คุณทราบแล้วใช่ไหมว่า การจัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งล่าสุดนี้ต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณมากถึง 340 ล้านบาท (ตัวเลขจริงๆ คือ 343 ล้านบาท) ส่วนจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพคือประมาณ 4 ล้าน 3 แสน 7 หมื่นคน
เมื่อคุณทราบตัวเลขงบประมาณจัดการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว คุณคงรู้สึกเสียดายเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นอย่างมาก ใช่ไหม ดังนั้น เมื่อคุณรู้เช่นนี้แล้ว คุณก็สมควรจะต้องไปใช้สิทธิกันทุกคน (หากไม่ติดปัญหาสำคัญจริงๆ จนทำให้ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้)
ส่วนคุณจะตัดสินใจเลือกใครนั้น เป็นดุลพินิจของคุณโดยสมบูรณ์ ย้ำว่าเป็นดุลพินิจของคุณนะครับ แต่ถ้าหากคุณตัดสินใจเลือกโดยไม่ได้ใช้ดุลพินิจของคุณ ก็เป็นความรับผิดชอบของคุณเอง เหตุที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางรายไม่ใช้ดุลพินิจ แต่สนใจเพียงแค่ว่าจะได้ค่าตอบแทนการไปเลือกตั้งเป็นจำนวนเท่าไร โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายอย่างมหันต์ที่จะเกิดกับสังคมอันจะตามมาในภายหลัง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯคงทราบดีแล้วว่าเปิดหีบให้ลงคะแนนเสียงได้ตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกา โดยต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งที่กำหนดไว้ ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งข้ามเขตได้ และถ้าหากไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ต้องแจ้งเหตุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนและหลังวันเลือกตั้ง7 วัน และขอย้ำว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้เป็นการเลือกตั้งสองชนิด คือเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพและเลือกตั้งสมาชิกกรุงเทพ (สก.) เพราะฉะนั้น เวลากากบาทเลือกตั้งจึงต้องดูให้ดีก่อนว่าบัตรเลือกตั้งใบไหนเป็นของผู้ว่าฯ กรุงเทพ และใบไหนเป็นของสก.
ขอย้ำอีกทีว่า ชาวกรุงเทพฯ ไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมาแล้ว 9 ปี เพราะฉะนั้นเมื่อมีสิทธิ์แล้ว ก็ไม่ควรจะนอนหลับทับสิทธิ์เป็นอันขาด
มีผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพจำนวนทั้งหมด 31 ราย ประกาศว่าสังกัดพรรคการเมือง 6 ราย และสังกัดในนามอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมือง 25 ราย
(แต่บางรายก็อ้างไปเสมือนกับโกหกประชาชน ทั้งๆ ที่ประชาชนต่างรู้ดีว่ามีพรรคการเมืองใดหนุนหลัง) ส่วนบางคนก็สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเพียงเพื่อให้ตนเองมีชื่อเป็นข่าวว่าลงสมัครชิงตำแหน่ง เพราะต้องการนำรูปภาพขนาดใหญ่ของตัวเองไปติดบนโปสเตอร์หาเสียง แล้วนำโปสเตอร์ไปติดตามสถานที่สาธารณะเท่านั้น บางคนสมัครชิงตำแหน่งนี้ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่มีวันได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพ ส่วนสก.มีผู้สมัครทั้งสิ้น 382 ราย สังกัดพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง 346 ราย อิสระ 36 ราย
เขตที่มีหน่วยเลือกตั้งจำนวนมากที่สุดคือ เขตคลองสามวา มีทั้งหมด 247 หน่วย ส่วนเขตสัมพันธวงศ์มีหน่วยเลือกตั้งน้อยที่สุดคือ 26 หน่วยเท่านั้น ทั่วทั้งกรุงเทพฯ
มีหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 6,817 หน่วย ใช้บุคลากรในการเลือกตั้งจำนวนทั้งหมด 167,298 ราย
ขอย้ำว่า มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพ ครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 คือเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2556 และ
มีการเลือกตั้งสก. ครั้งสุดท้ายคือ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2553
คนกรุงเทพห่างเหินการใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมา 9 ปีกว่า และไม่ได้เลือกตั้งสก. มาเกือบ 12 ปี เพราะฉะนั้น ขอย้ำอีกทีว่าอย่าให้การเลือกตั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 เสียของ เสียงบประมาณ และเสียจนไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพเมื่อปี 2556 มีผู้ไปใช้สิทธิประมาณ ร้อยละ 64 จำนวนผู้มีสิทธิฯ ทั้งหมดคือ 4,244,645 คน มีจำนวนบัตรดี ร้อยละ 97 บัตรเสีย ร้อยละ 1 ไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร ร้อยละ 2
ส่วนครั้งนี้กรุงเทพมหานครตั้งเป้าให้มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ70 และคาดว่าจะสามารถทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการได้ก่อนเวลา 24 นาฬิกาของวันนี้ 22 พฤษภาคม
คราวนี้เราลองมาดูนโยบายที่ใช้เพื่อการหาเสียงของผู้ชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพหลายราย (โดยเฉพาะผู้ที่หาเสียงเป็นประจำ) เราจะพบว่าผู้สมัครแต่ละรายจะอ้างเหมือนๆ กันว่าต้องการช่วยให้คนกรุงเทพมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันดีขึ้น มีการศึกษาดีขึ้น มีระบบสาธารณสุขดีขึ้น มีระบบการขนส่งมวลชนดีขึ้น
ดังนั้นวิญญูชนที่ติดตามข่าวการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพ จึงพบถ้อยคำที่ใช้หาเสียง ดังต่อไปนี้เปลี่ยนกรุงเทพ ชนทุกปัญหา สร้างสังคมที่คนเท่าเทียมกัน กรุงเทพต้องดีกว่าเดิม จะทำในสิ่งที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพไม่เคยทำ สร้างเมืองให้น่าอยู่สำหรับทุกคน กรุงเทพ 24 ชั่วโมง ทำให้ค่ารถไฟฟ้าตลอดสายเหลือ 20 บาทปราบคอร์รัปชั่นให้หมดจากกรุงเทพ และอีกสารพัดคำพูด และคำโฆษณาชวนเชื่อที่ต่างฝ่ายต่างยกมากล่าวอ้าง บางรายก็อ้างว่าจะแจกเงินให้หน่วยงานต่างๆ บางรายก็โฆษณาว่าจะแก้ปัญหาความอดอยากหิวโหย บางรายก็อ้างว่าจะปรับปรุงทางเท้า และทางม้าลายให้ดีกว่านี้ (ทั้งๆ ที่เรายังคงเห็นคนบางจำพวกขับรถยนต์แล้วไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย และเห็นว่ามีจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้า แถมยังด่าทอทะเลาะวิวาทกับผู้เดินเท้าบนทางเท้า) และยังคงพบเห็นว่ามีการยึดพื้นที่ทางเท้าเป็นร้านขายของแบบถาวรตลอดชีพ รวมถึงมีการจอดรถยนต์เพื่อขายของต่างๆ บนผิวการจราจรในเขตชุมชนที่มีปัญหาการจราจรติดขัด
แต่ในช่วงระยะหลัง เมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้งเข้าไปทุกขณะก็จะพบว่ามีผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการบางรายต้องไปดึงเอาอดีตนักการเมืองบ้าง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองบ้าง รวมถึงดึงเอานักข่าวอาวุโสชนิดที่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเมืองแบบลึกซึ้ง รวมถึงดึงเอาคนที่เป็นพวกขยันวิพากษ์สังคมไทยมาช่วยหาคะแนนเสียงให้ แต่ที่น่าตลกคือมีการออกป้ายหาเสียงในระบบ Social Media ว่า ไม่เลือกดิฉัน เขา (หมายถึงคนที่มีคะแนนเสียงนำในการทำโพลล์ต่างๆ)มาแน่
ก็ต้องบอกว่าแม้ประเทศไทยจะดูเสมือนว่ามีความเจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีทันสมัยมากมาย แต่ทว่าการหาเสียงทางการเมืองก็ยังคงเป็นแบบเก่าๆ เดิมๆ ไม่สร้างสรรค์ แม้ผู้ชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพหลายคนจะอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีความก้าวหน้ามากมาย มีความคิดสร้างสรรค์สุดๆ แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อดูจากกรรมวิธีหาเสียงก็ยังคงหนีไม่พ้นรูปแบบเก่าๆ แม้กระทั่งการติดป้ายโฆษณาหาเสียง ก็ยังคงเป็นรูปแบบเก่าๆ ที่ยังคงสร้างความรกรุงรัง ทำความสกปรกให้สังคม แถมบางป้าย
ยังเป็นอันตรายต่อประชาชนที่สัญจรไปมา หลายรายยังใช้รถแห่หาเสียงที่สร้างความเอะอะเอ็ดตะโรราวกับว่ายังอยู่ในยุค 40-50 ปีก่อน
เมื่อเราได้เห็นชัดแล้วว่า คำอ้างสารพัดชนิดของเหล่าบรรดาผู้ประสงค์จะได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯยังเป็นเสมือนคำโฆษณาชวนเชื่อ แต่ก็ต้องย้ำว่าบางราย (หลายรายด้วย) หาเสียงไม่ต่างไปจากการจงใจโกหกประชาชน บางรายก็ใช้การหาเสียงด้วยวิธีการเอาภาพนักการเมืองหน้าเก่าแสนโบราณ มิหนำซ้ำยังมีประวัติด่างพร้อมจนเกือบเข้าขั้นโสโครกมาประกอบกับหน้าของตนเอง เสมือนกันต้องการประจานตัวเองให้สังคมรู้ว่าหากไม่นำภาพหน้าตาของนักการเมืองโบราณมาประกบกับภาพของตนแล้ว จะไม่มีประชาชนคนใดรู้จักตน เพราะฉะนั้นจึงต้องยอมเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรีด้วยการนำภาพคนอื่นๆ มาประกอบกับภาพของตนเอง
แน่นอนว่ากรุงเทพเป็นเมืองใหญ่ เป็นมหานครที่มีผู้คนมากมายมหาศาลเข้ามาพักอาศัย และทำมาหากิน มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์มากมาย แต่มีต้นไม้และพื้นที่สีเขียวน้อยมาก มีปัญหามลพิษสารพัดชนิด ปีป้ายโฆษณาจำพวกทัศนอุจาดเต็มเมือง บ้านเมืองไร้ระเบียบ ไม่มีการจัดผังเมืองให้ชัดเจน หรืออาจจัดผังเมืองแล้ว แต่ไม่มีการบังคับใช้ให้จริงจัง และยังมีคนจนจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ในกรุงเทพ แล้วก็ยังมีอีกสารพัดปัญหาที่รอการแก้ไข และขจัดให้หมดสิ้นไป
ป้ญหาเหล่านี้รอการแก้ไขจากผู้ว่าราชการกรุงเทพที่มีสติปัญญา มีวิสัยทัศน์ มีความตั้งใจจริง แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่มีวันถูกแก้ไขหรือกำจัดให้หมดสิ้นไปได้ หากคนกรุงเทพได้ผู้ว่าราชการที่ดีแต่ปาก เอาแต่ตีฝีปากพล่ามเพ้อไปเรื่อยๆ แถมยังเป็นผู้ไร้ปัญญา ดีแต่สร้างภาพไปวันๆ
ย้ำอีกทีก่อนที่คุณ โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพ (รวมถึงมีสิทธิเลือกสก.) จะออกไปใช้สิทธิในวันนี้ ขอได้โปรดตั้งสติให้ดี พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าจะลงคะแนนเลือกใคร เพราะหากคุณเลือกคนผิด ก็หมายความว่าคุณมีส่วนช่วยทำลายกรุงเทพไปโดยปริยาย หากคุณรักกรุงเทพ และรักคนกรุงเทพ รวมถึงรักตัวคุณเองในฐานะคนกรุงเทพขอให้ไตร่ตรองให้ดีก่อนเลือกตั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565
คะแนนเสียงของคุณมีส่วนพัฒนาหรือทำลายกรุงเทพ โปรดใช้ดุลพินิจก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี