การเปิดอภิปรายตามมาตรา 151 ของฝ่ายค้านที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ถือเป็น “ศึกสุดท้าย” ที่ฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นจะประกาศ “สงครามชิวหา” กับรัฐบาลเรือเหล็กอย่างถึงพริกถึงขิง

ทั้งนี้เพราะ “สงครามเลือกตั้ง” ที่จะเป็น “ศึกใหญ่”เกิดขึ้นไม่เกินกลางปีหน้า ถือเป็น “มหาสงคราม” สุดสำคัญในการไล่ล่าขุมทรัพย์แห่งอำนาจที่จะมีการรบพุ่งที่ดุดันกว่า

ดังนั้น “ศึกสุดท้าย” ที่ฝ่ายค้านตั้งชื่อว่า“เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” แม้จะฟังดูสุดห้าว แต่เอาเข้าจริง กลับถูกกูรูทางการเมืองวิจารณ์ว่า “มันแต่ชื่อ” แต่กลับ “ไม่มีน้ำยา” ที่จะล้มช้างได้สำเร็จ

กูรูทางการเมืองบางท่านถึงกับระบุว่า “ต่อให้มอบเวลาแก่ฝ่ายค้านได้อภิปรายในสภาถึงสิบวันยี่สิบคืน
จบท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ฝ่ายค้านก็จะแพ้โหวตไปตามระเบียบ”

ทั้งนี้ คอการเมืองต่างเชื่อว่า “จะเกิดปรากฎการณ์ พิเศษในการโหวต” ไม่เพียงแต่จะมีแค่ “7 งูจงอางพ่นพิษ” เท่านั้น แต่ยังจะเกิดรายการ “7 อนาคอนดาพ่นไฟ” และ “7 นางวันทองสองใจ” อีกต่างหาก

ณ นาทีนี้ ไม่มีนายพรานไพรคนใดในฝ่ายแค้นและฝ่ายค้านจะต้อง “เกรงใจ” และ “เกรงกลัว” ที่จะต้องถูกขับออกจากพรรค เพราะไม่มีพรรคไหน “กล้าตีไพ่สเปโตเสียค่าโง่”

ก็ดูเอาเถอะ “แค่ 7 งูจงอางพ่นพิษ” ก็ยังทำให้พรรคครอบครัวใหญ่หวั่นไหว ทั้งหัวหน้าครอบครัวและลูกบ้านคนดัง ต่างไม่กล้าจับ “7 งูจงอาง” มาถลกหนังแล้วนำเนื้องูไปผัดพริกใส่ใบยี่หร่า หรือนำไปต้มยำทำแสบ

กลับทำได้แค่ “จับ 7 งูจงอางไปดองเหล้าขาวใส่กัญชา” เท่านั้น

“ศึกสุดท้าย” ที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นจะ “ตีกลองตุ้ม” ส่งเสียงดังมาแต่ไกล ว่า
“ศึกสุดท้าย” คือหนังฟอร์มยักษ์ที่สุดอลังการ ชุมนุมดารายอดดังจากฝ่ายค้านทั้งโขยง

แต่ดูเหมือนกูรูทางการเมืองได้ออกมาบอกกล่าวอย่าง “ขำขัน” ว่า

หนังเรื่องนี้ ผู้กำกับการแสดงยังมือไม่ถึง และเจ้าของหนังที่อยู่แดนไกล ยังไม่กล้าทุ่มทุนสร้าง

กมลศักดิ์  ตั้งธรรมนิยม