สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย.อ้างคำแถลงของคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พ.ย 2565 พรรคปากาตัน ฮาราปัน (พีเอช) นำโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม ชนะการเลือกตั้งมาอันดับหนึ่ง ได้ 82 ที่นั่ง พรรคเปอริกาตัน เนชั่นแนล (พีเอ็น) นำโดยนายมูฮ์ยิดดิน ยัสซินอดีตนายกรัฐมนตรีได้ 73 ที่นั่ง ส่วนพรรคบาริซันเนชั่นแนล (บีเอ็น) นำโดย นายอิสมาอิล ซาบรีนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้ 30 ที่นั่ง ทั้งๆ ที่ผู้สมัครในพรรคบีเอ็นส่วนใหญ่เป็นคนในพรรคองค์กรสหมาเลย์แห่งชาติ หรือพรรคอัมโน ที่ผูกขาดการเป็นรัฐบาลมาตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 2500
และ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคอัมโนยาวนานถึง 22 ปี พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 53 ปี เมื่อ กกต.ประกาศผลว่าเขาได้คะแนนลำดับห้าในเขตเลือกตั้งรัฐปีนัง ดร.มหาเธร์ เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคอัมโน ตั้งแต่ปี 2524 ถึงปี 2546 เขาได้รับการยกย่องให้เป็น รัฐบุรุษมหาเธร์ เว้นช่องว่างทางการเมืองไปนาน และได้หวนกลับเข้าสู่วงการเมืองอีกครั้งในปี 2561 โดยการตั้งเป้าหมาย เพื่อโค่นล้มนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีข้อครหายักยอกเงิน “มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัดหรือ 1MDB (กองทุนโครงการพัฒนาประเทศมาเลเซีย) หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นาจิบเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2561 เขามีอิทธิพลมากในพรรคอัมโน ดังนั้นเพื่อล้มนายกรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าคอร์รัปชั่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์มาเลเซียลงให้ได้ ดร.มหาเธร์ จำเป็นต้องมีแนวร่วมมากมายเป็นเหตุให้เขาต้องตั้ง#พรรคแนวร่วมเฉพาะกิจขึ้นมาชื่อว่า “พรรคแนวร่วมแห่งความหวัง”
พรรคแนวร่วมแห่งความหวัง ประกอบด้วย พรรคชนพื้นเมืองสามัคคีแห่งมาเลเซีย ของ ดร.มหาเธร์ พรรคความยุติธรรมของประชาชน นำโดย อาซีซอิชมาแอล ภรรยานายอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งยังถูกจำคุกในคดีร่วมเพศผู้ชายด้วยกันและพรรคกิจประชาธิปไตย นำโดยนายลิม กิตเซียง โดยที่พรรคแนวร่วมทั้งหมดตกลงกันว่าเมื่อชนะเลือกตั้งจะตั้งให้ ดร.มหาเธร์ เป็นนายกรัฐมนตรีสองปีแรก และให้นายอันวาร์ ซึ่งเวลานั้นยังเป็นนักโทษชายได้เป็นนายกรัฐมนตรีสองปีหลัง
เมื่อชนะเลือกตั้งโค่นล้มนายนาจิบ และพรรคอัมโน ลงได้ ในการเลือกตั้งปี 2561 ดร.มหาเธร์ ออกคำสั่ง ห้ามนายนาจิบและภรรยาเดินทางออกนอกประเทศทันที และขอพระราชทานอภัยโทษให้นายอันวาร์และเปิดโอกาสให้เขาได้รับเลือกตั้งซ่อมเข้ามาเป็น สส.มีบทบาทในสภา
แต่รัฐบาลผสมที่รวมตัวกันเฉพาะกิจไม่มีเสถียรภาพ ดร.มหาเธร์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบใหม่ได้ถึงเดือนมีนาคม 2563 สส.ส่วนใหญ่ที่ฝักใฝ่พรรคอัมโน แปรพักตร์ตีจากพรรคแนวร่วมแห่งความหวัง เป็นเหตุให้ต้องตั้งรัฐบาลผสมกันใหม่และได้นายมูฮ์ยัดดิน ยัซซิน เป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงเดือนสิงหาคม 2564 มาเลเซียก็ตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้งโดยมีพรรคอัมโนเป็นแกนนำรัฐบาลผสมและได้นายอิสมาอิล ซาบรี เป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงวันยุบสภา
นายอิสมาอิลเป็นผู้นำที่พาพรรคอัมโนแพ้การเลือกตั้งครั้งเลวร้ายที่สุด ประวัติศาสตร์ พรรคอัมโนสมัยนายนาจิบรุ่งเรือง เคยชนะได้ 175 ที่นั่งจากจำนวนสส. 222 คน ในสภามาเลเซียและพรรคอัมโนตกต่ำที่สุดในการเลือกตั้งวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ได้ สส.เข้าสภาเพียง 30 คน
นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวว่า ประชาชนทิ้งพรรคอัมโน เพราะเบื่อหน่ายที่พรรคมีนโยบายขอพระราชทานอภัยโทษให้นายนาจิบ ราซัค ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 12 ปีในความผิดยักยอกเงินกองทุน 1MDB และน.ช.นาจิบซึ่งถูกจำคุกยังต้องสู้คดีในศาลอีก 47 กระทง ส่วน ดร.มหาเธร์นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่วัย 97 ปีต้องเป็น สส.สอบตกครั้งนี้เพราะประชาชนไม่มั่นใจใน#พรรคเฉพาะกิจของเขา
นายฮาดี อับดุลเลาะ รองผู้อำนวยการสถาบันที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองกลุ่มทุนโบเวอร์เอเชียกล่าวว่า “ความไร้เสถียรภาพของพรรคเฉพาะกิจคือสาเหตุใหญ่ทำให้มาเลเซียเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีสามคนในรอบสามปี”
การไร้เสถียรภาพเกิดจากรวมตัวกันหลวมๆในหมู่พันธมิตรของพรรคเฉพาะกิจ ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในการนำของ ดร.มหาเธร์อีกต่อไปและความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของพรรคอัมโน ที่ได้สส.เพียง 30 คน เป็นเพราะประชาชนไม่อดทนต่อการปกป้องผู้นำทุจริตคอร์รัปชั่นที่พรรคอัมโนมีนโยบายจะขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้นำที่ศาลตัดสินจำคุกในความผิดทุจริตคอร์รัปชั่น”นายอับดุลเลาะกล่าว
และเสริมว่าความแตกแยกใน “พรรคเฉพาะกิจ”ทำให้สนามการต่อสู้ทางการเมืองในมาเลเซียต่อไปแบ่งออกเป็นสามค่าย คือพันธมิตรฝ่ายพรรคพีเอช ฝ่ายแนวร่วมพรรคนิยมมุสลิมแห่งมาเลเซียหรือพรรค PAS และพันธมิตรพรรคอัมโนที่ต้องรวมพลังกันใหม่หลังพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือก 19 พ.ย. 2565
การเลือกตั้งที่ไม่มีพรรคไหนได้คะแนนถึง 112 ที่นั่งจากจำนวน สส. 222 คน จึงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในทันทีไม่ได้เกิดช่องวางทางสภา และเกิดความสับสนวุ่นวายเพราะทั้งฝ่ายนายอันวาร์ และฝ่ายนายมูฮ์ยิดดิน ต่างก็อ้างว่าสามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลผสมเสียงข้างมากได้ นายอันวาร์แถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ 21 พ.ย.ว่า เขาสามารถตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคบีเอ็นที่เป็นฝ่ายของนายราจิบ ซึ่งเป็นคู่แค้นคู่แข่งของเขาได้ (นายอันวาร์มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น และต้องให้ดำเนินคดีนายจิบที่เหลืออยู่ในศาลจนถึงที่สุด ส่วนกลุ่มสส.ในพรรคบีเอ็นหรืออัมโนจำแลงโดยการนำของอิสมาอิล ซาบรี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันผลักดันให้ขอพระราชทานนิรโทษกรรมนายนาจิบ=ผู้เขียน)
“ผมยังคิดในแง่บวกว่าเราสามารถตั้งรัฐบาลผสมที่โปร่งใสกว่า เป็นประชาธิปไตยร่วมกันได้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวมาเลเซียทั้งมวล” นายอันวาร์ กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 พ.ย ในขณะที่พรรคพีเอ็นของนายมูฮ์ยิดดิน ก็ยืนยันว่าฝ่ายตนรวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลผสมได้
และหลังยื้อกันอยู่เจ็ดวันในที่สุดสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุลลาห์ฯ ก็ทรงแต่งตั้งนายอันวาร์เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยอย่างรอบด้าน สมเด็จพระราชาธิบดีประมุขแห่งประเทศมาเลเซียทรงแต่งตั้ง ดาโต๊ะอันวาร์อิบราฮิม เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 สำนักข่าวเอเอฟพีเสนอแถลงการณ์สำนักพระราชวังเป็นข่าวด่วนตอนบ่ายวันที่ 24 พฤศจิกายน
หลังจาก สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ไม่นานนายอันวาร์ก็สาบานตนเข้ารับตำแหน่งต่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันว่านายอันวาร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากยี่สิบปีในวงการเมืองที่ลุ่มๆ ดอนๆ นายอันวาร์เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ ดร.มหาเธร์ตั้งให้เป็นทายาททางการเมือง และดร.มหาเธร์คนเดียวกัน ที่จัดการให้นายอันวาร์ติดคุก และดร.มหาเธร์ก็เป็นผู้ชุบชีวิตทางการเมืองของเขาขึ้นมาใหม่ โดยการขอพระราชทานอภัยโทษให้นายอันวาร์ กลับโลดแล่นทางการเมืองจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในห้วงเวลาที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงทางการเมือง
ผลของการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ในประเทศมาเลเซียจึงควรเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศไทยว่า“พรรคเฉพาะกิจคือมูลเหตุความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและพรรคที่มีนโยบายหรือมีเป้าหมายช่วยคนผิด” พาคนทุจริตคอร์รัปชั่น อาฆาตพยาบาทสถาบันฯกลับบ้านทางประตูหน้า มาไกวเปลเลี้ยงหลาน”
พรรคนั้นไม่มีวันได้เป็นรัฐบาล ตราบใดที่ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชปกป้องคุ้มครอง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี