การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรสำหรับการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 พรรคการเมืองขนาดใหญ่ และ ขนาดกลาง ส่งรายชื่อ
ผู้สมัครทั้ง สส.เขตเลือกตั้งและ สส.บัญชีรายชื่อผู้สมัครเรียบร้อยกันทุกพรรคแล้ว
เนื่องจากวัฒนธรรมการเลือกผู้แทนของประเทศไทย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ ยังติดใจระบบอุปถัมภ์ค้ำชู กระแสและอารมณ์ เป็นเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจกาบัตร ดังนั้น พรรคที่ผู้สมัครเป็นคนของบ้านใหญ่ ใจถึง พึ่งได้ มักจะเป็นฝ่ายมีชัยในการเลือกตั้ง
ประเมินจากการแปรพักตร์ย้ายพรรคของนักเลือกตั้งขาใหญ่และผู้สมัครหน้าใหม่ไฟแรง ทำให้คอลัมน์ทวนกระแสข่าวฟันธงว่า การเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 เป็นเวลาที่พรรคร่วมรัฐบาลที่มีผลงานเป็นรูปธรรมชัดเจน อาทิ พรรคประชาธิปัตย์พรรคภูมิใจไทย และ พรรคชาติไทยพัฒนา จะได้รับคะแนนนิยมคืนมาอย่างมีนัย ยกเว้น พรรคพลังประชารัฐ ที่ความนิยมตกต่ำลงไปเพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และสส.บ้านใหญ่ขาใหญ่ ย้ายพรรคออกไปจำนวนมาก
ประกอบกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมคือใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ บัตรใบหนึ่ง เลือก สส.เขต อีกใบเลือก สส.บัญชีรายชื่อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐและพรรคที่อ้างว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตยจะได้คะแนนตกต่ำลงไปอย่างมีนัย เพราะเหตุว่าพรรคพลังประชารัฐและพรรคที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่มีคะแนนพรรคเป็นฐานรองรับที่แน่นอน
เมื่อมาดูผลการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้ สส.เขต 136 คน ไม่ได้ สส.บัญชีรายชื่อเลย พรรคพลังประชารัฐ ได้ สส.เขต 97 คน สส.บัญชีรายชื่อ 18 คน รวมเป็น 115 คน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ สส.เขต 33 คนบัญชีรายชื่อ 19 คน รวมเป็น 52 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทยได้ สส.เขต 39 คน บัญชีรายชื่อ 12 คนรวมเป็น 51 ที่นั่ง
เมื่อเปรียบเทียบจากสถิติจะพบความจริงว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีฐานคะแนนมั่นคงกว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ดังนั้น เมื่อหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ปชป.แสดงความมั่นใจว่าจะได้ สส.เพิ่มจากการเลือกตั้งปี 2562 หลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำพรรคมั่นใจว่าแฟนพันธุ์แท้ของ ปชป.และ คนรุ่นใหม่จะกลับมาไว้วางใจ ปชป.มากขึ้นทั้งในเมืองหลวงและทั่วประเทศ โดยปชป.มั่นใจว่าจะได้สส.บัญชีรายชื่อและสส.เขต เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย
หากเปรียบเทียบจากรายชื่อผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อทุกพรรค พูดได้เต็มปากว่า นายชวน หลีกภัย ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ปชป.มีคุณสมบัติ ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิดีที่สุดในบรรดาผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภาสองสมัย เคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้วเกือบทุกกระทรวง ในห้วงเวลาทำงานการเมืองกว่า 50 ปี นายชวนได้รับสมญานามจากสื่อมวลชนนานาชาติว่าเป็น Mr. Clean เพราะความเป็นนักการเมืองสุจริต โปร่งใส ไม่เคยมีข้อครหาทุจริตคอร์รัปชั่น นี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์
พรรคร่วมรัฐบาลที่มีแนวโน้มเติบใหญ่อย่างก้าวกระโดดคือ พรรคภูมิใจไทย ที่คาดหมายว่าจะได้ สส. ถึง 100 คนบวกลบ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ภท.เติบใหญ่อย่างมีนัย เพราะเหตุว่ามีสส.จากพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ปชป.และพรรคอื่นๆ ย้ายไปร่วมงานกับ ภท.เป็นจำนวนมากและสส.ที่ย้ายเข้าไปส่วนใหญ่เป็น สส.บ้านใหญ่ขาใหญ่ ที่มีคะแนนส่วนตัวเป็นพื้นฐาน ที่สำคัญ ภท.มีนายเนวินชิดชอบ เป็นอาจารย์ใหญ่ให้พรรค
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย นายวราวุธศิลปอาชา อีกหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาลที่มีผลงานเข้าตาประชาชน ซึ่งคาดหมายกันว่าจะได้ สส.เพิ่มขึ้นเป็น25 คน จากที่มี 10 ที่นั่ง ในการเลือกตั้ง 2562
ส่วน พรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ชนะเลือกตั้งปี 2562 เพราะชื่อเสียงบารมีของพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ในฐานะผู้นำคณะผู้รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาลผีหัวขาดของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
แต่เมื่อพลเอกประยุทธ์ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐไปร่วมงานการเมืองกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ”ความนิยมในพลังประชารัฐ ก็ตกต่ำลงอย่างมีนัยจึงประมาณการกันว่า พลังประชารัฐ กับ รวมไทยสร้างชาติ รวมกันจะได้ สส.ไม่เกิน 115 คน ที่สำคัญพลเอกประยุทธ์ไม่ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อโดยให้เหตุผลว่าหากตนได้เป็นนายกฯก็อยู่ได้แค่สองปี วาระที่เหลือส่งต่อให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะหัวหน้าพรรคฯประสานงานเป็นรัฐบาลต่อ
พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ถอดบทเรียนจากดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมิใช่มรดกตกทอดที่มอบให้กันได้ ดร.มหาเธร์ อดีตนายกฯผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองตำแหน่งนายกฯนาน 22 ปี ในนามพรรคอัมโน ประท้วงที่ นายนาจิบ ราซัก หัวหน้าพรรคอัมโนและนายกรัฐมนตรี มีข้อครหาคอร์รัปชั่นเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดร.มหาเธร์ลาออกจากพรรคอัมโน แล้วจัดตั้งพรรคแนวร่วมเฉพาะกิจขึ้นมาชื่อว่า“พรรคแนวร่วมแห่งความหวัง” โดยรวบรวมนักเลือกตั้งร้อยพ่อพันแม่มาอยู่รวมกันรวมทั้งพรรค “ปากาตัน รักยัต” ของภรรยานายอันวาร์ อิบราฮิม โดยสัญญาว่า เมื่อชนะเลือกตั้งจะแบ่งกันเป็นนายกฯคนละ 2 ปีกับนายอันวาร์
ปรากฏว่าพรรคเฉพาะกิจของ ดร.มหาเธร์ชนะเลือกตั้งปี 2561 แต่ในกลางปี 2563 พรรคร่วมรัฐบาลของ ดร.มหาเธร์ ก็ล่มสลาย สภามาเลเซียต้องฟอร์มรัฐบาลใหม่ และแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลใหม่อยู่ได้ 7 เดือน รัฐบาลผสมก็ล่มสลายอีก สภามาเลเซียต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้งและได้นายกฯคนที่ 3 ในระยะเวลาเพียง 3 ปี จนกระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 สุดท้ายได้นายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของมาเลเซีย
ส่วน ดร.มหาเธร์ เมื่อพรรคเฉพาะกิจล่มสลายก็จัดตั้งพรรคของตัวเองขึ้นมาใหม่ชื่อว่าพรรคเปจวง และพ่ายแพ้การเลือกตั้งหมดรูป แม้แต่เขตลังกาวีที่ดร.มหาเธร์พัฒนาจนเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่ผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่าดร.มหาเธร์มาอันดับสี่ นับเป็นการจบชีวิตการเมือง 57 ปีที่เงียบเหงาที่สุด
สรุปว่าในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 พรรคร่วมรัฐบาลเก่าอาจได้ สส.รวมกันเกิน 250 ที่นั่งส่วนใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ใครเป็นนายกรัฐมนตรีค่อยว่ากันทีหลัง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี