลิกเอง เราไม่มีสิทธิ์เลิก อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ทั้งที่ใจไม่ได้รัก แต่กลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะพ่อมีฐานะทางสังคม จึงต้องเงียบและจำยอมมาตลอด

วันหนึ่งเขาบังคับให้ไปหาตอนกลางคืน ต้องโกหกพ่อแม่ว่าไปหาเพื่อน แล้วทำโทรศัพท์หายในแท็กซี่ คืนนั้นเขากักขังไว้ในคอนโดฯ ไม่ให้กลับบ้าน ไม่ให้ติดต่อพ่อแม่ และปล่อยกลับมาอีกที 5 โมงเย็นของอีกวันหนึ่ง ตนจึงให้พี่สาวไปเคลียร์กับเขาเพราะอยากจะเลิก เขาไม่ยอมเลิก เมื่อไปสืบพบว่าติดคดีข่มขืนที่ประเทศอังกฤษ แต่ข่าวปิดเงียบ ทำอะไรไม่ได้ ทุกข์มาก จึงต้องหนีไปเรียนที่ออสเตรเลีย จึงเลิกกับเขาได้ ผ่านไป 15 ปีเขายังทำแบบนี้ไม่มีเปลี่ยน น่าจะมีเหยื่อเยอะมาก แต่จะกล้าออกมากันไหม รับไม่ได้ถ้าเขาจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งใหญ่ทางการเมือง

ส่วนผู้เสียหายอีกรายหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยารักษาทุกวันถึงทุกวันนี้ ระบุว่า ทำงานอีเวนต์ เมื่อปี 2558 รู้จักกับรองหัวหน้าพรรค ใช้ชื่อปลอมว่า “ดุ๊ก” (Duke) ขอเจอขอเลี้ยงข้าว ตนปฏิเสธแต่ถูกตามตื๊อมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งมีโอกาสได้พบกัน ใช้จังหวะนั้นขึ้นไปที่อพาร์ตเมนต์ทาวเวอร์ พาร์คในซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลอกว่าจะขึ้นไปเอาของข้างบน ให้ขึ้นไปด้วย ปรากฏว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราทันที พยายามต่อสู้ขัดขืน แต่สู้แรงไม่ไหวถูกจับมือจนมือเขียว กระทั่งเขาสำเร็จความใคร่ ทีแรกมีความคิดว่าจะแจ้งความ แต่เขากล่าวว่าจะแจ้งความเหรอ รู้ไหมว่าพ่อเป็นใคร ถ้าแจ้งความครอบครัวน้องจะโดนอะไรบ้าง ปิดข่าวเอาเงินฟาดได้หมดอยู่แล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพิ่งจะเปิดปากบอกพ่อแม่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาแม่ทุบโต๊ะทำไมเป็นคนแบบนี้ กระทั่งไปทำงานที่พรรคการเมืองหนึ่ง เจอรองหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ก็พยายามหาเบอร์ใหม่จนเจอ ทักเข้ามาอีก ชวนไปกินข้าวอีก แต่ได้ปฏิเสธ ที่ย้อนแย้งก็คือ หลังก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเสร็จ ในโซเชียลฯ ของเขากลับโพสต์เรื่องธรรมะ เวลาตามตื๊อจะใช้แอปพลิเคชัน WhatsApp ในการตามตื๊อ มีการเคยนัดไปรับประทานข้าวที่ร้านอาหารกึ่งผับอโบฟ อีเลฟเว่น เวลาอยู่กับตนใช้ชื่อว่าดุ๊ก แต่พอสั่งสุรามาดื่มไม่ได้ใช้ชื่อดุ๊ก แต่เป็นชื่อจริงที่ทุกคนได้ยิน ผู้เสียหายจึงคิดว่าทำไมถึงโกหก

8.ที่สน.ลุมพินี นายษิทรา เดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า มีเหยื่ออีก 3 คนติดต่อตนเข้ามา ซึ่งมีอายุประมาณ 18 ปีทั้งหมด รายหนึ่งอยู่ที่ จ.ราชบุรี มีแม่ทำงานในพรรคเดียวกันกับผู้ก่อเหตุ อีกรายถูกข่มขืนจนต้องหนีไปประเทศอังกฤษ อีกรายโดนลวนลาม ซึ่งเหยื่อบางรายถูกพาขึ้นคอนโดส่วนตัวด้วย

นายษิทรา กล่าวอีกว่า หากนักการเมืองรายนี้ไม่กลัวความผิด เมื่อวานนี้จะพยายามโทรไปขอโทษผู้เสียหายและแม่เขาทำไม อยากให้ออกมาปฏิเสธ เพราะเชื่อว่าจะนำแชทของแม่ผู้เสียหายมาแสดง ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะทราบดังกล่าว นอกจากนี้ ตนเชื่อว่ามีเหยื่อรวมแล้วเกิน 10 คน ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2556 และเหยื่อรายล่าสุดคือเมื่อปีก่อน ทำให้ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือเป็นโรคซึมเศร้า โดยสถานที่ที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น จะใช้ร้านอาหารแห่งนี้นัดพบหลายครั้ง อีกทั้งผู้ก่อเหตุมักจะข่มขู่เหยื่อในทำนองว่า “รู้หรือไม่ว่าพ่อของตนเป็นใคร” จนทำให้เหยื่อหวาดและไม่กล้าแจ้งความ โดยนักการเมืองรายนี้มีรสนิยมชอบเหยื่อที่มีอาการขัดขืน ทั้งนี้ ขอให้เหยื่อรายอื่นๆ หากถูกกระทำในลักษณะนี้ให้มาแจ้งความเอาผิด เพราะโทษของคดีนี้มาอายุความถึง 20 ปี โดยส่วนตัวแล้วไม่กลัวจะถูกฟ้อง รวมถึงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ

9.วันที่ 15 เมษายน 2565 นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีหญิงสาวอีกหลายรายออกมาแจ้งความว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ ว่า บางคนที่ไปแจ้งความฟ้องร้องตนนั้น ยืนยันไม่เคยรู้จัก และไม่เคยพูดคุย แต่กลับมาหาเรื่องกัน และอยากให้สื่อมวลชนลองไปตรวจสอบดูให้ดีว่าคนที่มาร้องเรียนนั้นบางคนเป็นใคร มีประวัติ มีที่มาเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

“สำหรับคดีความของผมสมัยที่อยู่ในประเทศอังกฤษนั้น ศาลตัดสินยกฟ้องแล้วว่าไม่ได้กระทำผิด เรื่องจึงจบนานไปแล้ว แต่กลับมีคนหยิบยกมาเขียนกันอีก ซึ่งทำให้ผมได้รับความเสียหาย”นายปริญญ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ได้แจ้งหรือประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหรือไม่ว่าจะไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไปให้การเมื่อใดนายปริญญ์ กล่าวว่า ตนพูดแล้วว่ามีความบริสุทธิ์ใจ และได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯแล้ว และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นี่จึงบอกชัดอยู่แล้วว่าพร้อมไปชี้แจงทุกเมื่อ โดยมีข้อมูลทุกอย่างพร้อมหมด ซึ่งตนอยากให้ตำรวจฟังข้อมูลทั้งหมดจากตนก่อนไปพูดกับสื่อมวลชน ขณะเดียวกันอยากพูดทุกอย่างให้ทุกคนได้ฟัง

“ผมเชื่อว่าทั้งตำรวจ อัยการ และศาล ถ้าได้เห็นและรับฟังสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดก็จะได้รู้ว่าผมไม่ได้โกหก และไม่ได้ทำตามข้อกล่าวหา” นายปริญญ์ ระบุ

สรุป :: ข้อมูลบอกเล่าของทนายนั้น ก่อให้เกิด “ลูกขุนโซเชียลฯ” ตัดสินถูกผิดบนความเชื่อและความรู้สึกกันไปแล้ว โดยหาก “ข้อมูลบอกเล่า” เป็นจริง ก็นับว่าผู้ก่อเหตุเลวทรามและโรคจิตมาก ไม่อาจปฏิเสธความชั่วร้ายนี้ได้เลย ในความเห็นผม ต่อให้คดีที่มีการแจ้งความพิสูจน์ไม่ได้ หรือพิสูจน์แล้วไม่ผิด ปริญญ์ก็ไม่มีที่ยืนในสังคมแล้ว เพราะเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องเชิงจริยธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของสตรีเพศที่ถูกย่ำยี เป็นเรื่องที่กระทบอารมณ์คนมาก ตนถือสา และควรถือสา และเมื่อคนได้พิพากษาไปแล้ว คำพิพากษาของศาลมักไม่เคยลบล้างคำพิพากษาในใจของผู้คนได้

อีกมุมหนึ่งที่ควรติดตาม คือ “บรรทัดฐาน” ของพรรคประชาธิปัตย์ บัดนี้ยังไม่มีคำพูดใดของคนระดับ “หัวหน้าพรรค” และ “เลขาธิการพรรค” ปักหมุด ปักหลัก บรรทัดฐานของพรรคให้ปรากฏเลย มีเพียง นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่กระทบในส่วนของพรรค แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ ส่วนจะมีการตั้งกรรมการสอบในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ที่จะเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ หากพิจารณาเห็นแล้วว่า นายปริญญ์มีความผิดจริงกรณีดังกล่าวโทษสูงสุดถึงขั้นขับออกจากพรรค ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญและเน้นหนักมาโดยตลอดในเรื่องสิทธิสตรีเป็นสำคัญ

ด้าน นางสาวรัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคสนับสนุนให้ผู้เสียหายจากการถูกคุกคามหรือล่วงละเมิด ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินการ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าโดยเร็ว อีกทั้งขอยืนยันว่า พรรคจะไม่แทรกแซง หรือดำเนินการใดที่เป็นการปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน

พรรคยังคงยึดมั่นในจุดยืนเรื่องการต่อต้านการคุกคาม/ล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว การเลือกปฏิบัติ โดยพร้อมรับฟังข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอจากประชาชน อีกทั้งมีทีมนักการเมืองหญิงที่ได้ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็งมาอย่างยาวนาน ให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในทุกกรณี โดยเฉพาะด้านกฎหมาย เพื่อร่วมกันเป็นกลไกในการยุติปัญหาสังคมดังกล่าว

โปรดติดตาม : ทนายคงมีเรื่องเล่ารายวัน, ปริญญ์คงเงียบซึ่งยิ่งทำให้คนเชื่อว่าเขาทำจริง สำคัญคือพรรคไม่ควรเงียบ แม้ปริญญ์จะลาออกจากทุกตำแหน่งแล้ว แต่พรรคควรสื่อสารเรื่องนี้กับสังคมโดยคนระดับหัวหน้าและเลขาฯ เพื่อยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์มีมาตรฐานทางจริยธรรมอยู่ตรงไหนกับเรื่องแบบนี้

อย่าให้ “สตรีดีๆ ในพรรค” ต้องกระอักกระอ่วนใจเลย!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:01 น. 'รมว.ยุติธรรม'เปิดห้องแล็บโชว์สื่อฯ ชู'สถาบันนิติวิทยาศาสตร์'ศูนย์กลางตรวจยาเสพติดทันสมัยที่สุดในอาเซียน
21:54 น. เคลียร์ชัด!!! ‘ตาเมือนธม’ขึ้นทะเบียนก่อน‘กัมพูชา’เป็นเอกราช
21:26 น. ‘ป.สามสี’ชักธงรบ! ‘ช่องบก’ตัวจุดชนวน ‘ศักดิ์ศรีไทย’ที่จะถอยไม่ได้
21:00 น. 'แพทย์รามาธิบดี รุ่น 18' แนบ 55 รายชื่อ ประกาศหนุนมติ'แพทยสภา'
20:25 น. 'ต้อม รัชนีกร'หวนคืนวงการ! หลังหายไป 2 ปี พิษศัลยกรรมทำไม่กล้าเจอใคร
ดูทั้งหมด
'เจิมศักดิ์'บอก'ออกอาการแล้ว' หลัง'ทูตรัศม์'โพสต์ป่วยจิตวิปลาส ปลุกหมอล้มรัฐบาลเลือกตั้ง
ประวัติศาสตร์!เชลซี ทีมแรกกวาดทุกแชมป์ถ้วยยุโรป
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2568
‘หมอตุลย์’ไขข้อข้องใจ แพทย์ตั้งใจรักษา‘ทักษิณ’ทำไมถูกลงโทษด้วย
ประเทศประหลาด? ตำนานนักวิ่ง'เรวดี ศรีท้าว'ตั้งคำถาม ความเสื่อมโทรมในสังคม
ดูทั้งหมด
ชีวิตชราชน คนเดินดิน กินข้าวแกง ด้วยความรัก พอเพียง ใจสุขสงบ 2
พ่อมดกับการเมือง(1)
ฮุนเซน กำเริบเสิบสาน
บุคคลแนวหน้า : 2 มิถุนายน 2568
ทักษิณเข้าคุก หรือไม่ ทุกฝ่ายต้องเคารพศาล
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี แห่งภูฏาน เสด็จเยือนสนามกอล์ฟ Stonehill จ.ปทุมธานี เป็นการส่วนพระองค์

เคลียร์ชัด!!! ‘ตาเมือนธม’ขึ้นทะเบียนก่อน‘กัมพูชา’เป็นเอกราช

‘ป.สามสี’ชักธงรบ! ‘ช่องบก’ตัวจุดชนวน ‘ศักดิ์ศรีไทย’ที่จะถอยไม่ได้

'แพทย์รามาธิบดี รุ่น 18' แนบ 55 รายชื่อ ประกาศหนุนมติ'แพทยสภา'

'ต้อม รัชนีกร'หวนคืนวงการ! หลังหายไป 2 ปี พิษศัลยกรรมทำไม่กล้าเจอใคร

ฟ้องแน่! 'อั้ม อิราวัต'ลั่นเจอกันในศาล 'อาร์ต พศุตม์'โต้กลับท้าเปิดชื่อ

  • Breaking News
  • \'รมว.ยุติธรรม\'เปิดห้องแล็บโชว์สื่อฯ ชู\'สถาบันนิติวิทยาศาสตร์\'ศูนย์กลางตรวจยาเสพติดทันสมัยที่สุดในอาเซียน 'รมว.ยุติธรรม'เปิดห้องแล็บโชว์สื่อฯ ชู'สถาบันนิติวิทยาศาสตร์'ศูนย์กลางตรวจยาเสพติดทันสมัยที่สุดในอาเซียน
  • เคลียร์ชัด!!! ‘ตาเมือนธม’ขึ้นทะเบียนก่อน‘กัมพูชา’เป็นเอกราช เคลียร์ชัด!!! ‘ตาเมือนธม’ขึ้นทะเบียนก่อน‘กัมพูชา’เป็นเอกราช
  • ‘ป.สามสี’ชักธงรบ! ‘ช่องบก’ตัวจุดชนวน ‘ศักดิ์ศรีไทย’ที่จะถอยไม่ได้ ‘ป.สามสี’ชักธงรบ! ‘ช่องบก’ตัวจุดชนวน ‘ศักดิ์ศรีไทย’ที่จะถอยไม่ได้
  • \'แพทย์รามาธิบดี รุ่น 18\' แนบ 55 รายชื่อ ประกาศหนุนมติ\'แพทยสภา\' 'แพทย์รามาธิบดี รุ่น 18' แนบ 55 รายชื่อ ประกาศหนุนมติ'แพทยสภา'
  • \'ต้อม รัชนีกร\'หวนคืนวงการ! หลังหายไป 2 ปี พิษศัลยกรรมทำไม่กล้าเจอใคร 'ต้อม รัชนีกร'หวนคืนวงการ! หลังหายไป 2 ปี พิษศัลยกรรมทำไม่กล้าเจอใคร
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

‘ฮุนเซน’ กร่าง...‘ไทย’ กระจอก

‘ฮุนเซน’ กร่าง...‘ไทย’ กระจอก

1 มิ.ย. 2568

ลีลา...กว่าจะ ‘ยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์’

ลีลา...กว่าจะ ‘ยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์’

28 พ.ค. 2568

อย่า‘สอพลอนาย’จนกลายเป็น‘มิจฉาชีพ’

อย่า‘สอพลอนาย’จนกลายเป็น‘มิจฉาชีพ’

25 พ.ค. 2568

เข้าคุกเถอะ ‘ทักษิณ ชินวัตร’

เข้าคุกเถอะ ‘ทักษิณ ชินวัตร’

21 พ.ค. 2568

เงิน พระ สีกา และการพนันออนไลน์

เงิน พระ สีกา และการพนันออนไลน์

18 พ.ค. 2568

มีเรื่องให้ต้อง ‘เอ๊ะ’

มีเรื่องให้ต้อง ‘เอ๊ะ’

14 พ.ค. 2568

สังคมที่ ‘ชิงชัง’ ทักษิณ ชินวัตร? แต่ละคนจะช่วยชาติได้อย่างไร

สังคมที่ ‘ชิงชัง’ ทักษิณ ชินวัตร? แต่ละคนจะช่วยชาติได้อย่างไร

11 พ.ค. 2568

‘พีระพันธุ์’ จะรอดหรือจะร่วง

‘พีระพันธุ์’ จะรอดหรือจะร่วง

7 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved