ในห้วงเวลาที่ คสช. ยึดอำนาจ ถูกประเทศตะวันตกแซงก์ชั่นนานาประการ ถึงขั้นเตรียมจะยึดทรัพย์ คสช. ในยามนั้นรัฐบาลได้ยกระดับความร่วมมือกับประเทศตะวันออก โดยเฉพาะจีน รัสเซีย อินเดีย อิหร่าน และประเทศอาเซียนเพื่อบรรเทาผลร้ายจากแรงกดดันของมหาอำนาจตะวันตก
หนึ่งในโครงการใหญ่ของความร่วมมือก็คือข้อเสนอของฝ่ายไทยโดยบุคคลสำคัญระดับสูงมากต่อกรรมการกรมการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2558
หลังจากนั้นจีนได้รับสนองความริเริ่มของฝ่ายไทย ตั้งโครงการพัฒนาแม่น้ำโขงให้พ้นสภาพจากแม่น้ำแห่งอาชญากรรมและยาเสพติด เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาเพื่อประโยชน์ร่วมกันของ 6 ประเทศ โดยมีการประชุมที่เมืองซันย่า มณฑลไหหลำ และก่อตั้งปฏิญญาซันย่าขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามเข้าเป็นภาคีในปฏิญญาซันย่านั้น
ประเทศที่เป็นภาคีปฏิญญาซันย่าคือ 6 ประเทศที่มีส่วนได้เสียโดยตรงกับแม่น้ำโขง ได้แก่ จีนเมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม หรือที่เรียกว่า CLMVT
มีหลักการสำคัญคือพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้พ้นสภาพจากแม่น้ำแห่งอาชญากรรมและยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาของทั้ง 6 ประเทศที่แก้ไม่ตกมาเป็นเวลานาน
ให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพที่มีความสงบสุข สวยงาม และการพัฒนา
ในส่วนของการพัฒนานั้น มีหลักการใหญ่สองหลักคือ
หลักการที่หนึ่ง จีน ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศต้นแม่น้ำโขงจะร่วมกันบริหารจัดการให้มีการปล่อยน้ำจากต้นแม่น้ำโขงที่บริเวณพื้นที่รอยต่อจีนเมียนมา และลาว เพราะแหล่งน้ำต้นน้ำของแม่น้ำโขงนั้นมีต้นกำเนิดจากจุดนี้ คือมีน้ำจากประเทศจีน จากประเทศเมียนมา และประเทศลาว ไหลรวมลงที่แม่น้ำโขงตอนต้นน้ำ เพื่อทำให้แม่น้ำโขงสามารถใช้เดินเรือได้ตลอดทั้งปี
หลักการที่สอง จะร่วมกันขุดลอกแม่น้ำโขงให้มีร่องน้ำลึกและปลอดภัย สามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าระวางขับน้ำ 500 ตัน หรือสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ 50 ตู้คอนเทนเนอร์ และรองรับเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ในการขุดลอกแม่น้ำโขงนั้น ภาคีสมาชิกเห็นพ้องกันว่าประเทศจีนมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมทันสมัยและมีกำลังทางเศรษฐกิจที่จะทำการได้ จึงขอให้จีนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและดำเนินการขุดลอกแม่น้ำโขงทั้งหมด ซึ่งจะทำให้บรรดาเกาะแก่งที่ขัดขวางการเดินเรือถูกขุดลอกออกไป
ผลสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยก็คือจะทำให้เขตอธิปไตยของประเทศไทยในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอยู่ใต้บังคับสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ให้ถือเกาะแก่งใกล้ฝั่งไทยมากที่สุดเป็นเขตแดนไทย-ลาว ดังนั้นเมื่อเกาะแก่งขุดลอกออกไปแล้ว ผลบังคับของสนธิสัญญาดังกล่าวก็จะสิ้นสุดลง จะทำให้เขตอธิปไตยของประเทศไทย-ลาว กลับไปอยู่ที่ร่องน้ำลึกกลางแม่น้ำโขงตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ในระยะเริ่มการเจรจานั้นทางลาวไม่ยินยอมด้วยเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงผลบังคับตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ทว่าหลังจากฝ่ายจีนได้ชี้แจงให้ฝ่ายลาวได้ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความริเริ่มของจีน แต่เป็นความริเริ่มของบุคคลระดับสูงมากของไทย ซึ่งประชาชาติลาวทั้งปวงให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง
ลาวต้องเรียกประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ในช่วงนั้นท่านคำไต สีพันดอน เป็นประธานประเทศ และท่านทองลุน สีสุลิด เป็นนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการกรมการเมืองมีมติสนองความริเริ่มของฝ่ายไทย และเมื่อลงนามในปฏิญญาซันย่าแล้ว ในการปฏิบัติการในรายละเอียดนั้น ประเทศภาคีตกลงที่จะลงนามในการประชุมครั้งต่อไปที่กัมพูชา
แผนปฏิบัติการซันย่าที่จะลงนามกันนั้นเป็นแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการขุดลอกแม่น้ำโขง เกี่ยวกับการเดินเรือท่องเที่ยวยักษ์ เกี่ยวกับขนส่งสินค้าทางแม่น้ำโขง การตั้งท่าเรือสำหรับรองรับเรือท่องเที่ยวยักษ์ และการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าต่างๆ ทางแม่น้ำโขงว่าจะเป็นประการใด
ครั้นถึงกำหนดลงนามในแผนปฏิบัติการซันย่า ปรากฏว่าประเทศไทยเบี้ยวไม่ยอมลงนาม ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากความร่วมมือตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก จึงเกิดการพลิกผันขึ้น และเป็นเหตุให้ประเทศภาคีที่เหลือทั้ง 5 ประเทศได้ลงนามในแผนปฏิบัติการซันย่านั้น
โดยสรุปคือมีการขุดลอกแม่น้ำโขงในเขตอธิปไตยของเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ให้กว้างและลึกและปลอดภัย และมีการย้ายท่าเรือต่างๆ ตามร่างแผนปฏิบัติการเดิมไปอยู่ฝั่งลาวทั้งหมด รวมทั้งด่านศุลกากรและด่านเข้าเมืองด้วย
ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้รับผลประโยชน์จากแผนปฏิบัติการซันย่า ซึ่งขณะนี้ทั้ง 5 ประเทศที่เหลือได้ดำเนินการ
รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ให้สังเกตว่าในขณะที่พล่ามบ่นติเตียนกันว่าแม่น้ำโขงตื้นเขินเพราะมีการทำเขื่อนในแม่น้ำโขงนั้น ปรากฏว่าแม่น้ำโขงฝั่งนอกอธิปไตยของประเทศไทยมีน้ำเต็มเปี่ยม มีน้ำลึก สามารถเดินเรือท่องเที่ยวยักษ์และสามารถขนส่งสินค้าด้วยเรือระวางขับน้ำ 500 ตันได้ จึงมีการขนส่งสินค้ากันอย่างเอิกเกริก โดยประเทศไทยได้แต่พล่ามบ่นและยืนชะแง้ดูอยู่ริมแม่น้ำโขง
ประเทศไทยจึงไม่สามารถขนส่งสินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะสินค้าภาคเกษตรและผลไม้ไปยังประเทศจีนผ่านทางแม่น้ำโขงจากฝั่งไทยได้ จะต้องขนข้ามแม่น้ำโขง
ไปยังฝั่งประเทศลาวเพื่อผ่านด่านศุลกากร ด่านตรวจสอบพืชและโรคต่างๆ ทางฝั่งลาว ณ จุดที่ประเทศลาวกำหนดซึ่งขณะนี้ถูกกำหนดให้ไปขนส่งลงแม่น้ำโขงที่ด่านโมฮัน ซึ่งเป็นด่านชายแดนลาว-จีน ทำให้ประเทศไทยต้องประสบกับความยากลำบาก และเสียค่าใช้จ่ายและเวลาสูง ยังไม่รวมถึงการปิดด่านตามสะดวกของลาว-จีน
บัดนี้หายนะจากการสูญเสียโอกาสรับนักท่องเที่ยวทางแม่น้ำโขงและการขนส่งทางแม่น้ำโขงซึ่งประเทศไทยได้เปรียบและได้ประโยชน์สูงสุดไปแล้ว นั่นคือผลจากการเบี้ยวปฏิญญาซันย่า ซึ่งต้องมีผู้รับผิดชอบ
วันใดที่มีรัฐบาลที่รักชาติ รักประชาชน และเป็นไทแก่ตัว ไม่อยู่ใต้อาณัติของนาโต 2 ประเทศไทยจะต้องรีบเข้าร่วมปฏิญญาซันย่าให้เร็วที่สุดก่อนที่หายนะจะเกิดขึ้นมากไปกว่านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี