“เอาจริง โปร่งใส ไม่ส่วยเส้น” คือ 7 คำที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ใช้สรุปสั้นๆ เพื่อบอกแนวคิดในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ในเวทีดีเบต “ปราบโกง กทม.”ที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับ ช่อง7 จัดให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ได้แสดงแนวคิดและนโยบายในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันต่อหน้าประชาชน และผู้แทนองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
เมื่อตามไปเปิดอ่านต่อ ก็ได้เห็นการอธิบายขยายความหมายของ 7 คำนี้ในเว็บไซต์ของ ชัชชาติ ที่ https://www.chadchart.com/policy/6215dbb5204d4c4f8ab8c84a/ ว่ามาจาก 2 นโยบาย คือ หนึ่ง ความโปร่งใสของภาครัฐ ซึ่งลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของธุรกิจ และสอง กรุงเทพฯ ปลอดการคอร์รัปชัน โดยมีคำอธิบายว่า “ปัญหาการรับเงินใต้โต๊ะและปัญหาคอร์รัปชันเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและการพัฒนาเมือง โดยหากพิจารณาจากผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปี 2564 กทม. ได้คะแนน 88.32 ซึ่งแม้ว่าจะผ่านเกณฑ์แต่ก็มีค่าที่ต่ำกว่าจังหวัดอื่นๆ
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชัน กทม. จะต้องดำเนินการอย่างน้อยใน 3 หัวข้อหลักดังนี้
1. จริงจังกับการห้ามเรียกเก็บส่วย การปรับลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน ทั้งในระดับผู้บริหารและระดับปฏิบัติการ (สำนักและฝ่าย) โดยผ่านการตรวจสอบจากทั้งโครงการสร้างการตรวจสอบภายในของ กทม. และการรับฟังการร้องเรียนและการแจ้งปัญหาของประชาชน
2. พัฒนาระบบติดตามการดำเนินการและขออนุญาต (tracking system) เพื่อให้การขออนุญาตต่างๆ โปร่งใสเป็นไปตามที่คู่มือประชาชนกำหนดไว้ (เช่น การขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการรวม 45 วัน) โดยทันทีที่ประชาชนยื่นเอกสารผ่าน จุดเดียวจบ (One Stop Service) แล้วประชาชนจะสามารถตรวจสอบสถานะการอนุญาตใน Tracking System ได้ทันที
3. นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงาน เช่น การนำระบบเข้ามาช่วยคำนวณข้อกำหนดของการก่อสร้างตามที่ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมอาคาร บัญญัติไว้ เช่น ระยะร่น สัดส่วนพื้นที่ใช้สอย เป็นต้น
4. ลดการเจอกันระหว่างผู้ขออนุญาต และ ข้าราชการ ลดความเป็นไปได้ในการทุจริต และ รับใต้โต๊ะผ่านการจัดการแบบจุดเดียวจบ (One Stop Service) และ แนวคิดการย้ายการอนุญาตเข้าสู่ส่วนกลาง”
ผมยังได้มีโอกาสเข้าไปอ่านนโยบายอื่นๆ อีกกว่า 214 นโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่เขียนอธิบายไว้โดยละเอียดในเว็บไซต์นี้ พบว่ามีนโยบายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน อยู่ในหมวดการบริหารจัดการที่ดี 31 นโยบาย จาก 6 หัวข้อ ได้แก่ การให้บริการของ กทม. การมีส่วนร่วมการกระจายอำนาจ งบประมาณ open data และ ความโปร่งใส
ตัวอย่างเช่น นโยบาย “เลี่ยงโกงผ่านความร่วมมือภาคีเครือข่ายประชาชน” โดยเป็นสร้างภาคีเครือข่ายประชาชนที่จะเข้ามาร่วมตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง นโยบาย “เปรียบเทียบต้นทุนการจัดซื้อจัดจ้างภายใน กทม.” โดยจะนำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าพื้นฐาน เช่น ถนน ทางเท้า มากำหนดราคากลางที่เหมาะสม และเปรียบเทียบเพื่อสร้างความโปร่งใส นโยบาย “รณรงค์สิทธิและระเบียบวินัยพลเมืองในเรื่องจราจร ความสะอาด คอร์รัปชัน สิ่งแวดล้อม”
นอกจากนโยบายที่หลากหลายเหล่านี้ชัชชาติยังมีแนวคิดที่จะสร้างความโปร่งใสในหลายหน่วยงานของกรุงเทพฯ เช่น กรุงเทพธนาคม ที่ไม่โปร่งใสในการทำสัญญาจ้างเดินรถ โรงเผาขยะที่อ่อนนุชและหนองแขม ที่ไม่ต้องเข้า พ.ร.บ ร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน ทำให้กำไรบางส่วนที่ กทม. ควรได้รับกลับก็ไม่ได้รับ ทั้งยังมีราคาต้นทุนที่แพงกว่าในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกด้วย
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เสนอจะใช้ 4 วิธีแก้ไข คือ หนึ่ง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้ามาตรวจสอบ สอง ให้โครงการเหล่านั้นทำข้อตกลงคุณธรรม สามใช้เทคโนโลยีเข้ามาตรวจสอบ เช่น ACT AI และสี่ มีผู้ตรวจสอบการแต่งตั้งข้าราชการให้โปร่งใส
ผมคิดว่า เรื่องความโปร่งใส เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ผ่านมาแม้มีความพยายามหลากหลายที่จะให้เกิดขึ้น แต่ถูกขัดโดยผู้บริหารที่เกรงกลัวว่าการเปิดเผยข้อมูลมากจะทำให้การบริหารไม่คล่องตัว เพราะมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป จึงมักจะไม่เปิดเผยข้อมูลจึงหวังว่าผู้ว่าฯ ชัชชาติจะแสดงความเป็นผู้นำยุคใหม่ ที่กล้าเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานโลก OCDS (The Open Contracting Data Standard) ที่มี รัฐบาลของ 30 ประเทศใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ สำหรับการเปิดเผยข้อมูลในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐให้โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนตามที่ได้นำเสนอไว้
ถ้าเป็นไปตามที่เสนอมาทั้งหมด ต่อไป กทม.ก็จะเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างที่ครอบคลุมทั้งข้อมูลของ กทม. และองค์การที่อยู่ในการดูแลของ กทม.เช่น กรุงเทพธนาคม ครอบคลุมรายละเอียดข้อมูลตั้งแต่ การวางแผนโครงการ การยื่นซองเสนอราคา การตัดสินผู้ชนะ การจัดทำสัญญา และการดำเนินโครงการ ทุกขั้นตอนทั้งหมด ซึ่งจะป้องกันการคอร์รัปชันได้ดีขึ้นมาก
เมื่อ กทม. มีผู้นำยุคใหม่ ที่กล้าเปลี่ยนแปลง และมีผู้ลงคะแนนสนับสนุนมากขนาดนี้ โดยไม่ต้องมีภาระหาเงินมาตอบแทนผู้สนับสนุน เหมือนในสนามการเมืองระดับประเทศ ความสำเร็จในการต่อสู้แก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในพื้นที่เล็กๆ ที่มีข้าราชการจำนวนไม่มาก ย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน ผมมีความหวังครับ!
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี