เมื่อผมทราบข่าวว่า “นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความ ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ OngPadipat @ongpadipat ถึงการประชุมเอเปกว่า เราไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเนื้อหาของ APEC เลย นอกจาก รู้ว่าพวกเขากินอะไร ได้ดูโชว์อะไร ฟังเพลงของใคร และรู้ว่าปมด้อยคือทำยังไงก็ได้ให้ได้จัด #APEC”
สิ่งแรกที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติก็คือ ถอนใจ และรู้สึกสะอิดสะเอียน เสียดาย และเสียใจ
1) ผมเคยชื่นชม สส.คนนี้ ว่าเป็น “คนรุ่นใหม่” ที่มีคุณภาพ
2) แต่ข้อความที่เขาทวีตครั้งนี้ มีค่าแค่ “ขยะโซเชียล”เท่านั้น
3) เขาผู้กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนเดือนละเป็นแสนๆ ตอบแทนสังคมด้วยการผลักภาระ “ความโง่” ของตัวเองให้คนอื่นแบกรับ?
4) เขาผู้ซึ่ง “มีการศึกษา” และเป็น “ผู้แทนราษฎร” ชาวพิษณุโลก รักษาเกียรติภูมิแทนคนพิษณุโลก และ “กระตือรือร้น” ที่จะหาข้อมูลมาบอกต่อผู้คนให้มีความรู้ได้เพียงเท่านี้เองหรือ?
เพียงแค่คลิกเข้าไปในเว็บไซต์กูเกิ้ล และใส่ “คำที่ต้องการค้นหา” เช่น ไทย “ได้อะไร จาก เจ้าภาพ เอเปก” ลิงก์ข้อมูลต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาให้ “ปัญญาชน” รู้และนำมาบอกต่อให้คนไม่รู้และ“ขาดทักษะ” ค้นหาความรู้ได้อย่างมากมาย ทั้งข้อมูลจาก “กรมประชาสัมพันธ์” ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ และอื่นๆ
ผมขอใช้โอกาสนี้ หยิบยกข้อเขียนของ รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้เขียนบทความสะท้อนความหมายและความสำคัญของ APEC 2022 Thailand ที่คนไทยควรรู้เพื่อร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี เพราะนี่คือจุดเปลี่ยนของระบบเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย! มานำเสนอต่อก็แล้วกันนะครับ
1) APEC คือความร่วมมือของ 21 เขตเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ปี 2022 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานและเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC และการประชุมอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งปี มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลก ทำไมเราถึงสามารถกล่าวเช่นนี้ได้ ผู้เขียนคิดว่าเป็นเพราะอย่างน้อย 2 เหตุผลด้วยกัน
เหตุผลส่วนแรก APEC 2022 Thailand คือ ความร่วมมือของ 21 เขตเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ประชากรของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจรวมกันครอบคลุมประชากรมากกว่า 3 พันล้านคน หรือคิดเป็น 38% ของประชากรของทั้งโลก และนี้คือกลุ่มประชากรที่มีความน่าสนใจมากที่สุด เพราะตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา กำลังซื้อของประชากรกลุ่มนี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พิจารณาได้จากสัดส่วนของประชากรของ 21 เขตเศรษฐกิจที่ดำเนินชีวิตอยู่ใต้เส้นขีดความยากจนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่มีสัดส่วนของคนจนสูงถึง 41.7% ของประชากรในปี 1990 ปัจจุบันตัวเลขนี้ลดต่ำลงเหลือเพียง 1.8% ของประชากร APEC เท่านั้นที่ยังอยู่ในสถานะยากจน
APEC 2022 Thailand จึงเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันราว 2 ใน 3 ของมูลค่าผลผลิตมวลรวมของทั้งโลก หรือคิดเป็นตัวเงินกว่า 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการค้าระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจ ยังเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของทั้งโลก
ตลอดช่วงเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จากปี 1990 ถึง 2020 มูลค่าการลงทุนระหว่างประเทศภายในกลุ่มสมาชิก APEC เพิ่มขึ้นจาก 45.2% เป็น 67.9% นั่นแปลว่า 21 เขตเศรษฐกิจนี้คือผู้ลงทุนรายสำคัญที่ต่างก็ลงทุนภายกลุ่ม APEC ด้วยกันเอง ซึ่งการลงทุนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นผลมาจากการที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่าง APEC ที่เน้นสร้างความร่วมมือในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitations: TFs) อาทิ การลด ละ เลิก มาตรการทางการค้าที่มิใช่มาตรการทางภาษี การสร้างความร่วมมือเพื่อให้พิธีการทางศุลกากรมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ลดความซับซ้อนลง หรือ การอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจ APEC ได้ทำให้ดัชนีความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business: EoDB Index) เฉลี่ยของทั้งกลุ่มปรับตัวสูงขึ้นกว่า 11.3%
2) APEC คือการประชุมที่ครอบคลุมเกือบทุกมิติในทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ในภาพรวมแล้ว การประชุม APEC มีขอบเขตสารัตถะของการประชุมครอบคลุมเกือบจะทุกมิติในทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยอาจจำแนกออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ การอำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน และการดำเนินธุรกิจ,
การบูรณาการระบบเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ, การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยที่ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ร่วมกัน (Inclusive), การสร้างความร่วมมือเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ และการพัฒนาเทคโนโลยี ดิจิทัล และการสร้างนวัตกรรม
3) การประชุม APEC ส่งผลดีทันทีต่อเศรษฐกิจในประเทศไทย
นอกจากผลการประชุมที่จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ผลได้จากการประชุม APEC ที่เกิดขึ้นทันที โดยไม่ต้องรอการประชุมสุดยอดผู้นำ นั่นคือ ตลอดทั้งปี มีคณะของ 21 เขตเศรษฐกิจ APEC ในทุกระดับ ที่มาประชุมกันรวมแล้วกว่า14 คลัสเตอร์ ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ จนถึงรัฐมนตรี และผู้นำของประเทศ รวมทั้งกองทัพสื่อ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศ เข้าทางประชุม เข้ามาใช้บริการต่างๆ ทั้ง อาหาร โรงแรม การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมของที่ระลึก ขนส่ง ภาคบริการ และภาคการผลิตของไทยก็ได้รับผลประโยชน์ไปแล้ว ลองนึกภาพว่าแต่ละประเทศที่เข้ามาประชุมมีคณะทำงานตั้งแต่ 10 ท่าน จนถึงระดับผู้นำที่มีคณะทำงานหลักหลายร้อย ร่วมกับกองทัพนักข่าวอีกนับพัน ทั้งหมดคือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจในประเทศไทยเกิดการขยายตัว และยังถือเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี เพราะต้องอย่าลืมว่า โรงแรมทุกโรง อาหารทุกมื้อ ของที่ระลึกทุกชิ้น ภาคบริการเสริมที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุม ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือ และความตั้งใจอย่างดีที่สุดของชาวไทย ที่จะนำเสนอต่อสายตาชาวโลก
4) APEC 2022 การประชุมแบบพบปะเจอตัวครั้งแรกในรอบหลายปี
เหตุผลส่วนที่สองที่ยิ่งขับให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญนี้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และยิ่งทำให้ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพมีความสำคัญอย่างยิ่งด้วย ก็เนื่องจาก ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา การประชุม APEC มักจะเกิดอุปสรรคขึ้นเสมอๆ เริ่มตั้งแต่ สหรัฐอเมริกาเริ่มต้นประกาศสงครามการค้ากับ 15 ประเทศที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้าด้วย โดยเฉพาะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสงครามการค้าในครั้งนี้ที่เริ่มต้นในปี 2018 ทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่ควรจะต้องหารือกันเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจไม่สามารถบรรลุผลการประชุมร่วมกันและออกแถลงการณ์ร่วมกันได้ในปี 2018 ที่ประเทศปาปัวนิวกินีเป็นเจ้าภาพ ต่อเนื่องด้วยปี 2019 ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองขึ้นในประเทศเจ้าภาพการประชุม นั่นคือ ประเทศชิลี ทำให้ในปี 2019 ไม่มีการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC
จากนั้นทั่วทั้งโลกก็เผชิญกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ในปี 2020 และ 2021 การประชุม APEC ไม่สามารถเกิดขึ้นได้แบบพบหน้าในที่ประชุม หากแต่ต้องใช้ระบบการประชุมทางไกล ซึ่งถึงแม้จะสามารถบรรลุเป้าหมาย
สามารถออกวิสัยทัศน์ “ปุตราจายา 2040” และแผนปฏิบัติการ“เอาทีรัว” ได้ แต่สิ่งที่ทั่วโลกจับตามองมากกว่าการประชุมใน Plenary Session นั่นก็คือ Sideline meetings ที่ผู้นำจะได้พบปะกันเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อสร้างความร่วมมือ ความสัมพันธ์ที่เป็นพิเศษมากกว่าการประชุมหลัก รวมทั้งการพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้นำกับผู้นำ ระหว่างผู้นำประเทศกับผู้บริหารระดับสูงของภาคธุรกิจ ปรากฏการณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ 3 ปีแล้ว
ดังนั้นการประชุมที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี 2022 และการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 จึงเป็นการประชุมแบบพบปะ ถกแถลง เสวนาแบบเจอตัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี ท่ามกลางระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ทั่วทั้งโลกกำลังต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาเพื่อฟื้นฟูห่วงโซ่มูลค่าระดับนานาชาติหลังการระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางปัญหาวิกฤตการณ์อาหาร วิกฤตการณ์พลังงาน สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี และความพยายามของบางชาติที่ต้องการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจเป็นอาวุธในการกดดันประหัตประหารบางเขตเศรษฐกิจ
5) APEC คือการประชุมที่เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วโลกกำลังต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสูงสุด
สถานการณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้โลกต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพก็ได้เตรียมความพร้อม จัดการวาระการประชุม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างเพียบพร้อมมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้า เพื่อให้การประชุมครั้งสำคัญนี้บรรลุผลดังที่ทุกคนต้องการ นั่นคือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบเพื่อให้เศรษฐกิจของทั้ง 21 เขต และของทั้งโลกพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรับผิดชอบ สร้างสรรค์และยั่งยืน โดยมีการเตรียมการผลักดันเป้าหมายกรุงเทพฯ หรือ Bangkok’s Goals อันประกอบไปด้วย 4 เป้าหมาย ได้แก่ ร่วมกันสร้างระบบการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Trade and Investment), ร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างยั่งยืน, ร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นเขตเศรษฐกิจผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และร่วมกันบริหารจัดการของเสียและขยะอย่างยั่งยืน
ดังนั้นผู้นำที่ไม่มาเข้าร่วม หรือมาเข้าร่วมแต่กลับมาสร้างความแตกแยก แทนที่จะเดินหน้าสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรเรือนหลายพันล้านคน จึงเป็นผู้นำที่คนทั่วทั้งโลกคงต้องทบทวนพิจารณา
และสำหรับทุกภาคส่วนที่ช่วยกันสนับสนุน ตั้งแต่ระดับนิสิตนักศึกษาที่มาช่วยงาน คนไทยทุกคนที่ร่วมเป็นเจ้าภาพ
เจ้าหน้าที่และพนักงานในระดับต่างๆ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ไปจนกระทั่ง คณะทำงาน เจ้าหน้าที่ระดับสูง รัฐมนตรี และผู้นำเขตเศรษฐกิจ ทุกคนสมควรได้รับการยกย่องขอบคุณ ที่ทำให้ประเทศไทย และเศรษฐกิจของทั้งโลกอยู่ในสถานะที่ดีขึ้น ยั่งยืนขึ้น
กราบขอบพระคุณอาจารย์ปิติ ศรีแสงนาม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ให้ความรู้แก่สังคม
และกราบเรียนประชาชนชาวพิษณุโลกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้ท่านทบทวนเถิดว่า ท่านจะมีบุคคลที่ชื่อ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” เป็น “ผู้แทน” ของท่านต่อไปหรือไม่
เขาคือผู้แทนของอะไร ผู้แทนในการเสียดสี เหน็บแนม หรือเป็นผู้แทนที่พร้อมจะ “เติมเต็ม” ให้ประชาชนรู้ในสิ่งที่อาจไม่รู้ กระจ่างในสิ่งที่งุนงงสงสัย
ท่านจะมีผู้แทนที่ไม่ “เดินนำทางปัญญา” ด้วยราคาหลายแสนต่อเดือนกันไปไย? ลำพังแค่การบ่น เสียดสี เหน็บแนม ราษฎรอย่างท่านทำเองก็ได้ เราควรเอาเงินเดือน เดือนละหลายแสนไปให้คนที่ “นำเราไปสู่ความรู้” และ “คุณภาพชีวิตที่ดี” ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องต่างๆ (แทนเรา) ด้วยสติปัญญาดีกว่าไหมครับ ฝากพี่น้องชาวพิษณุโลกลองตอบคำถามนี้กับใจตัวเองดูสักครั้งนะครับ ขอบคุณครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี