นี่เป็นเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นในบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีหน่วยงานรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีประชาชนเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกจำนวนมาก
1. กลุ่มผู้ถือหุ้นของอีสท์ วอเตอร์ฯ ส่งข้อมูลร้องเรียน ก.ล.ต. เกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง บริษัท G (นามสมมุติ) ดำเนินโครงการพัฒนา “สระสำรองน้ำสระสำนักบก” ต.สำนักบก อ.เมือง จ.ชลบุรี มูลค่า 75 ล้านบาท
ใช้วิธีจัดจ้างแบบจำเพาะเจาะจง ไม่มีการประมูลแข่งขัน
ในการเซ็นสัญญา บริษัท G นำหนังสือค้ำประกันสัญญามาวาง (แบงก์การันตี) ปรากฏว่า เป็นแบงก์การันตีปลอม โดยธนาคารกสิกรไทยยืนยันว่ามิได้ออกเอกสารดังกล่าวให้
บอร์ดอีสท์ วอเตอร์ ให้ตรวจสอบ ระบุว่า ถ้าเป็นแบงก์การันตีปลอม จะต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วย
หลังจากนั้น ปรากฏว่าอีสท์วอเตอร์ฯ ไม่แจ้งความดำเนินคดี และยังเซ็นสัญญาให้บริษัท Gได้งานต่อไปด้วย โดยให้นำเอาแคชเชียร์เช็คมาวางเป็นหลักประกันแทนแบงก์การันตี
ขณะนี้ ก.ล.ต.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
2. ในคราวประชุมบอร์ด 28 มี.ค. 2565 ติดตามโครงการดังกล่าว ปรากฏว่า บอร์ดท่านหนึ่ง ชื่อย่อ “ส.” ได้ให้ความเห็นไว้ในที่ประชุม มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า “หนังสือค้ำประกันสัญญาเป็นสาระสำคัญ ไม่ควรแจ้งเริ่มงาน หากมีการยื่นหนังสือค้ำประกันสัญญาปลอม ควรแจ้งความ เนื่องจากเป็นคดีอาญา”
โดยปกติ เวลาที่บริษัทใดจะเข้าทำสัญญารับจ้างทำงาน หากเงื่อนไขกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องนำแบงก์การันตีมาวางเป็นหลักประกัน ก็ต้องติดต่อธนาคารเพื่อให้ได้แบงก์การันตีมาวางเป็นหลักประกันให้ได้ตามเงื่อนไข เพื่อความมั่นคงแน่นอนว่าจะไม่มีการทำผิดสัญญา มิฉะนั้น ก็ไม่มีสิทธิได้เข้าเป็นคู่สัญญา
3. การนำแบงก์การันตีปลอมมาวางนั้น เป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน มีโทษทางอาญา
ยกตัวอย่าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6404/2560 จำเลยประสงค์ให้ร้าน ก. ของจำเลยได้รับงานรับจ้างทำความสะอาดโรงพยาบาล ช. จึงหลอกลวงนำหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ก. ที่มีข้อความว่า ธนาคารยอมผูกพันตนโดยไม่มีเงื่อนไขที่จะค้ำประกันชนิดเพิกถอนไม่ได้เช่นเดียวกับลูกหนี้ชั้นต้นในการชำระเงินให้ตามสิทธิเรียกร้องของโรงพยาบาล ช. ผู้ว่าจ้าง ในกรณีที่ร้านของจำเลยผู้รับจ้างก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ หรือต้องชำระค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายใดๆ หรือร้านของจำเลยผู้รับจ้างมิได้ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ใดๆ ที่กำหนดในสัญญาจ้างมาแสดง แต่ความจริงแล้วธนาคารมิได้ออกหนังสือค้ำประกันดังกล่าวให้แก่จำเลย อันเป็นการหลอกลวงผู้เสียหายและการหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงทำสัญญาจ้างร้านของจำเลยทำความสะอาดโรงพยาบาล ช. และได้ทรัพย์สินเป็นค่าจ้างจากการทำงาน 108,000 บาท ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว แม้ภายหลังจำเลยจะเข้าทำความสะอาดโรงพยาบาลจริงและได้รับค่าจ้างดังกล่าว ก็ไม่เป็นเหตุให้การกระทำความผิดอาญาของจำเลยที่เกิดขึ้นแล้วกลับกลายเป็นไม่มีความผิด
ตามระเบียบของโรงพยาบาลผู้ว่าจ้างกำหนดว่า ผู้รับจ้างทำความสะอาดของโรงพยาบาลจะต้องมีหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร หากผู้รับจ้างไม่มีหนังสือค้ำประกันของธนาคารมาแสดง ก็ไม่อาจทำสัญญาจ้างกับผู้รับจ้างได้ การที่ผู้รับจ้างไม่มีหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร แต่หลอกลวงผู้ว่าจ้างโดยการนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมาแสดงข้อความอันเป็นเท็จกับผู้ว่าจ้างเพื่อให้ได้งานนั้น ดังนี้ การหลอกลวงของผู้รับจ้างเป็นการกระทำโดยทุจริต และการหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ว่าจ้างหลงเชื่อตกลงทำสัญญาจ้างอันเป็นเอกสารสิทธิให้ผู้รับจ้างทำความสะอาดโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้รับจ้างในการที่จะเข้าทำความสะอาดโรงพยาบาล และได้ทรัพย์สินเป็นเงินค่าจ้างจากการทำงาน จึงถือได้ว่าผู้รับจ้างกระทำความผิดฐานฉ้อโกงผู้ว่าจ้าง ตาม ป.อ. มาตรา 341
4. สถานีข่าว TOP NEWS ได้ติดตามเจาะลึกในเรื่องนี้
ปรากฏว่า ฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ได้ทำหนังสือชี้แจง
ระบุว่า อีสท์ วอเตอร์ ว่าจ้างบริษัทเอกชนเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงสระสำรองน้ำดิบสำนักบก โดยดำเนินการตามระเบียบ ด้านการจัดซื้อจัดจ้างของอีสท์ วอเตอร์ และเพื่อประโยชน์สูงสุดต่ออีสท์ วอเตอร์จึงเลือกวิธีการจัดจ้างผู้รับจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ด้วยเหตุผลด้านลักษณะงานที่เป็นเทคนิคเฉพาะประกอบกับระยะเวลา และงบประมาณที่จำกัด
สรุปดังนี้
- วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 มีการอนุมัติจ้างกรณีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากความจำเป็นเร่งด่วน ความเป็นผู้ชำนาญเฉพาะ และมีราคาที่เหมาะสม
- วันที่ 11 มีนาคม 2565 ผู้รับจ้างวางหนังสือค้ำประกันสัญญาเป็นแบงก์การันตี(Letter of Guarantee: LG)ร้อยละ 5 ของมูลค่าโครงการ และวางหนังสือค้ำประกันการขอเบิกเงินล่วงหน้าร้อยละ 10 มาเพื่อประกอบการทำสัญญากับ อีสท์ วอเตอร์ และอีสท์ วอเตอร์ ได้ทำการตรวจสอบ และได้รับแจ้งจากธนาคารว่า เอกสารที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้เป็นเอกสารที่ออกจากธนาคาร อีสท์ วอเตอร์ จึงได้ดำเนินการแจ้ง ชะลอโครงการ
- ในวันที่ 7 เมษายน 2565 อีสท์ วอเตอร์ ได้ยกเลิกการลงนามสัญญา ซึ่งต่อมาผู้รับจ้างแจ้งว่า ได้นำหลักประกัน 2 ฉบับผ่านคนกลางมา หากหลักประกัน 2 ฉบับไม่ถูกต้อง ก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับคนกลาง
- ต่อมา ในวันที่ 22 เมษายน 2565 อีสท์ วอเตอร์ ให้ผู้รับจ้างแก้ปัญหาหลักประกันให้ถูกต้อง โดยให้นำเสนอยังอีสท์ วอเตอร์ เพื่อพิจารณาว่า จะให้ผู้รับจ้างดำเนินโครงการฯ ต่อได้หรือไม่ หากอีสท์ วอเตอร์ พิจารณาแล้วไม่มั่นใจในการดำเนินงานของผู้รับจ้างก็ให้ยุติสัญญาโดยทันที และให้จัดหาผู้รับจ้างรายใหม่มาดำเนินการโดยเร็ว
- นอกจากนี้ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ผู้รับจ้างได้แก้ปัญหาโดยการส่งแคชเชียร์เช็ค (ซึ่งเป็นหลักประกันเสมือนเงินสดที่ดีกว่าแบงก์การันตี และระเบียบบริษัทรองรับ) มาให้แทน และสละสิทธิ์ไม่เบิกเงินล่วงหน้า จึงไม่ต้องหาหลักประกันมาค้ำการเบิกเงินล่วงหน้า ซึ่งทำให้อีสท์ วอเตอร์ ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า
อีสท์ วอเตอร์ ยืนยันว่า การว่าจ้างดังกล่าว บริษัทได้ประโยชน์ และไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้รับจ้างตามที่เข้าใจ เนื่องจากได้ตรวจสอบ แคชเชียร์เช็ค และเอกสาร ประกอบสัญญาว่า ถูกต้องตามกฎและระเบียบของอีสท์ วอเตอร์ จึงได้มีการลงนามสัญญากับผู้รับจ้าง
และยังอธิบายว่า รับทราบผู้รับจ้างได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนกลางที่รับจัดหาแบงก์การันตีให้แก่ผู้รับจ้าง ในฐานะที่ผู้รับจ้างในกรณีดังกล่าวก็เป็นผู้เสียหายในกรณีนี้แล้ว และในวันที่ 8 มิถุนายน 2565 อีสท์ วอเตอร์ ได้รับหมายเรียกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเข้าให้การ พร้อมส่งมอบหลักฐานเอกสารการปลอมแปลงแก่เจ้าพนักงาน
5. จากคำชี้แจงของอีสท์ วอเตอร์ ข้างต้น เท่ากับตอกย้ำข้อเท็จจริง คือ
แบงก์การรันตีปลอมเป็นเรื่องจริง
และอีสท์ วอเตอร์ ไม่ได้แจ้งความเอาผิดกับบริษัทผู้รับจ้าง คือ บริษัท G ซึ่งเป็นผู้เอาแบงก์การันตีปลอมมาวาง จนได้เซ็นสัญญาไปแล้ว ค่อยมาแก้ไขเปลี่ยนหลักประกันเป็นแคชเชียร์เช็คภายหลัง
สรุป ก็คือ ไม่มีการเอาผิดกับบริษัท G นั่นเอง
น่าแปลกใจมากว่า เหตุใดจึงพยายามปกป้องบริษัท G เช่นนี้?
แทนที่จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ผิด-ถูกว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม มิใช่อุ้มเข้ามาทำสัญญา โดยไม่ดำเนินคดี แล้วส่งพยานหลักฐานไปช่วยเหลือในทางคดีเช่นนี้
การกระทำข้างต้น อาจเข้าข่ายช่วยเหลือ สนับสนุนผู้กระทำผิดอาญา ให้รอดพ้นความผิด และเอื้อประโยชน์แก่เอกชนที่กระทำผิด หรือไม่?
ในเมื่อบอร์ดปัจจุบันของอีสท์ วอเตอร์ รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่ามีการนำแบงก์การันตีปลอมมาวาง
หน่วยงานรัฐที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอีสท์ วอเตอร์ คือ การประปาส่วนภูมิภาค และการนิคมอุตสาหกรรมฯยอมรับบรรทัดฐานเช่นนี้ได้หรือไม่? รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ จึงปล่อยให้มีการดำเนินการเช่นนี้
ก.ล.ต. มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นี่เป็นการบริหารงานที่ถูกกฎหมาย สอดคล้องกับมาตรฐานจริยธรรมการทำธุรกิจ และธรรมาภิบาลของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่?
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี