1. วาทกรรม “คิดใหญ่ ทำเป็น”
เป็นการกล่าวเพื่อจะสร้างภาพยกย่องเชิดชูตนเอง เกินเลยความเป็นจริง
ความจริง พรรคพวกตนเคยบริหารประเทศล้มเหลว มากมายหลายเรื่อง
อาทิ
เคยหาเสียงว่า ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท แต่สุดท้าย เมื่อได้เป็นรัฐบาลสมัยยิ่งลักษณ์ก็ยอมรับว่าทำไม่ได้จริง ติดเงื่อนไขสัญญากับเอกชน
เคยหาเสียงว่า แก้รถติดใน 6 เดือน แต่สุดท้าย เมื่อทักษิณได้เป็นรับผิดชอบจริง ก็แก้ไม่ได้ ทำได้แค่ขึ้นป้ายรณรงค์คงวินัยจราจร
เคยหาเสียงว่าจะเลิกกองทุนน้ำมัน จะกระชากค่าครองชีพลงมา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
เคยหาเสียงว่าจะแก้ไข ไม่แก้แค้น ไม่นิรโทษคดีทักษิณ แต่สุดท้าย ลักหลับ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีโกง คดีฆ่า คดีเผา ล้างผิดให้ทักษิณ
โครงการบ้านเอื้ออาทร มีการทุริต โกงกิน ล้มเหลว สร้างไม่เสร็จ ทิ้งร้าง ฯลฯ สร้างต้นทุนภาระหนี้สะสมหลายหมื่นล้านบาท คดีสินบนบ้านเอื้ออาทรมีอดีตรัฐมนตรีและพ่อค้าติดคุกอยู่ในเรือนจำ
โครงการจำนำข้าว เคยโวว่าทำได้จริง ไม่ขาดทุน โปร่งใส แต่ความจริงปรากฏว่า ไม่มีชาวนาได้ราคา 15,000 บาทต่อตันสักราย (ถูกหักค่าความชื้น ฯลฯ) ได้รับเงินล่าช้า แต่ประเทศชาติเสียเงินไปอุดหนุนโครงการนี้มหาศาล เกินกรอบที่วางไว้ เพราะมีการทุจริต โกงกินร้ายกาจ โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ละเว้นไม่ระงับยับยั้งการขายข้าวจีทูจีเก๊ ทิ้งภาระหนี้มหาศาลไว้จนบัดนี้ ยังเหลือกว่า 2 แสนล้านบาท อดีตนายกฯหนีคุก อดีตรัฐมนตรีและพ่อค้าติดคุก
โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน บริหารผิดพลาด ล้มเหลว ดำเนินการเปิดประมูลเป็นโมดูล มัดรวมสารพัดโครงการที่ยังไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่า ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่ผ่านประชาพิจารณ์ใดๆ ขัดรัฐธรรมนูญ แถมเอกชนรายใหญ่ที่ได้งานก็คือเค-วอเตอร์ ที่ทักษิณบินไปเจรจาพูดคุยก่อนประมูล สุดท้าย โครงการล่มไป ยังมีคดีประมูลโครงการอยู่ที่ ป.ป.ช.
โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน บริหารจัดการผิดพลาด ล้มเหลว ใช้วิธีออกกฎหมายเฉพาะเพื่อกู้เงินมาทำโครงการที่ยังไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่า ยังไม่มีรายละเอียดโครงการที่แน่ชัดเลยด้วยซ้ำ โดยแยกขาดจากกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนพิจารณาตรวจสอบกลั่นกรองงบประมาณตามปกติ ถ้าเงินเหลือเงินทอนก็ไม่ต้องส่งกลับคลังหลวง แต่เปิดช่องเอาไปทำโครงการอื่นๆ ผิดวินัยการเงินการคลังอย่างร้ายแรง ยังมีคดีฮั้วประมูลโรดโชว์อยู่ในชั้นศาล
ฯลฯ
2. วาทกรรม “ประเทศไม่มีการพัฒนา อยู่ในหลุมดำ เศรษฐกิจยังอยู่ในไอซียู ต้องกระตุ้นขนานใหญ่”
เป็นการบิดเบือนแต่งเรื่อง เพื่อจะแจกจ่ายเงินหลวงจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หวังแย่งชิงอำนาจรัฐ
8 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปมหาศาล ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ถนน หนทาง สนามบิน ท่าเรือ ระบบราง โครงข่ายโทรคมนาคม ทันสมัย รวดเร็ว ทั่วถึง ค้าขายออนไลน์เติบใหญ่ การชำระเงินผ่านมือถือสะดวก เกิดพ่อค้าแม่ขายออนไลน์มากมาย มีการลงทุนใหม่ๆ มหาศาล ฟื้นสัมพันธ์กับซาอุฯ ต่างชาติยอมรับ
ประเทศไทยผ่านวิกฤตโลก อย่างโควิด-19 รวมทั้งวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์โลก วิกฤตพลังงาน ไทยได้รับผลกระทบรุนแรง แต่ปัจจุบัน เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาแล้ว อาทิ ยอดขายรถยนต์พุ่ง ยอดขายบ้านสูงเป็นประวัติการณ์ ยอดคนเดินทางท่องเที่ยว งานอีเว้นท์ต่างๆ คนล้นทะลัก สงกรานต์มีเงินหมุนเวียนสะพัดกว่าทุกปี ฯลฯ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ชี้ว่า ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเจอหลาย shock ทั้งวิกฤตโควิด เงินเฟ้อสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน USD แข็งค่าและล่าสุดปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ ที่แสดงถึงอาการ “น้ำลดตอผุด” หลังเจอดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่เศรษฐกิจไทยผ่านมาได้ และคาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง เสถียรภาพด้านต่างๆ เช่น ระบบสถาบันการเงิน ด้านต่างประเทศ เข้มแข็ง
ปีนี้ แรงส่งหลักของเศรษฐกิจไทยมาจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ขณะที่การส่งออกคาดปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
จากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง นโยบายเศรษฐกิจปัจจุบันควรคำนึงถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศและทยอยปรับสู่ภาวะปกติ มากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจแบบหว่านแหวงกว้าง
ลักษณะนโยบายที่อยากเห็น คือ ต้องไม่บั่นทอนเสถียรภาพของประเทศ ทั้งด้านราคา ต่างประเทศ ระบบสถาบันการเงิน และการคลัง วิกฤตในต่างประเทศหลายครั้งเกิดจากการขาดเสถียรภาพด้านใดด้านหนึ่ง นโยบายเศรษฐกิจมหภาคควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม พัฒนาระบบ social safety net ซึ่งต้องประเมินผลดี-ผลเสียของนโยบายอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงทรัพยากรที่มีจำกัด
“ในอดีตที่ผ่านมา เราทำกันเยอะแล้ว กระตุ้นโน่นนี่ก็เห็นว่าได้ผลแค่ชั่วคราว แต่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นด้วย
คือหนี้มันโตขึ้น ดังนั้น การทำนโยบายต้องมองให้ครบทั้งระยะสั้นยาว ค่าเสียโอกาส และงบประมาณที่เรามีจำกัด
...หากนำเงินที่มีจำกัดไปช่วยคนรวยก็ไม่สมเหตุสมผล จึงควรนำเงินไปช่วยเหลือคนจนให้ตรงกลุ่ม เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน เงินลงไปคนจนมากกว่าทำเหวี่ยงแหทอดแห” – ผู้ว่าการแบงก์ชาติกล่าว
3. วาทกรรม “จำนำข้าวเป็นเรื่องเก่า ศาลปกครองกลางยกคำร้อง ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย จำนำข้าวยิ่งลักษณ์ไม่ผิด”
ความจริง คดีจำนำข้าวไม่ใช่เรื่องเก่า ปัจจุบัน ยังมีอีกหลายคดีที่อยู่ในชั้นศาล
ปัจจุบัน หนี้จำนำข้าว ยังเหลืออยู่กว่า 2 แสนล้านบาท ยังต้องตั้งงบประมาณชดใช้ทุกๆ ปี
ผู้สมัคร สส. กองเชียร์และบริวาร พยายามบิดเบือนว่า ยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิดเรื่องจำนำข้าว โดยอ้างว่าศาลปกครองกลางพิพากษาว่าไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน 3.5 หมื่นล้าน
แต่ความจริง คือ ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้วว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดจริง โทษจำคุก 5 ปี จนเจ้าตัวหนีไปต่างประเทศ มีหมายจับติดตัว
ลืมแล้วหรือ ยิ่งลักษณ์ไปสู้คดีในชั้นศาล มีกองเชียร์ช่วยกดดัน มีทีมระดับอดีตอัยการสูงสุดเป็นกุนซือ แต่ในที่สุด เมื่อดูท่าว่าจะแพ้คดี สู้ไม่ได้ ก็หลบหนี ขนาดกองเชียร์ยังงงๆ ทิ้งให้บุญทรงกับพวกติดคุกในคดีข้าวจีทูจี
ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า “..การกระทําของจําเลย (ยิ่งลักษณ์) จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1”
อย่าลืม ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า
...ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว และยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้ และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อน โดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔”
ส่วนคดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษา (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน
ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง
ศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง อันนั้นเป็นความผิดทางอาญา และศาลฎีกาฯ ชี้ขาดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์ทุจริตต่อหน้าที่
ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอนได้เลย
ขณะนี้ คดีศาลปกครอง ได้มีการอุทธรณ์คดีไปที่ศาลปกครองสูงสุด ต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี