วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ยิ่งใกล้กำหนดการเลือกตั้งเข้ามาเท่าใดก็มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเฉพาะในการหาเสียงเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ในการหาเสียงของพรรคการเมืองที่ไม่ได้มีอำนาจรัฐก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำไปตามลำแข้งลำขาแห่งตน แต่ในขณะเดียวกัน พรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐได้ถูกจับจ้องมองจากสายตาของประชาชนทั่วประเทศ
เพราะมีข้อกังขาว่ามีการใช้อำนาจรัฐนำทรัพย์สินของทางราชการ ตลอดจนบุคลากรของรัฐไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งข่าวคราวที่ปรากฏทางสื่อมวลชนก็สอดคล้องกับข้อกังขานั้น จึงทำให้เกิดการเพ่งเล็งและกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวาง
ในที่สุด กกต. ก็ต้องมีหนังสือไปยังรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในเชิงแจ้งเกี่ยวกับการปฏิบัติว่าการนำทรัพย์สินของทางราชการหรือบุคลากรของทางราชการไปเป็นประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งเป็นการไม่ชอบโดยกฎหมาย ซึ่งมีลักษณะเป็นการแจ้งทั่วไป ประหนึ่งว่าไม่มีเรื่องราวข้อกังขาใดๆ จึงยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้นไปอีก
เพราะฐานที่มาของ กกต. ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามีฐานที่มาจากความเห็นชอบของ สว. ที่ได้รับการเห็นชอบแต่งตั้งโดย คสช. ในอดีตดังนั้นความโปร่งใสและความชัดเจนในเรื่องนี้จึงมีความจำเป็นต่อความเชื่อมั่นของประชาชนว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมและรวดเร็ว
การนำทรัพย์สินของทางราชการและการใช้ทรัพยากรโดยเฉพาะบุคลากรของทางราชการไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งนั้นเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง เช่น เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งมีแต่ความเป็นอัปมงคลและหายนะทั้งสิ้น
และขณะนี้นอกจากสายตาประชาชนจับจ้องมองทั้งประเทศแล้วก็มีผู้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่มีอำนาจ มีการตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการอ้างการตรวจราชการไปหาเสียงเลือกตั้งถึง 19 ครั้ง ซึ่งถ้าหากไม่ลำพองหรือยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองอยู่บ้าง เรื่องนี้ก็ควรจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องได้สำนึกและสำเหนียกไม่กระทำการใดๆ ในลักษณะที่ถูกกล่าวหาอีก
อย่าคิดว่าประชาชนสามัญทั่วไปจะจำแนกแยกแยะไม่ได้ว่าการไปตรวจราชการกับการใช้อำนาจ ใช้ทรัพย์สิน และทรัพยากรของรัฐไปหาเสียงเลือกตั้งนั้นว่าแตกต่างกันอย่างไร
เขารู้กันทั้งประเทศว่าแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะเอาแค่การเปรียบเทียบ การตรวจราชการในอดีตไม่ต้องมากแค่ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ว่าตรวจราชการกันอย่างไรก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน
การตรวจราชการในระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ถ้าเป็นเรื่องราวของหน่วยงานใดปกติก็จะเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงของหน่วยงานนั้นไปตรวจราชการ และเป็นการตรวจราชการเกี่ยวกับเรื่องราวของหน่วยงานที่ไปตรวจราชการนั้น ตรวจราชการกันแล้วก็อาจจะมีการมอบหมายนโยบายก็เท่านั้น กี่ครั้งๆ ก็เป็นเช่นนี้ จนประชาชนและข้าราชการทั้งประเทศก็รู้เห็นกันทั่ว
การตรวจราชการดังกล่าวก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องใช้ยานพาหนะหรือเครื่องมือของรัฐ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปประชุมหรืออธิบาย และอาจมีเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยไปอารักขาตามสมควร ไม่มีการระดมเกณฑ์ประชาชนหรือผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องมาต้อนรับ ไม่มีการนำนักการเมืองไปโชว์ตัวบนเวที ไม่มีการปราศรัยในลักษณะชี้ชวนให้นิยมพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง
นี่คือความจริงที่รู้เห็นกันทั่วๆ กัน แต่ที่เกิดข้อครหาและกังขากันในยามใกล้จะเลือกตั้งนั้นเพราะภายใต้ข้ออ้างว่าไปตรวจราชการ แต่พฤติกรรมและพฤติการณ์ทั้งหลายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ประการแรก มีการระดมยานพาหนะ เครื่องมือเครื่องใช้ของทางราชการแทบจะทั้งจังหวัดเพื่อไปให้บริการกับผู้ไปตรวจราชการ ไม่เว้นแม้กระทั่งรถหุ้มเกราะที่หน่วยทหารหรือหน่วยรักษาความมั่นคงของประเทศในพื้นที่จำเป็นจะต้องใช้เพื่อคุ้มครองชีวิตของทหารและเจ้าหน้าที่ก็ยังระดมกันมา แม้กระทั่งหน่วยงานพิธีก็ให้ระดมกันมาตั้งโต๊ะหมู่บูชา ก็ไม่รู้ว่าจะบูชาเทพยดาองค์ไหน นับเป็นการระดมทรัพยากรของทางราชการมาใช้จนเกินการ เกินสมควร และแตกต่างจากการตรวจราชการในยามที่ไม่มีการเลือกตั้งอย่างสิ้นเชิง
ประการที่สอง มีการสั่งการเป็นหนังสือหรือไม่เป็นหนังสือให้หน่วยงานในท้องที่และท้องถิ่นรวมทั้งหน่วยราชการส่วนภูมิภาค ระดมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐมาให้การต้อนรับ แม้ว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในหัวข้อที่ตรวจราชการก็ตาม และจะเป็นการสั่งการให้มาชุมนุมกัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง ก็พอเห็นได้ว่าเพื่อประกอบบุญญาบารมีให้เห็นว่ามีผู้คนรักใคร่นับถือเป็นอันมาก ทำให้เสียหาย เสียเวลา ในการให้บริการประชาชน หรือในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ คือเสียหายทั้งแก่รัฐ แก่ราชการ และประชาชนไปพร้อมกัน
ประการที่สาม เครือข่ายหรือผู้ปฏิบัติงานของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับผู้ไปตรวจราชการจะระดมประชาชนจากทุกพื้นที่ในเขตเลือกตั้งเพื่อมาพบปะต้อนรับและฟังการปราศรัย มีการไปเช่าเก้าอี้และเครื่องเสียงจำนวนมาก ซึ่งมีลักษณะเป็นการตั้งเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง
ประการที่สี่ จะมีการเปิดตัวโชว์ผู้นำพรรค ว่าที่ผู้สมัครของพรรคบนเวที พร้อมชูธงทิวคำขวัญ และคำนิยมต่างๆ กันตามที่จะเสกสร้างสรรหากันมา
ปรากฏการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีทางเห็นเป็นอย่างอื่นได้นอกจากหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นการที่มีผู้ไปร้องในเรื่องนี้จึงมีเหตุมีผลที่ควรแก่การพิจารณารับฟัง
ในขณะเดียวกัน ประชาชนจะยิ่งรู้สึกว่าความเป็นไปในบ้านเมืองนั้นกำลังมีการโกงการเลือกตั้งครั้งมโหฬารเกิดขึ้น แล้วจะทำกันอย่างไร?

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี