บ้านเรือนย่อมมีฐานราก และฐานรากที่มั่นคงย่อมทำให้บ้านเรือนนั้นมั่นคง บ้านเมืองก็ต้องมีฐานราก และถ้าฐานรากมั่นคงบ้านเมืองก็มั่นคง สถาบันพระมหากษัตริย์ก็เช่นเดียวกัน ต้องมีฐานราก และถ้าฐานรากมั่นคง สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะมั่นคงสถาพรเป็นนิรันดร์
สถาบันพระมหากษัตริย์ของอังกฤษมั่นคงสถาพรมายาวนานเพราะมีฐานรากที่มั่นคง ครบถ้วนสมบูรณ์มายาวนาน และมีการพัฒนาปรับปรุงเสริมแต่งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
ประเทศทั้งหลายล้วนเคยมีสถาบันพระมหากษัตริย์มาแล้วทั้งนั้น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปหลายประเทศก็ได้สูญเสียสถาบันพระมหากษัตริย์ไปด้วยเหตุผลต่างๆ กันตามสภาพและพื้นหลังทางประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นๆเป็นผลให้ปัจจุบันนี้เหลือประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ประมาณ 27 ประเทศเท่านั้น
การที่สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศทั้งหลายได้สูญสิ้นสลายไป นอกจากเป็นไปตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์ที่สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปแล้ว กฎแห่งพระไตรลักษณ์นั้นก็ยังต้องอาศัยกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการด้วย ย่อมหมายความว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศใดที่ไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงได้ก็จะกลายเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการ
และในที่สุดกลไกอันเป็นจักรแห่งความเปลี่ยนแปลงก็จะหมุนทับไว้ข้างหลังในประวัติศาสตร์ และก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าประเทศที่ยังคงมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่จนถึงบัดนี้มีขีดความสามารถในการปรับตัวให้สอดคล้องกับพัฒนาการของสังคมมนุษย์และประเทศนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าขีดความสามารถในการปรับตัวนั้นจะดำรงคงอยู่ตลอดไป การจะเป็นประการใดย่อมขึ้นอยู่กับความเป็นจริงของประเทศนั้นๆ
ในประเทศอาเซียนของเรานั้น ประเทศกัมพูชาได้ฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาใหม่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ หลังจากสถาบันพระมหากษัตริย์ของกัมพูชาถูกโค่นล้มลงในยุคช่วงปลายสงครามเย็น โดยน้ำมือของนายพลลอน นอล คนขายชาติของกัมพูชาที่ประพฤติตนอยู่ใต้อาณัติของนักล่าอาณานิคม ที่ก่อนนั้นปากก็พล่ามแต่คำว่าจงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน แต่ในที่สุดก็กลายเป็นผู้ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา
หลังจากกองทัพผสมของกองกำลังปฏิวัติกัมพูชาที่นำโดย เฮง สัมริน และได้รับการสนับสนุนโดยเวียดนามได้เข้ายึดกัมพูชา และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาจนถึงรัฐบาลนายฮุนเซ็น ซึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ เป็นฝ่ายสังคมนิยม เป็นฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์นายฮุนเซ็นก็ได้ฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ของกัมพูชาขึ้นตามความปรารถนาของปวงชนชาวกัมพูชา
ปรับระบบการปกครองของกัมพูชาให้เป็นราชอาณาจักร และเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจากนั้นก็ได้ฟื้นฟูราชประเพณี ปราสาท ราชมณเฑียรต่างๆและวางฐานรากของระบอบกษัตริย์ของกัมพูชาขึ้นมาใหม่ จนมีความมั่นคงสถาพรมากขึ้นโดยลำดับดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้
ฐานรากสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์มีอยู่สามฐานราก นั่นคือนอกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นประมุข ทรงทศพิธราชธรรม ทรงเป็นศูนย์รวมใจของอาณาราษฎร ทรงเป็นจอมทัพ และทรงเป็นผู้แทนผู้ใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนแล้ว ก็ยังมีสามฐานรากที่ค้ำจุนหรือเป็นรากฐานให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์คือ
ฐานันดรศักดิ์ ได้แก่ พระบรมวงศานุวงศ์ที่เป็นเครือข่ายสายราชตระกูลที่จะสืบสันตติวงศ์ตามบทกฎหมายที่กำหนด หรือที่เรียกว่ากฎมณเฑียรบาล ที่มีความเป็นปึกแผ่นแน่นหนามั่นคง ตั้งแต่สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระรัชทายาท สมเด็จเจ้าฟ้า เป็นลำดับลงมาจนถึงชั้นหม่อมเจ้าตลอดจนพระราชอำนาจที่จะทรงสถาปนาฐานันดรศักดิ์ตามที่ทรงเห็นสมควร โดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาล
ฐานันดรศักดิ์นั้นจะเป็นหลักประกันความมั่นคงในการสืบสันตติวงศ์ของเชื้อวงศ์พงศาของสมเด็จพระมหากษัตริย์ให้จีรังยั่งยืนในอนาคตกาลไม่มีที่สิ้นสุด
สมณศักดิ์ ได้แก่ ศักดิ์ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงธรรม ทรงวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของมหาชน ทั้งฝ่ายอรัญวาสี ฝ่ายคามวาสี และพระสงฆ์ต่างประเทศ ตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ ลงมาจนถึงเจ้าคณะต่างๆ กระทั่งถึงพระอธิการ ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา หล่อหลอมแวดล้อมจิตใจประชาชนให้มีความจงรักภักดีมั่นคงซื่อสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์และประเทศชาติ และ
บรรดาศักดิ์ ได้แก่ ศักดิ์ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ขุนนาง ข้าราชการ และราษฎรผู้มีความชอบต่อแผ่นดิน เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในความจงรักภักดี ในสติปัญญาความสามารถและในธรรมประจำตัว อันสมควรแก่ที่จะได้รับพระราชทาน ตั้งแต่สมเด็จเจ้าพระยา เจ้าพระยา พระ หลวง ขุน หมื่น ลงมาถึงกระทั่งจางวาง ซึ่งจะเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติสนองพระราชประสงค์และพระราชกิจทั้งหลายให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชน
ฐานรากทั้งสามนี้บริบูรณ์มั่นคงดำรงสถาพรตราบใด สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะมั่นคงดำรงสถาพรไปตราบนั้น
สำหรับประเทศไทยของเราแต่ก่อนมาก็มีสามฐานรากนี้มั่นคงแข็งแรงมาหลายร้อยปี จนกระทั่งถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 คณะราษฎร์ก็ให้ยกเลิกบรรดาศักดิ์ เป็นอันสิ้นสุดหรือรื้อฐานรากอันมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์จนมาถึงวันนี้ บ้านเมืองเราจึงเป็นเช่นนี้ คือเต็มไปด้วยคนทุจริต ฉ้อฉล โกงชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายตัว ขายชาติมิได้ตั้งตัวอยู่ในคุณธรรมอันสมควรแก่ราชวัตรของข้าราชการในพระมหากษัตริย์เลย
ถึงเวลาหรือยังที่บ้านเมืองของเราจะได้สร้างหรือฟื้นฟูฐานรากสำคัญคือบรรดาศักดิ์ขึ้นมาใหม่เพื่อความมั่นคงดำรงสถาพรของสถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี