ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ ว่าสังคมไทยยังมีคนดัดจริตอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย คนดัดจริตพวกที่ว่านั้น มักชอบถามว่า จะมีทหารไปทำไม ในเมื่อไม่มีสงครามแล้วขอบอกตรงๆ ว่าคนที่เชื่อว่าโลกนี้ไม่มีสงครามอีกแล้ว ก็คือพวกล่องลอยเคว้งคว้างอยู่บนโลกจินตนาการ หรือพูดให้ตรงประเด็นก็คือพวกเพ้อฝัน
ในความเป็นจริงนั้น การที่ประเทศใดหรือรัฐใดไม่ถูกประเทศหรือรัฐอื่นเข้ารุกราน เป็นเพราะประเทศหรือรัฐนั้นมีกำลังรบที่เข้มแข็งจนประเทศอื่นหรือรัฐอื่นไม่กล้าเข้าไปรุกราน ประเทศหรือรัฐก็เปรียบเสมือนคน หากคนคนหนึ่งอ่อนแอ ก็จะถูกอีกคนหนึ่งที่ไม่รักความสงบสันติรุกรานหรือรังแก แต่หากคนที่คิดจะรังแกใครก็ตาม รู้ดีว่าคนที่ตนเองจะเข้าไปคุกคาม รุกราน หรือรังแกมีพิษสง มีเขี้ยวเล็บมีกำลังตอบโต้ได้อย่างสาสม ฝ่ายรุกรานก็จะไม่กล้ารังแกเป็นอันขาด
เพราะฉะนั้น พวกที่บอกว่าไม่ต้องมีทหาร เพราะไม่มีสงครามอีกแล้ว จึงเป็นพวกดัดจริตมาก นอกจากดัดจริตแล้วยังดูเสมือนว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องระดับสติปัญญาอีกด้วย ดัดจริตชนจำพวกนี้ชอบลอยหน้าบอกว่า ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องซื้ออาวุธสงครามแต่ให้เอาเงินไปทำอย่างอื่นแทน คนที่พูดแบบนี้เป็นพวกที่ชอบโฆษณาตัวเองว่าเป็นพวกรักสงบ ใฝ่สันติ ไม่นิยมความรุนแรง แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงพวกชอบสร้างภาพลวงตาเท่านั้น
พวกสมองกลวงมักบอกว่า ต้องใช้การเจรจาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้การรบราฆ่าฟันกัน ซึ่งฟังแล้วดูดีมาก และต้องบอกว่าดีเกินจริง (too good to be true) แต่คนที่เพ้อฝันแบบนั้นก็เป็นเพราะเพ้อไปตามระดับสติปัญญา เพราะเขาไม่เคยรู้ว่าการที่ประเทศใด หรือรัฐใดจะมีการทูตที่แข็งแกร่งได้ หรือมีการเจรจาการทูตได้ดีมากๆ นั้น ต้องมีกำลังรบที่แข็งแกร่งเป็นเครื่องหนุนหลัง ไม่เคยมีการทูตของประเทศหรือรัฐใดประสบความสำเร็จ หากปราศจากกำลังรบเป็นเครื่องหนุนหลัง
สำหรับประเทศไทยนั้น มูลเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยไม่ชอบ จนถึงขั้นรังเกียจทหาร ก็เพราะเห็นว่าทหารไทยทำรัฐประหารบ่อยมาก บ่อยมากเสียจนมีคำถามว่าโรงเรียนทหารเหล่าต่างๆ ของไทยเขาสอนหลักการทำรัฐประหารเป็นวิชาเอกในการศึกษา กระนั้นหรือ
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 ในประเทศไทย ได้เกิดรัฐประหารมาแล้วจนถึงขณะนี้รวม 13 ครั้ง ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เพียงไม่นาน ก็เกิดรัฐประหารครั้งแรกเมื่อ 1 เมษายน 2476 และต่อมาอีกไม่กี่เดือนในปีเดียวกัน คือเดือนมิถุนายน ก็เกิดรัฐประหารอีก แล้วก็เกิดรัฐประหารมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ จนมาครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 ส่วนรัฐประหารครั้งใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้น ต้องติดตามดูเอาเอง แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะมีรัฐประหารหรือไม่
ถามว่าเมื่อมีรัฐประหารแล้ว จำเป็นที่ประเทศต้องปราศจากทหาร กระนั้นหรือ ขอบอกว่ามันเป็นคนละประเด็นกันโดยสิ้นเชิง เพราะหลายประเทศมีทหาร แต่ก็ไม่เคยมีรัฐประหาร เพราะฉะนั้นจะอ้างว่ามีทหารแล้วต้องเกิดรัฐประหาร จึงไม่เป็นความจริงเสมอไป แต่มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมโดยรวมของคนกลุ่มต่างๆ ในประเทศ อาทิ ประชาชนทั่วไป นักการเมือง ข้าราชการพลเรือน และข้าราชการทหารตำรวจ รวมถึงพฤติกรรมของพ่อค้า
นักธุรกิจทั้งระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับข้ามชาติ
ดังนั้น ใครก็ตามที่บอกว่าไม่ต้องมีทหารอีกต่อไปเพราะไม่มีความจำเป็น ก็จึงเป็นเพียงพวกที่ดัดจริตโดยแท้ คนจำพวกนี้ก็น่าจะไม่ต่างไปจากพวกที่อยากมีความสุขทางเพศโดยไม่ต้องการมีผัวเมียเป็นตัวเป็นตนซึ่งบางคนก็อาจจะบอกว่าไม่ผิดกับการมีความสุขทางเพศโดยไม่มีคู่ผัวตัวเมียเป็นตัวเป็นตน แต่สำหรับประเทศแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความมั่นคงทางอธิปไตยโดยปราศจากกำลังรบที่เข้มแข็ง
เพราะฉะนั้น แทนที่จะลอยหน้าพูดด้วยความดัดจริต ไร้ปัญญาว่าประเทศไม่ต้องมีทหาร หรือยกเลิกการมีทหารเสียให้หมด ก็น่าจะต้องมาช่วยกันกำจัดพฤติกรรมอันไม่น่าประสงค์ของทหารบางคน เช่น พฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น บ้าอำนาจ อิทธิพลเถื่อน แทรกแซงการเมือง ใช้อำนาจของกองทัพเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ
การกันหรือดันทหารออกไปจากการเมือง จึงเป็นเรื่องที่เรียกว่าประหลาดมาก ทำไมต้องกันทหารออกไปจากการเมือง เพราะทหารก็เป็นสมาชิกของสังคม แต่หากทหารอยากจะเข้าสู่สนามการเมือง ก็ขอให้ถอดยศ วางอาวุธ แล้วเข้าสู่สนามการเมือง อย่าพกเอาอำนาจบ้าๆ บอๆ เข้าไปในสนามการเมือง ถ้ารักจะเป็นทหาร ก็ขอให้เป็นทหารอาชีพจริงๆ ทำตามสิ่งที่ทหารชำนิชำนาญ อะไรที่ไม่รู้ ไม่มีความสามารถ ก็ไม่ต้องกระสันเข้าไปทำ อย่าคิดว่าทหารรู้และเก่งไปทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเรื่องที่ทหารไม่รู้ ไม่มีความสามารถก็อย่าทุรนทุรายเข้าไปเกี่ยวข้อง
แต่หากทหารอยากจะเข้าสู่วงการเมือง ก็ถอดชุดทหาร วางอาวุธ แล้วเข้าสู่สนามการเมือง หากการเมืองมันวุ่นวายมาก มันทุจริตคอร์รัปชั่นมาก ก็ไม่ต้องทำรัฐประหาร แค่ดูแลสถานการณ์ภายในประเทศให้สงบสุขก็พอแล้ว เรื่องการเมืองปล่อยให้นักการเมืองแก้ไป ทหารก็ทำในเรื่องของตนให้ดีเท่านั้น รับรองว่าบ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ไม่เกิดปัญหาโกลาหล แต่หากจะเกิดความโกลาหลเพราะน้ำมือนักการเมือง ก็ต้องปล่อยให้มันเกิด เพราะมันเป็นเรื่องของคนที่เลือกนักการเมืองจำไว้ว่าทหารมีหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมือง รักษาบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภัยรุกรานจากศัตรูนอกประเทศ ย้ำว่าทหารไม่มีหน้าที่รัฐประหาร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี