การยุบสภาเป็นกระบวนการสำคัญกระบวนการหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่จะเป็นผลให้สมาชิกของรัฐสภาต้องพ้นจากหน้าที่ และต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่ ดังนั้นจึงมีกระบวนการที่เกี่ยวข้อง นั่นคือการแสดงออกของสมาชิกรัฐสภาที่จะมีผลต่อการยุบสภา
เพราะระบอบประชาธิปไตยนั้นรัฐบาลต้องมีเสียงข้างมากในสภา และต้องดำรงรักษาเสียงข้างมากไว้ตลอดเวลาจนกระทั่งหมดวาระสมัยของรัฐสภานั้น ถ้าเมื่อใดก็ตามรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากหรือไม่สามารถควบคุมเสียงข้างมากในสภาได้ก็ต้องลาออกหรือต้องยุบสภา
การลาออกก็เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐสภาเลือกรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง แต่การยุบสภาก็เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ซึ่งโดยปกติต้องเกิดจากความไม่แน่ใจว่าประชาชนยังสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งต้องถือจากจำนวนสมาชิกรัฐสภาฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายค้าน ถ้าแตกต่างกันไม่มากก็ย่อมถือเป็นเหตุอันควรสงสัยและสามารถใช้วิธียุบสภา
ในประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขซึ่งมีหลักว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภา รัฐบาล และศาล ดังนั้น การยุบสภา การตั้งรัฐบาล หรือการแต่งตั้งผู้บริหารศาลจึงต้องกระทำโดยประมุขคือพระมหากษัตริย์ เพราะอำนาจเหล่านี้ไม่ใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล
สำหรับประเทศไทยของเรามีขบวนการหนึ่งเรียกว่าขบวนการแป๊ะ ที่พยายามบิดเบือนระบอบการปกครองเพื่อลิดรอนพระราชอำนาจ บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และพยายามแย่งชิงพระราชอำนาจของประมุขไปให้กับผู้มีอำนาจในรัฐบาล และได้ดำเนินการสืบทอดอุดมการณ์ของคณะราษฎรในลักษณะแอบแฝงมาเป็นเวลาช้านานแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2525 จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
ขบวนการนี้ได้บิดเบือนบทกฎหมายต่างๆ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมาเพื่อลิดรอนบั่นทอนพระราชอำนาจและฐานะประมุขของพระมหากษัตริย์และทำมาถึงขั้นที่ใกล้จะกล่าวได้ว่ากำลังทำให้พระมหากษัตริย์มีฐานะเท่ากับตรายางเท่านั้น
มิหนำซ้ำยังพูดแล้วพูดเล่า เขียนแล้วเขียนเล่า หลอกหลอนให้ประชาชนสำคัญผิด เช่น พยายามสร้างความเชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีอำนาจยุบสภาเมื่อใดก็ได้ มีอำนาจจะแต่งตั้งใครเป็นรัฐมนตรีก็ได้ซึ่งความจริงไม่ใช่
แม้รัฐธรรมนูญจะถูกตราในลักษณะนี้มาพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าล้มหลักสำคัญเสียทีเดียว ดังนั้นรัฐธรรมนูญทุกฉบับจึงยังคงบัญญัติยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการยุบสภา ในการเปิด-ปิดสมัยประชุมรัฐสภา ในการแต่งตั้งหรือถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี
รัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนเช่นนี้แล้ว ขบวนการแป๊ะยังพยายามพร่ำพูดพร่ำเขียนบิดเบือนกรอกหูกรอกตาประชาชนว่านายกรัฐมนตรีมีอำนาจยุบสภาหรือปรับคณะรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควรเมื่อใดก็ได้ ซึ่งการสร้างความเข้าใจลักษณะนี้ก็คือการวางรากฐานความรู้ความเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชน ซึ่งไม่ใช่หลักการในระบอบประชาธิปไตย
ได้พยายามขยายอำนาจที่จะรวบไปให้นายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง และทำจนถึงขั้นการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งฝ่ายสถาบันศาล องค์กรอิสระ จะต้องมีนายกรัฐมนตรีรับสนองพระบรมราชโองการนี่คือการบิดเบือน ลิดรอน และรวบอำนาจอธิปไตยของปวงชนไปไว้ที่นายกรัฐมนตรี และเป็นกระบวนการในการทำให้พระมหากษัตริย์ไม่มีอำนาจในฐานะประมุขของรัฐโดยสมบูรณ์
การบิดเบือนอำนาจอธิปไตยในลักษณะนี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่ระบอบการปกครองของประเทศมานานนักหนา จนทำให้ระบอบการปกครองวิปริตฟั่นเฟือนดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้
ดังนั้นการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยเรื่องหนึ่งก็คือการปฏิรูปกฎหมาย ต้องรื้อถอนสิ่งที่ขบวนการแป๊ะได้บิดเบือนและวางหมากวางกลไว้เพื่อสร้างระบบกฎหมายที่เป็นประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขขึ้นมาใหม่โดยเร็วที่สุด
ขณะนี้การเมืองมาถึงจุดสำคัญว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ เพราะมีสถานการณ์ที่รู้ทั่วกันว่ากระแสนิยมของรัฐบาลตกต่ำถึงที่สุดแล้ว และกำลังมีการเปิดอภิปรายทั่วไป ซึ่งก็ทราบกันทั่วไปว่าเป้าหมายในการอภิปรายทั่วไปนี้คือตัวนายกรัฐมนตรีคนเดียว ในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยรวม ในเรื่องการกำกับสั่งการกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และถ้าฝ่ายค้านมีโอกาสนำความจริงทั้งหลายซึ่งก็เป็นความจริงที่ประชาชนทั้งประเทศสัมผัสและทราบดีกันอยู่แล้วออกมาเรียงถ้อยร้อยคำให้เป็นระบบ เป็นกระบวน ที่ชัดเจน ก็จะเป็นข้อเท็จจริงเชิงประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศ ที่ประชาชนทั้งหลายกำลังเผชิญชะตากรรมอยู่
สถานการณ์วิกฤตได้ขยายลามไปถึงข้าราชการทั่วประเทศด้วย และความคับข้องหมองใจในหมู่พี่น้องข้าราชการแสนสาหัสนัก จึงลุกฮือขึ้นต่อสู้ในหลายส่วนราชการ เป็นผลให้หัวหน้าส่วนราชการที่กระทำผิดกระทำชั่วต่อบ้านเมืองข่มเหงรังแกรีดนาทาเร้นข้าราชการด้วยกันเองต้องถูกตรวจสอบไต่สวนจำนวนมาก
สถานการณ์เช่นนี้ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องหาทางหลีกเลี่ยง แต่ปมเงื่อนก็คือจะยุบสภาหรือไม่ และยุบสภาได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่มีการยุบสภาและนายกรัฐมนตรีถูกตรึงไว้กับหลักประหารทางการเมืองก็เป็นสถานการณ์ที่น่าอเนจอนาถนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี