เมื่อครั้งยึดอำนาจใหม่ๆ คสช. ได้จัดทำรายการให้คำมั่นสัญญากับประชาชนเป็นประจำว่า ให้คำสัญญาว่าอีกไม่นานก็จะคืนความสุขให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นการยอมรับอยู่ในตัวว่าสถานการณ์และการดำเนินงานในยามยึดอำนาจโดย คสช. นั้น ประเทศและประชาชนไม่มีความสุข แต่เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจึงให้สัญญาว่าอีกไม่นานเพื่อให้ประชาชนอดทน
คนไทยเป็นคนเชื่อคนง่าย ดังนั้นเมื่อถูกกรอกหูทุกวันเข้าถึงคำมั่นสัญญาว่าอีกไม่นาน ก็เฝ้าตั้งตารอว่าจะคืนอำนาจปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อใด จะคืนความสุขให้แก่ประชาชนเมื่อใด จะคืนความเป็นปกติให้แก่ประชาชนเมื่อใด
แต่วันแล้ววันเล่าคำมั่นสัญญาว่าอีกไม่นานก็เป็นรายการที่พร่ำบ่นไม่มีคุณค่าทางความเป็นจริง ยิ่งนานวันก็ยิ่งออกอาการชัดขึ้นว่าจะไม่มีการคืนอำนาจให้แก่ประชาชนโดยเด็ดขาด และมาถึงวันนี้การยึดอำนาจผ่านมา 8 ปีเศษแล้วก็ยังไม่คืนอำนาจแก่ประชาชน
จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้เช่นเห็นชาติกระจ่างชัดว่าคำมั่นสัญญาว่าอีกไม่นานนั้นเป็นเพียงคำหลอกลวง ในขณะที่ความเป็นจริงคือการผูกขาดอำนาจต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อมีการยึดอำนาจแล้วก็มีการใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เพื่อเปลี่ยนสถานะ คสช. มาเป็นรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ แต่ความจริงก็ยังคงเป็นรัฐบาล คสช. อยู่นั่นเอง เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจพิเศษไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 44 ให้หัวหน้า คสช. มีอำนาจทำการทุกอย่างได้เหนือกว่าอำนาจนิติบัญญัติ เหนือกว่าอำนาจบริหารและเหนืออำนาจตุลาการ กระทั่งอำนาจบางประการเหนือกว่าพระมหากษัตริย์ด้วยซ้ำไป
ดังนั้นนับตั้งแต่ยึดอำนาจเป็นต้นมาจนจะถึงวันที่รัฐธรรมนูญ 2557 สิ้นสุดลง แม้จะเป็นรัฐบาลที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ แต่ความจริงก็คือเป็นการสืบทอดอำนาจรัฐประหารเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนชื่อหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
ดังนั้น นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2557 นายกรัฐมนตรีจึงมีอยู่สองฐานะคือนายกรัฐมนตรีกับหัวหน้า คสช. ที่จำแลงรูปมาอยู่ในคราบของนายกรัฐมนตรี และ
นั่นก็คือสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
จากนั้นก็มีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญภายใต้ชื่อการปฏิรูป ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาใหญ่ที่ คสช. เคยให้ไว้กับประชาชน แต่ในที่สุดก็ไม่เป็นที่ต้องใจเพราะไม่มีความมั่นใจต่อการสืบทอดอำนาจ ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญถาวรดังกล่าวจึงถูกคว่ำ และมีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่โดยมี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน
ร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นใหม่นั้นเป็นรัฐธรรมนูญที่แยบยล ชอบกล และไม่เหมือนรัฐธรรมนูญใดๆ ในโลก คือ เป็นรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจอย่างโจ่งแจ้ง โดยวางบทบาท สว. ซึ่งปกติมีหน้าที่ในการกำกับตรวจสอบการบริหารของรัฐบาล ให้เป็นฐานเสียงทางการเมืองของคสช. มีจำนวนถึง 250 คน ให้มีสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี 5 ปี ซึ่งหมายความว่าวางแผนให้ สว. มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจกันถึงสองสมัย
และเพื่อให้การสืบทอดอำนาจของ คสช. ต่อเนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2557 จึงมีบทบัญญัติให้คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2557 เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย
ดังนั้นหลังการเลือกตั้ง คสช. จึงจัดตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจได้สำเร็จ และทำให้พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สองติดต่อกันโดยไม่ว่างเว้นเลยแม้แต่นาทีเดียว
ดังนั้นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2557 จนถึงปัจจุบันนี้
จะมีข้อเด่นอยู่บ้างก็ตรงที่รัฐธรรมนูญ 2560 นั้นบัญญัติไว้ในมาตรา 158 ว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งเกิน8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ก็ตามดังนั้นการดำรงตำแหน่งของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมีกำหนดระยะเวลาเกิน 8 ปีไม่ได้
และเพื่อไม่ให้มีการบิดเบี้ยวเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งตามมาตรา 158 จึงมีการวางกรอบป้องกันไว้ถึงสองชั้น คือ
เกราะชั้นแรก ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 254 เป็นเนื้อความสรุปว่านายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2557 และคณะรัฐมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย ดังนั้น วาระการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 8 ปี จึงต้องนับต่อเนื่องนับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งสมัยแรก ซึ่งจะครบ 8 ปีในเดือนสิงหาคม 2565
เกราะชั้นที่สอง เพื่อแก้ไขปัญหาถูกติเตียนเกี่ยวกับการตีความรัฐธรรมนูญในกรณีที่จะอ้างอิงถึงเจตนารมณ์เหมือนที่ผ่านๆ มา จนนักร่างรัฐธรรมนูญถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ จึงมีการจัดทำบันทึกเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไว้
และในเรื่องนี้ก็ได้ระบุถึงเจตนารมณ์ของการกำหนดวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรีว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตทางการเมืองเหมือนกับอดีต นั่นหมายความว่าวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีเป็นวาระเด็ดขาดแน่ชัดของรัฐธรรมนูญ จะตีความให้ผิดเจตนารมณ์นี้ไม่ได้
แม้เมื่อมีรัฐธรรมนูญแล้ว ความคุ้นเคยกับการใช้อำนาจเด็ดขาดก็ยังสืบทอดต่อมา และได้อาศัยสถานการณ์ไวรัสระบาดประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินรวบอำนาจทั้งแผ่นดินไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว
ครั้นเวลา 8 ปีใกล้เข้ามา ก็มีคนพยายามดิ้นรนที่จะตีความเพื่อให้นับวาระ 8 ปีเฉพาะการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ไปไม่ไหวเพราะขัดรัฐธรรมนูญอย่างโจ่งแจ้ง
ดังนั้นจึงมีความพยายามที่จะให้มีการตีความใหม่ว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับวันไหน วาระการดำรงตำแหน่ง8 ปีก็ต้องเริ่มตั้งแต่วันนั้น หมายความว่าการดำรงตำแหน่งสมัยแรกจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ก่อนและหลังวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ แต่ก็ไปไม่ไหวอีกเพราะขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ประกอบมาตรา 264 และบันทึกเจตนารมณ์ที่บัญญัติชัดแจ้งว่าการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2557 ก็เป็นการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย
นั่นคือแม้รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ในปี 2560 แต่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เองและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ว่านายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2557 ก็คือนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย และการแบ่งเวลาการดำรงตำแหน่งลักษณะนี้ใครๆ ก็เห็นว่าวิปริตผิดมนุษย์ แม้แต่เด็กเรียนกฎหมายใหม่ๆ ก็ไม่อาจยอมรับได้
นอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเรื่องทำนองนี้ไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว นั่นคือการดำรงตำแหน่งของ สส. ที่สิ้นสุดลงเพราะเหตุเคยถูกศาลพิพากษาจำคุก ทั้งๆ ที่การถูกพิพากษาจำคุกนั้นเกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ ซึ่งหมายความว่าเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนถึงกรณีใดแล้ว แม้ว่ากรณีนั้นเกิดอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ2560 ใช้บังคับ ก็ย่อมมีผลบังคับตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
ดังนั้นวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ที่พยายามดิ้นรนตีความกันเป็นอเนกประการเพื่อยืดเวลาไม่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญก็ติดขัดไปด้วยกำแพงกั้นอยู่ทุกด้าน
ดังนั้นจึงต้องเตรียมใจกันว่าวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม 2565 นี้ และใครจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อไป
ดูไปแล้วนายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือไม่นายชัชชาติสิทธิพันธุ์ ดูท่าจะมีภาษีดีกว่าแคนดิเดตคนอื่น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี