หากนักการเมืองแบ่งผลประโยชน์การเมืองได้ลงตัว ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะมีแนวคิดทางการเมืองอย่างไร (ขอไม่ใช้คำว่าอุดมการณ์การเมือง เพราะหาไม่เจอว่าพรรคไหนมีอุดมการณ์การเมืองชัดๆ) เขาก็สามารถจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาลได้ เพราะเขาคำนวณแล้วว่าเขาจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง เช่น ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ๆ
งบประมาณมากๆ กี่กระทรวง เพราะนั่นคือผลประโยชน์เนื้อๆ ที่เขาจะได้กวาดลงกระเพาะได้ง่ายที่สุด
ส่วนข้ออ้างเรื่องการทำงานเพื่อสาธารณะ เพื่อประเทศ เป็นแค่เพียงข้ออ้างเพื่อให้นักการเมืองดูดีด้วยการสร้างภาพ ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจ หากจะพบว่าหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเกิดการผสมพันธ์ุทางการเมืองชนิดสุดพิสดารระหว่างพรรคการเมืองที่เคยด่าทอกันอย่างสาดเสียเทเสียกันมาก่อน หรือบางพรรคก็อาจจะยกยอว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแบบสุดๆ แต่ก็สามารถผสมพันธ์ุกับพรรคที่ตนเองเคยด่าว่าเป็นเผด็จการสุดขีดตกขอบ ส่วนหัวหน้าพรรคบางคนก็อ้างแล้วว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับรัฐประหาร ทั้งๆ ที่ตนเองลอยหน้าเป็นแกนนำรัฐบาลกับฝ่ายที่ทำรัฐประหารมาโดยตลอด
อุบายการเมืองอย่างหนึ่งของพรรคการเมืองที่เห็นแก่ได้ใช้มาโดยตลอด คือ การโกหกและหลอกตัวเอง แล้วก็หลอกสังคมด้วยการโกหกพกลมต่างๆ นานา อาทิ Landslide พรรคตัวเองทำได้ดีกว่าพรรคอื่นๆ พรรคตัวเองทำมาแล้ว เป็นต้น
ถามว่าทำไมพรรคการเมืองต้องโกหก คำตอบก็คือเพราะการโกหก ช่วยให้คนโกหกนอนหลับแล้วฝันหวาน ดังนั้น จึงต้องใช้การโกหกเป็นยากล่อมประสาทให้ตนเองฟุ้งซ่านน้อยลง
มีการคาดเดาถึงภาพการเมืองไทยในอนาคตว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐจะจับมือร่วมตั้งรัฐบาล แล้วก็อาจจะมีพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมเป็นพรรครัฐบาลผสม แล้วผลักให้พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ฉากทัศน์การเมืองแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่หากเกิดขึ้นจริงแล้ว การเมืองไทยน่าจะสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจเป็นที่สุด เพราะหากประชาธิปัตย์กับก้าวไกลทำหน้าที่ฝ่ายค้านจริงๆ รับรองว่ารัฐสภาไทยจะมีสีสันที่จัดจ้านขึ้นมาโดยพลัน แล้วก็น่าจะสนุกยิ่งขึ้นตรงที่คนที่เคยด่ากันแล้วมาร่วมกันกระชากหน้ากากคนอื่น
แต่ปัญหาคือ ประชาธิปัตย์พร้อมจะเป็นฝ่ายค้านจริงๆ หรือ แต่ทว่าประชาธิปัตย์ก็น่าจะเป็นรัฐบาลยาก เพราะการที่ประชาธิปัตย์ต้องไปอยู่ร่วมกับเพื่อไทย ก็คงเป็นภาพที่แฟนๆ ของพรรครับไม่ได้ แต่จะรับได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของแฟนๆ เพราะต้องไม่ลืมว่าประชาธิปัตย์เคยจับมือกับชาติไทยมาแล้ว แม้ก่อนหน้าจะจับมือกัน ก็ด่ากันแบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่สุดท้ายก็จับมือร่วมรัฐบาลกันได้ เมื่อคุยกันลงตัว แบ่งปันผลประโยชน์ได้แบบ win win
อย่าว่าแต่พรรคการเมืองเลยที่เน้นผลประโยชน์ เฉพาะตัว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเองก็เน้นผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นกัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนเน้นแค่เพียงตนเองจะได้เงินจากการซื้อเสียงเท่าไร ไม่เคยดูถึงนโยบายที่พรรคใช้หาเสียงดังนั้น ต่อให้พรรคการเมืองออกนโยบายลวงโลกสักเท่าไร คนจำพวกนี้ก็ไม่เคยให้ความสนใจ ไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าเรื่องที่พรรคการเมืองโกหกนั้นจะเกิดขึ้นได้จริงๆ อย่างไร ไม่เคยตั้งคำถามด้วยว่า การที่พรรคการเมืองสัญญาว่าจะให้ต่างๆ นานาสารพัด โดยอ้างว่าเป็นนโยบายของพรรคนั้นพรรคจะมีปัญญาหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายให้ตามคำโกหก
การเลือกตั้งในประเทศไทยถูกอ้างว่าเป็นเครื่องยืนยันความเป็นประชาธิปไตยชนิดหนึ่ง แต่คำถามคือคุณแน่ใจจริงๆ หรือว่าคนที่ไปเลือกตั้งทุกคนใช้ดุลพินิจและวิจารณญาณอย่างเข้มข้นก่อนกากบาทเลือกใคร แล้วก็ต้องย้ำว่าการเลือกตั้งไม่ใช่เครื่องยืนยันความเป็นประชาธิปไตย หากการเลือกตั้งนั้นสุดแสนโสโครก
เราต้องไม่โกหกตัวเองว่า ปัจจุบันความขัดแย้งทางความคิดเห็นด้านการเมืองในสังคมไทยยังไม่ได้ลดน้อยลงไปกว่าเมื่อ 7-8 ปีก่อน แม้จะไม่มีการก่อเหตุประท้วงใหญ่โตเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม แต่ก็ต้องยืนยันว่าความแตกแยกได้ฝังรากลึกลงไปในหัวของคนไทยจำนวนไม่น้อย แล้วคนกลุ่มหนึ่งที่ตอกย้ำความแตกแยกให้เกิดมากขึ้นก็คือนักการเมืองจำพวกลวงโลก (อันที่จริงต้องรวมเอาสื่อฯ บางกลุ่มที่ตั้งใจสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นตลอดเวลาด้วย)
เราทุกคนคาดหวังว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงน่าจะทำให้บ้านเมืองของเราสงบมากขึ้น แต่ทว่าความคาดหวังนั้นก็ดูจะเลือนรางมาก เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อนักการเมืองจับขั้วการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองเหมือนเดิม สถานการณ์การเมืองก็น่าจะเลวร้ายลงอีกแล้วก็อาจจะนำพาให้บ้านเมืองของเราจมดิ่งสู่ก้นบึ้งของความแตกแยกที่หนักกว่าเดิม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี