พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายทหารที่บริหารประเทศแบบการเมืองกึ่งราชการมานานกว่าแปดปี ที่เพิ่งเป็นนักการเมืองเต็มตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และถูกทดสอบในสภาในฐานะนักการเมืองเป็นครั้งแรกซึ่งนักสังเกตการณ์มองว่า อารมณ์ และวาทะทางการเมืองของลุงตู่ยังอยู่ขั้นอนุบาลเนื่องจากเก็บอาการไม่อยู่
แปดปีที่ผ่านมา ลุงตู่คงฟังเสียงจากคนรอบข้างว่า ดีครับนาย ได้ครับท่าน ผ่านครับพี่ คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหาร เป็นหัวหน้ารัฐบาลมานานหลายปีมักไม่มีคนจริงใจที่กล้าแนะนำว่า เมื่อเข้ามาอยู่ในสภาต้องรักษาอาการเหมือนที่ หลวงวิจิตร วาทการ ประพันธ์ว่า“เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา”
หากลุงตู่ไม่อยู่ในท่ามกลางนักการเมืองข้าราชการที่ประจบสอพลยกยอปอปั้น ต้องมีคนแนะนำหรือเตือนสติลุงตู่ว่า การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 นั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านเขาใช้เล่ห์เพทุบายใช้วาทกรรมหลอกด่ารัฐบาลตีหัวเข้าบ้าน เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อใช้หาเสียง ดังนั้น นายกฯที่สวมหมวกสองใบ คือ เป็นตัวเอกของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเวลาเดียวกันต้องเตรียมใจให้พร้อมรับกับพายุน้ำลายที่เป็นพิษร้ายทำลายขันติ ทำให้ขาดสติยังคิดได้
ความจริงลุงตู่คงรู้มาล่วงหน้าว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย ไม่มีประเด็นใหม่ เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา คือฝ่ายค้านใช้โวหารใช้วาทกรรมเดิมๆ แต่เพิ่มที่ฝ่ายค้านนำข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงความเหลวแหลกในแวดวงราชการและองค์กรอิสระบางหน่วยงานที่คอร์รัปชั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าไปพัวพันกับธุรกิจจีนสีเทากับนายตู้ห่าวผู้ต้องหาคดียาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ ประกอบกับพรรคฝ่ายค้านนำการตั้งสมญานามนายกฯว่า “หน้ากากคนดี และ แปดปีแปดเปื้อน” มาเปิดประเด็นอภิปรายจี้ใจดำนายกฯ
ก่อนหน้าสภาเปิดอภิปรายสองวัน ลุงตู่แสดงความรำคาญสื่อออกมาด้วยคำพูดว่า“ยุ่งกับชีวิตกูจริง” ลุงตู่หลุดคำพูดนั้นออกมา ขณะที่นักข่าวแซวว่า นายกฯเกร็งมากไปนะเมื่ออยู่ท่ามกลางนางงาม แต่สื่อมีอคติกับลุงตู่เอาไปขยายความว่าลุงตู่แสดงความไม่พอใจบริษัทจัดการประกวดความงามที่มาขอความสนับสนุน ดังนั้นความรู้สึกไม่พอใจสื่อบางค่ายกับความรู้สึกรำคาญที่ฝ่ายค้านเน้นโจมตีมาที่ครอบครัวและเครือญาตินายกฯกล่าวหาว่าคอร์รัปชั่นและพัวพันกับธุรกิจจีนสีเทานายตู้ห่าว
หลังจากผู้นำฝ่ายค้าน เปิดประเด็นและ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เรื่องสงสัยว่าหลานชายนายกฯอาจเกี่ยวพันกับทุนจีนสีเทานายตู้ห่าว สส.จิราพร สินธุไพร พรรคเพื่อไทย จัดหนักโจมตีหลานชายพลเอกประยุทธ์ และ นามสกุลจันทร์โอชา โดย สส.จิราพร เท้าความไปถึงปี 2557 ว่าหลานชายพลเอกประยุทธ์จดทะเบียนตั้งบริษัทในค่ายทหารและกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลลุงซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลฮั้วประมูลงานในค่ายทหาร ในเวลาสี่สิบห้านาที สส.จิราพร วนเวียนอยู่แต่เรื่องกิจการของหลานนายกฯ ซึ่งตอนท้ายอภิปรายว่าบริษัท Contemporary Construction ของหลานชายนายกฯเป็นนอมินีของนายตู้ห่าวในการทำสัญญาซื้อรถบัสจากจีน และเลี่ยงภาษีโดยการแจ้งว่าเป็นรถบัสนำเข้าจากมาเลเซีย จากสำเนาเอกสาร ข้อมูลตัวเลขที่ สส.จิราพรนำมาฉายสไลด์ในสภาเป็นข้อมูลเท็จจริงอย่างไรไม่มีใครตอบได้ แต่ความเสียหายเกิดขึ้นพลเอกประยุทธ์โดยตรง
เมื่อถึงเวลาลุกขึ้นชี้แจงลุงตู่ ปฏิเสธว่าไม่ปกป้องสนับสนุนคนทำความผิด“ใครทำความผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมายไปศึกษามา” ตั้งแต่เช้าจนเย็น ฝ่ายค้านวนเวียนอยู่แต่การใช้วาทกรรมใช้โวหารโจมตีรัฐบาลเน้นเป้าหมายไปที่นายกฯ เมื่อถึงเวลาลุงตู่ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ข้อกล่าวหาอีกคราโดยเริ่มต้นว่า “ที่ท่านพูดกันนะรัฐบาลทำมาหมดแล้ว เคยดูเคยศึกษากันบ้างไหม?..” ถึงตอนนี้ สส.หลายคนหัวเราะ พลเอกประยุทธ์ก็สวนกลับว่า “หัวเราะอะไรกัน...ที่รัฐบาลทำสำเร็จมาหลายอย่างเคยศึกษากันบ้างไหม..” ตอนนี้คนดูทีวีรู้สึกได้ว่านายกฯ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เพราะชี้แจงไปถามไปรู้ไหม? เคยเห็นไหม?! เมื่อก่อนตอนเป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ ฯลฯ
คือ แทนจะแก้ข้อกล่าวหา หรือตอบโต้อย่างมีศิลปะ ที่เรียกกันว่า “ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง หรือน้ำกรดแช่เย็น” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักการเมือง หรือ ยิ้มได้ เมื่อภัยมาอย่าง นายควง อภัยวงศ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่ากันว่าตอนที่ทหารมาจี้ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อเพื่อน สส.ปชป. บอกว่าอย่าออกเรามาตามวิถีประชาธิปไตย นายควง ตอบติดตลกว่า“แต่เขามาตามวิถีกระสุน”นั้น คือคนที่ยิ้มได้เมื่อภัยมา ที่นายควงรักษาอาการได้อาจเป็นเพราะท่านอยู่ในแวดวงนักการเมืองที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน ไม่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาการทหารเหมือน พลเอกประยุทธ์ที่หลุดง่าย
ในฐานะคนทำข่าวการเมือง และเห็นพฤติกรรมนักการเมืองมามากกว่า อยากแนะนำพลเอกประยุทธ์ว่า อย่าฟัง แต่คำเยินยอคำสอพลอจากนักการเมืองที่หวังอาศัยบารมีลุงตู่เข้าสภาเพื่อหาประโยชน์กับลุงตู่มากนัก ตัวอย่างเช่นนักเลือกตั้งจัดฉากขนคนมาต้อนรับลุงตู่ในพื้นที่ 3,522 ตารางเมตร แล้วโหมกระหน่ำว่าคนมาต้อนรับลุงตู่สองหมื่นกว่าคน อีกสองอาทิตย์ต่อมาสื่อเชียร์ไม่ลืมหูลืมตาลงข่าวว่าคนแห่กันมาสี่หมื่นกว่าคน แถมยังประโคมข่าวว่าบารมีบ้านใหญ่จะกวาด สส.ได้ทั้งสามที่นั่งของจังหวัด แล้วลุงตู่คงจัดรัฐมนตรีให้หนึ่งตำแหน่ง
ซึ่งในสภาพเป็นจริงทางการเมืองพูดได้ว่าลุงตู่อยู่ระหว่างเขาควายของคำว่า นักการเมืองบ้านใหญ่ นักการเมืองขาใหญ่ กับนักการเมืองบ้านใหม่ นักการเมืองหน้าใหญ่ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดชุมพร จังหวัดชลบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมาและอื่นๆ อีกหลายจังหวัดในหลายภูมิภาค ลุงตู่ต้องสำเหนียกว่าวันนี้เราเป็นนักการเมืองเต็มตัว ที่ต้องสู้ศึกรอบด้านทั้งศึกภายนอกและภายในต้องปรับตัวให้เข้ากับนักการเมืองบ้านใหญ่และนักการเมืองบ้านใหม่ ลุงตู่มีคู่แข่งทั้งฝ่ายตรงข้ามขาประจำ และ คนรู้ใจที่รักใคร่กันมานานลุงตู่ต้องสำเหนียกว่าฝ่ายตรงข้ามเขามีฐานการเมืองของใครของมัน แต่ฐานเสียงของลุงตู่เป็นฐานเสียงเดียวกับพรรคที่ลุงตู่เพิ่งแยกตัวออกมา
กล่าวคือพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ มีฐานการเมืองกลุ่มเดียวกัน คือพี่น้อง 3 ป. ก่อตั้งพรรคขึ้นมาโดยการดึงนักเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์มารวมเป็นพรรคพลังประชารัฐ และ พปชร. เติบใหญ่ขึ้นมาได้เพราะชื่อเสียงบารมีของพลเอกประยุทธ์ กับมือประสานงานบนดินใต้ดินของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ดังนั้นเมื่อเอาฐานเสียงสองส่วนมารวมกันทำให้ พปชร.ได้สส.เขต 96 คนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และ นักวิเคราะห์การเมืองจึงมองว่าในการเลือกตั้งที่มีขึ้นในเดือน พ.ค. 2566 สองพรรคนี้จะได้ สส.เขตรวมกันไม่เกิน 100 คน พปชร.จะได้ สส.เขตมากกว่า เพราะลุงป้อมมีความเป็นนักการเมืองกว่าที่คว้า สส.บ้านใหญ่ และขาใหญ่ไว้ได้ ส่วน รทสช.จะได้ สส.บัญชีรายชื่อมากกว่า เพราะความนิยมในตัวลุงตู่มีมากกว่าลุงป้อมนักวิเคราะห์การเมืองจึงฟันธงว่า สองพรรคนี้ได้สส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์รวมกันแล้วไม่เกิน 116 คน
นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวด้วยว่า ภาคอีสาน พปชร.มี ว่าที่ผู้สมัครคนดังอย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ รทสช.ก็ไม่น้อยหน้า ภาคใต้คว้า ว่าที่ผู้สมัครคนดังอย่าง “เจ๋ง ดอกจิก” มาไว้สังกัดได้เช่นกันและเมื่อรทสช. คว้าแกนนำเสื้อแดง “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ กับอานนท์ แสนน่าน มาอยู่ในสังกัด ทาง พปชร.ก็ไม่น้อยหน้าดึง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” กับสี่กุมาร มาสู่รังเก่าได้ จึงตรงกับที่นักวิเคราะห์ทางการเมืองฟันธงว่าสองพี่น้องแยกทางกันในขณะที่มีฐานคะแนนเดียวจึงทำนายว่า จะแย่งกันได้ที่สี่ ที่ห้า ลุงตู่จากการเลือกตั้งจะมาถึง ลุงตู่จึงตกอยู่ในระหว่างเขาควายของบ้านใหญ่ ขาใหญ่ กับบ้านใหม่ หน้าใหญ่ เพราะปรับตัวให้เป็นนักการเมืองไม่ได้
วันนี้อุทิศเนื้อที่ให้กับ รทสช.และพปชร.เนื่องจากมีข่าวว่า มีการปาดหน้ากันออกหา ว่าที่ผู้สมัคร สส.เพราะเป็นพรรคที่เที่ยวหาจับปลาในบ่อเพื่อนเหมือนกัน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี