มีความเป็นไปได้สูงที่การเลือกตั้งทั่วไป หรือเลือกตั้ง สส.ครั้งต่อไปที่ใกล้มาถึง จะใช้การคำนวณหา สส.แบบบัญชีรายชื่อด้วยสูตรหาร 500 เพราะสูตรนี้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาในวาระ 3 ของการพิจารณาร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง 2 ฉบับ (ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. และ ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง) ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กำลังพิจารณาว่า สูตรหาร 500 ขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และอาจมีการชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับสูตรหาร 500 จะยื่นให้ตีความ
1) แต่จู่ๆ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลเกี่ยวกับสูตรคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 ว่า น่าจะทำไม่ได้ และคิดว่าน่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง เพราะย้อนแย้งกัน โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคก้าวไกลบางคนแล้วแต่ละคนมีความเห็นคล้อยตามกับที่ตนคิด เหมือนกัน
เมื่อถามว่า ปัญหาที่น่ากังวลคืออะไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ได้ขัดกฎหมาย แต่สมมุติว่าจำนวนสส.ที่จะได้ คือจำนวนที่เลือกบัญชีรายชื่อ และหารด้วย 500 จะได้สส.พึงมี แต่ถ้าได้สส.เขตมากกว่า สส.บัญชีรายชื่อก็จะไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย อาจจะได้สส. 50 เขต แต่บัญชีรายชื่อได้ 5 ล้าน เท่ากับว่าสส.บัญชีรายชื่อ จะไม่ได้เลยและถ้าเขาได้สส. 60 คน ก็คงไม่พอใจ ซึ่งก็เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยหรือไม่ ว่าถ้าหาทางออกไม่ได้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า ทางแรกคือกลับมาใช้หารด้วย 100 เพราะเรื่องยังไปไม่ไกล หรืออาจจะยกเลิกทั้งหมดซึ่งเสียงในสภาสามารถทำได้แต่เรื่องนี้ต้องลองถามพรรคภูมิใจไทยดู
เมื่อถามย้ำว่าที่ระบุถึงพรรคภูมิใจไทย แสดงว่าเขาเป็นตัวแปรในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เขากระทบเยอะ โดยเฉพาะบัญชีรายชื่ออาจจะไม่ได้ ส่วนจะทำได้ด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่ อาจจะมีทั้งวิธีที่ถูกหรือไม่ถูกก็ได้ เมื่อถามว่า ในพรรคพปชร.ได้คุยเรื่องนี้หรือยังนายสมศักดิ์กล่าวว่า ให้กระดาษเอาไปคิดแล้วว่า ตามนี้นะ
2) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งสัญญาณสูตรคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อแบบหาร500 อาจไปต่อไม่ได้ เพราะจะมีปัญหาตามมา ว่า พรรค ภท.บอกแล้วได้หมด เพราะไม่ได้ทำความเดือดร้อน หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพรรค ก็ไม่มีปัญหา จะใช้สูตรเท่าไหร่ ก็บอกมา เพราะพี่น้อง สส.หรือผู้สมัครของพรรค ภท.ก็ทำงานเต็มที่ ให้ประชาชนเลือกกลับมาเป็นผู้เเทนราษฎรให้ได้อยู่แล้ว มันอยู่ที่ความตั้งใจ ใส่ใจ ความขยันขันแข็งของผู้สมัคร ในส่วนของ ภท.จะหารเท่าไหร่ใช้สูตรอะไรก็ใช้ไปเถอะ
เมื่อถามว่า ถ้าใช้สูตรนี้ ภท.จะได้เปรียบใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนลองไปหารเล่นๆ ตนอาจจะไม่ได้เป็น สส.เพราะมันไม่เหลือ สส.บัญชีรายชื่อ ให้ตนเลย
ก็ไม่เป็นไร ตนถือว่าสิ่งสำคัญคือผู้แทนราษฎร ได้รับการเลือกตั้งโดยตรงมาจากพื้นที่ เขาจะสามารถทำงานให้กับพื้นที่ได้ ส่วน สส.บัญชีรายชื่อ เราก็จะพยายาม แต่ดูวิธีหารแล้วก็ยาก
3) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คระบุว่า #พฤติกรรมน่าสงสัยความว่า “...ในระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสมศักดิ์เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ก็ออกมาเปิดประเด็นส่อว่าต้องการล้มสูตร สส.บัญชีรายชื่อหาร 500 เพื่อจะกลับไปใช้หาร 100 ทั้งๆ ที่มาตรานี้ผ่านสภาไปแล้ว
สิ่งที่ชวนคิด นายสมศักดิ์ท่านนี้ มีพฤติกรรมแปลกๆ ไม่ตรงไปตรงมา ตั้งแต่การลดโทษ นักโทษทุจริตจำนำข้าว ชนิดที่เรียกว่า ลดโทษแบบโหมกระหน่ำ ซัมเมอร์เซล จนพี่น้องประชาชนที่รักความถูกต้องออกมาต่อต้าน หรือแม้แต่การที่เขา ออกมาสร้างกระแสกับผู้ว่าฯ ชัชชาติ ด้วยการนำนักโทษจากเรือนจำออกมาลอกท่อเพื่อป้องกันน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา สุดท้ายก็ได้แค่สร้างกระแสร่วมกัน
ที่สำคัญที่สุด หลังจากรัฐสภาลงมติ ออกมาให้หาร 500 กลายเป็นว่า คนที่ผิดหวังมากที่สุด คือนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย สังเกตได้จากคนของพรรคเพื่อไทยออกมาด่าทั้งวัน แม้แต่ล่าสุด ยังนำประเด็นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
การที่นายสมศักดิ์ ออกมาสร้างกระแสเพื่อหาแนวร่วม ล้มสูตรหาร 500 เพื่อกลับไปเป็นสูตรหาร 100 จึงไม่แปลกที่สังคมจะหวาดระแวงพฤติกรรมนี้ว่า
มีดีลอะไรกับนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งท่านกำลังดันเกม ให้เป็นประโยชน์ตามที่พวกเขาต้องการ หรือว่าท่านคิดจะไปอยู่กับเขา” นพ.วรงค์กล่าว
4) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวถึงกรณีการเสนอทบทวนสูตรคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อ จากหาร 500 กลับมาเป็นหาร 100 และถูกมองว่ามีนัยทางการเมืองหรือไม่
ว่า ไม่มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ถ้าเราทำผิดรัฐธรรมนูญก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกันไปหมด แล้วยังจะทำให้ประชาชนสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปเป็นคนละเรื่องคนละราว ดังนั้น อยากให้คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์ตนไปคำนวณคณิตศาสตร์ดู ซึ่งถ้าคำนวณแล้วก็จะรู้ว่ามีปัญหาจริง ไม่ใช่ว่าตนจะต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตนได้อ่านและคำนวณตัวเลขดูแล้วคิดว่า ถ้าหลายพรรคได้คำนวณดูเช่นกันก็คงจะไม่รับในสูตรหาร 500 เชื่อมั่นว่าสูตรหาร 500 เป็นไปไม่ได้ แต่จะเป็นสูตรอะไรตามมานั้นตนไม่ทราบ
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะคว่ำวาระ 3 เพื่อกลับมาใช้สูตรหาร 100 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนยังมั่นใจว่า 500 เป็นไปไม่ได้ ถึงจะยกมือและมีมติไป เรื่องกฎหมายอาจจะไปได้ แต่ข้อเท็จจริงหารออกมาไปไม่ได้ ตนเข้าใจอย่างนั้นเพราะเอาหลักคณิตศาสตร์มาคิด ขอให้ทำความเข้าใจหลักคณิตศาสตร์กันหน่อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ระบุว่าการที่นายสมศักดิ์ออกมาพูดถึงการกลับไปใช้สูตรหาร 100 นั้น เนื่องจากมีการดีลกับ
นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ดีล และ นพ.วรงค์ ก็เป็นหมอ ลองไปคำนวณตามสูตรคณิตศาสตร์ดูบ้าง
เมื่อถามว่า ในเรื่องดังกล่าวได้พูดคุยกับนายกฯ บ้างหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้คุย และไม่ได้คุยกับใคร ตนเพียงแค่คิดตามหลักคณิตศาสตร์ ประกอบกับหลักกฎหมาย แล้วมาคำนวณเป็นตัวเลขผลลัพธ์ออกมาทำให้ตนตกใจ มันเป็นไปไม่ได้แล้ว และทุกคนก็คงคำนวณได้อย่างที่ตนคำนวณออกมา
5) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะกลับมาใช้สูตรคำนวณสส.บัญชีรายชื่อ เป็นหาร 100 ว่า จะกลับมาได้อย่างไร ตนยังนึกไม่ออก ผู้สื่อข่าวถามว่า หากส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว กกต.สามารถยืนยันกลับมาได้ใช่หรือไม่ ว่า ให้ใช้สูตรหาร 100 นายวิษณุกล่าวว่า กกต.สามารถท้วงได้ทุกมาตรา และเมื่อท้วงแล้วก็อยู่ที่รัฐสภาว่าจะเอาอย่างไร ถ้ารัฐสภาจะแก้ ก็แก้ตาม กกต. แต่ถ้าไม่แก้ ก็ยืนยันกลับไป ก็จบเท่านั้น แต่ถ้าจะมีคนไม่จบ ก็ส่งเรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
เมื่อถามว่า หาก กกต.ยืนยันหาร 100 มา จะมีขั้นตอนทำอย่างไรบ้าง นายวิษณุกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนั้นว่า เมื่อเสร็จจากสภา ก็ต้องส่งไปถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กกต.ถ้าถามว่าส่งไปทำไม ก็เพื่อให้เขาตอบกลับมา ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก กกต.ส่งมาที่สภาแล้วถ้าต้องการจะแก้จะทำอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภาต้องเป็นคนแก้
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีเคยมาหารือเรื่องดังกล่าวหรือไม่ว่า หากจะกลับไปใช้สูตรหาร 100 จะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคย ไม่เคยพูดเลย
เมื่อถามว่า การแก้ไขมีกรอบเวลาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็จะมี เช่น ถามไป 15 วัน ตอบกลับมา 10 วันเบ็ดเสร็จรวมแล้วประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งมีการกำหนดตายตัวอยู่แล้วว่า เมื่อสภาพิจารณาเสร็จ ปกติถ้าเป็นกฎหมายอื่นก็ส่งให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่กรณีนี้รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าให้ส่งกลับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นสภาจะใช้เวลาอย่างไรก็แล้วแต่สภา
เมื่อถามย้ำว่า จะรู้ได้เมื่อไหร่ว่าจะใช้หาร 100 หรือหาร 500 นายวิษณุกล่าวว่า รู้อยู่แล้ว เพราะทุกอย่างจะต้องเปิดเผยทั้งหมด และจะทราบได้ชัดเจนก็เมื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
6) นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส่งสัญญาณอาจกลับไปใช้สูตรคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อ หาร 100 ว่า ตอนนี้กฎหมายอยู่ขั้นตอนการพิจารณารายมาตราวาระ 2 โดยหลังจากผ่านวาระ 3 ต้องส่งไปที่ กกต. หากสมมุติว่า
มีความเห็นสูตร 500 อาจขัดรัฐธรรมนูญและหาก กกต.คิดว่าเป็นปัญหา ก็จะกลับไปสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้งหากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่เสียเวลานำไปสู่การพิจารณาของสภาร่วม เพื่อมาแก้ไขในมาตรา 23 เกี่ยวกับสูตรการคำนวณ สส. รวมทั้งมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ท่าทีของ ปชป.เห็นด้วยหรือไม่ที่จะกลับมาใช้สูตรหาร 100 นายสาธิตกล่าวว่า เห็นด้วยเพราะไม่มีความเสี่ยงและสอดคล้องกับ กมธ.เสียงข้างมาก ซึ่งที่ผ่านมา กกต.ก็มาให้ความเห็นทุกขั้นตอน ว่าการใช้สูตร 500 จะมีความหมิ่นเหม่ผิด รธน. ดังนั้นหากทำกฎหมายที่รอบคอบปลอดภัยจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและสอดคล้องกับหลักการ
เมื่อถามต่อว่า มีการมองสาเหตุที่กลับมาใช้สูตร 100 เพราะฝ่ายรัฐบาลอาจจะไม่ได้เปรียบจากสูตร 500 นายสาธิตระบุว่า ตนไม่ได้ดูว่าใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบ แต่ตนร่างกฎหมายและกติกาการเลือกตั้งเพื่อความเป็นธรรมส่วนใครจะได้เปรียบ หรือเสียเปรียบอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน กติกาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อถามว่า การที่ทำให้วุ่นวายเพื่อไปสู่การคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 เพื่อออก พ.ร.ก.เกี่ยวกับการเลือกตั้งจะเป็นประโยชน์กับฝ่ายบริหารมากกว่าหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า การออก พ.ร.ก.อาจจำเป็น แต่การออก พ.ร.ก.โดยไม่มีทุกฝ่ายมาร่วมร่างกติกาในขั้น กมธ.ร่วม มันก็จะเป็นความขัดแย้งในขั้นตอนต่อไป ดังนั้น การจะทำให้บ้านเมืองราบรื่นก็ควรเป็นไปตามหลักการและกลไก
“ใครจะไปจะมา รัฐบาลจะอยู่หรือจะไป รัฐบาลใหม่จะมาแต่หลักการของประเทศต้องยังอยู่ เพื่อช่วยกันให้เกิดสิ่งนี้ให้ได้” นายสาธิต กล่าว
เมื่อถามว่า การกลับไปกลับมาจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาอีกหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ตนยอมรับหากกลับไปกลับมาจริง ประชาชนก็จะไม่เชื่อมั่นในเสียงการประชุมร่วมรัฐสภา ต้องตำหนิคนที่พยายามเปลี่ยนและกลับไปกลับมาว่ามีเหตุผลอะไรที่คิดแบบนั้น ซึ่งตนก็ทราบว่าประชนชนรู้ว่าใครคิดยังไงและอยากให้เป็นอะไร มันปิดกันไม่มิด
สรุป : อย่างไรก็ตาม เส้นทางต่อไปของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. หลังจากผ่านสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 3 จะต้องเดินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 (2)
โดยจะต้องส่งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะองค์กรที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ แล้วส่งคืนมาที่รัฐสภา
โดย กกต.จะทำหน้าที่ตรวจสอบ เพราะในฐานะ “เจ้าของร่าง” ที่เสนอสูตรหาร 100 ผ่านคณะรัฐมนตรี แต่ถูกปรับหาร 500 กกต.จะยอมหรือไม่
ถ้า กกต.ยืนยันว่าสูตรหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2564 มาตรา 91 ที่กำหนดให้ใช้สูตรสัมพันธ์ทางตรงกับ สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน รัฐสภาจะต้องจัดประชุมใหม่อีกครั้งเพื่อจะพิจารณาว่าจะเอาอย่างไร แต่ไม่ได้มีผลผูกพันว่าจะต้องทำตาม กกต.
อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยก็แถลงแล้วว่า จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เช่นเดียวกับ “โดดเดี่ยวผู้น่ารัก” ของพรรคพลังประชารัฐ อย่าง นายไพบูลย์ นิติตะวัน
ผู้ยืนกรานว่าต้องหาร 100 โดยบอกว่า...
“ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน เมื่อประชาชนหย่อนบัตร 2 ใบใบหนึ่งเลือก สส.แบบแบ่งเขต อีกใบเลือก สส.บัญชีรายชื่อ กลับเอาคะแนนรวม สส.บัญชีรายชื่อไปหารด้วย สส.ทั้งสภาคือ 500 เพื่อให้ได้ สส.พึงมี เป็นการคิดเองเออเองโดยที่ไม่มีหลักการ ไม่มีกฎหมายรองรับ การเสนอแก้ก็อยู่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 คือยกเลิกการหาร 500 ไปแล้ว โดยแก้ให้สัมพันธ์โดยตรงกับจำนวน สส.บัญชีรายชื่อไม่ใช่หารด้วย สส.ทั้งสภา”
คาดว่าเรื่องนี้ จะเป็น “เชื้อปะทุ” ของ “ความขัดแย้ง”ในสังคมไทยอีกเรื่องหนึ่ง ต่อจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ ที่เพิ่งจบลง พร้อมรอยแผลความหมางใจ และข้อต่อรองมากมาย ที่ยังทิ้งค้างอยู่ และต้องมี “ตอนต่อไป” ให้ติดตามแน่ๆ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี