ท่ามกลางความสับสนยุ่งเหยิงในสังคมที่เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบความโลภและความเห็นแก่ตัว ก็มีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ผมประสบด้วยตัวเอง และมีความซาบซึ้งประทับใจที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ก็อดจะนำมาเล่าสู่กันฟังมิได้ เพื่อจะได้เสริมขวัญและกำลังใจซึ่งกันและกัน
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมต้องไปทำธุระแถวสวนลุมพินีในช่วงเช้าก็ไปก่อนเวลาพอสมควรในตอนเช้าตรู่ เพื่อไปหาอาหารรับประทานที่ลานตลาดสด ตรงหัวมุมกำแพงด้านตะวันตกเฉียงเหนือของสวนลุมพินี ผมและภรรยาก็แต่งตัวแบบสบายๆ โดยผมใส่รองเท้ายางกางเกงสไตล์กางเกงยีนส์สีดำ เสื้อสีเทาแขนสั้น พร้อมใส่แว่นตาดำและถือไม้เท้าคนตาบอด เนื่องจากเป็นโรคสายตาเลือนราง แพทย์จึงแนะนำให้ผมไปไหนมาไหนกับไม้เท้าคู่ชีพอันนี้
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่เอร็ดอร่อย ตามด้วยกาแฟดำตำรับชาวบ้าน ผมก็ลุกขึ้นเตรียมตัวเพื่อจะเดินไปขึ้นรถกลับบ้าน โดยผมถือไม้เท้าด้วยมือข้างขวา ข้างซ้ายสะพายย่ามที่เต็มไปด้วยขนมไทยๆ ที่ภรรยาผมไปซื้อมาเพื่อนำกลับมารับประทานที่บ้าน ส่วนมือข้างซ้ายก็ถือถ้วยกาแฟที่ดื่มไปแล้วประมาณครึ่งถ้วย เพื่อเดินไปรอขึ้นรถที่ริมถนน โดยมีภรรยาผมคอยแตะข้อศอกข้างซ้ายของผมไว้ เพื่อช่วยประคับประคองเพื่อไม่ให้เดินสะเปะสะปะไปเกะกะชาวบ้าน
เมื่อผมเดินก้าวไปได้ในระยะหนึ่ง ก็ปรากฏว่ามีสตรีผู้หนึ่งมายืนข้างๆ ผมก็นึกว่าไม้เท้าของผมคงไปปัดแข้งปัดขาเขา ก็เลยกล่าวขอโทษเป็นการใหญ่ ซึ่งในขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงภรรยาผมกล่าวว่าไม่ใช่ค่ะ ไม่ต้องค่ะ พร้อมกับมีมือขลุกขลักอยู่ที่ถ้วยกาแฟผม หลังจากงงๆ กันสักครู่ ก็สรุปความได้ว่าสุภาพสตรีท่านนั้นน่าจะคิดว่าผมเป็นคนพิการมาเดินตระเวนขอเงินบริจาคตามตลาดและท้องถนน โดยมีคนติดตามมาด้วย ก็เลยควักธนบัตรฉบับละ 20 บาท หย่อนไปในถ้วยกาแฟของผม เมื่อภรรยาผมพยายามหยิบออก แต่สุภาพสตรีท่านนั้นมือไวกว่าจึงดันธนบัตรนั้นลงไปในถ้วยกาแฟให้ลึกลงไป (คงด้วยเกรงว่าธนบัตรนั้นจะหลุดออกมา) จนเมื่อเธอตระหนักถึงความเข้าใจผิดของตน ก็รีบกล่าวขอโทษเป็นการใหญ่ และจะไปซื้อกาแฟถ้วยใหม่มาชดเชยให้ ซึ่งภรรยาผมได้บอกไปว่าไม่เป็นไรคะ แต่ขอช่วยนำถ้วยกาแฟนี้ไปทิ้ง และหยิบธนบัตร 20 บาทนั้นคืนให้กับเธอไป รวมความว่าต่างตกอกตกใจกันทั้งสองฝ่าย ก็เลยไม่มีเวลาไต่ถามชื่อเสียงเรียงนาม ถามทุกข์สุข ก่อนจะแยกย้ายกันไป
แม้ผมเองจะติดใจรสกาแฟแก้วนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถือโกรธหรือรำคาญใจสตรีท่านนั้นแต่อย่างใด มีเพียงความรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจและมิตรไมตรีของสุภาพสตรีท่านนี้ ในขณะที่ผมและภรรยาพยุงกันเพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านต่อ ผมก็คิดในใจว่า ชีวิตนี้ก็แปลกดีหนอ วันหนึ่งไปไหนมาไหนมีคนมายืนต้อนรับมากมาย พอวันหนึ่งกลับกลายมีคนคิดว่าเป็นยาจกไปได้เสียงั้น ชีวิตช่างไม่มีอะไรแน่นอน และการนี้ผมยังแอบชมตัวเองในใจด้วยว่า เราน่าพอจะเป็นนักแสดงหนังแสดงละครได้ เพราะสามารถแต่งตัว และมีมาดของการเป็นคนยากไร้อย่างเป็นธรรมชาติ และก็มีข้อคิดต่อไปว่า การถ่อมตนไม่ยึดมั่นถือมั่นเป็นคำสั่งสอนที่แสนจะดีและแสนประเสริฐ
อย่างไรก็ดี ผมอยากขอใช้พื้นที่นี้ในการขอบคุณสุภาพสตรีท่านนั้น ในน้ำใจอันดีงามของเธอ และขออวยพรให้มีความผาสุกทั้งชีวิต การงาน และสุขภาพ และให้เป็นผู้ทำความดีต่อสังคมยิ่งๆ ขึ้นต่อไป
ในอีกเหตุการณ์หนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้ชายอายุ 8 ขวบ เป็นพลเมืองเมียนมา (พม่า) ชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดง มีสถานะเป็นผู้อพยพลี้ภัยพร้อมกับมารดา น้องชาย และน้องสาว ผมได้พบกับหนุ่มน้อยผู้นี้เพราะเขาติดตามมารดามาร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับความเป็นไปในเมียนมา ความเป็นไปที่ชายแดนไทย-เมียนมา และสถานะที่เป็นอยู่ และประเด็นปัญหาในฐานะผู้ลี้ภัย ที่อยู่ในความคุ้มครองของหน่วยงานหนึ่งขององค์การสหประชาชาติที่กรุงเทพฯ
เมื่อเราประชุมกันได้พักใหญ่ ก็ถึงเวลารับประทานอาหาร และเพื่อความสะดวกรวดเร็ว เราต่างก็สั่งแฮมเบอร์เกอร์ มารับประทานกันคนละอัน 2 อัน เราก็คุยกันไปกินกันไปพักหนึ่ง ก็เหลือบมาเห็นหนุ่มน้อยผู้นี้ว่า ยังมิได้แตะต้องแฮมเบอร์เกอร์ของเขาแต่อย่างใด ก็เลยถามว่าทำไมไม่กินเสียล่ะเขาก็ตอบว่า จะขอเก็บไว้เพื่อเอาไปให้น้องชาย และน้องสาวได้ทาน
เมื่อพวกเราทั้งหมดได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกสะอื้นในอกไปตามๆ กัน เขาต้องอพยพลี้ภัยมาจากสงครามกลางเมืองและความโหดร้ายทารุณของกองทัพพม่าครอบครัวต้องพลัดพราก ด้วยความที่บิดาของเขามีความรักชาติ รักบ้านเมืองรักท้องถิ่น จึงตัดสินใจที่จะอยู่ในพม่าต่อไป เพื่อต่อต้านกองทัพพม่า และนำประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพกลับสู่พม่า ซึ่งในการนี้ เขารู้ว่าไม่สามารถที่จะปกป้องคุ้มครองภัยให้กับภรรยาและลูกได้ จึงต้องส่งมาหาที่ปลอดภัยอาศัย นั่นก็คือ ราชอาณาจักรไทย และการคุ้มครองจากประชาคมโลก
ผมรู้สึกซาบซึ้งกับเด็กกะเหรี่ยงแดงคนนี้เป็นอย่างมาก จึงบอกกับมารดาของเขาว่า ช่วยประคับประคองเขาให้ดีที่สุด แม้จะอยู่ภายใต้สภาพ และสภาวะแวดล้อมที่ค่อนข้างจำกัด เพราะผมเชื่อว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่า มีความประเสริฐ ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
ผมได้มีโอกาสไปพบปะและอำลาครอบครัวนี้ก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องบินไปสหรัฐอเมริกา เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งผมก็ให้คำมั่นสัญญากับภรรยาเขาว่า จะหาโอกาสพบปะกับสามีของเขา เพื่อร่วมมือช่วยเหลือเท่าที่จะกระทำได้ ทั้งในนามของผมเอง และองค์กรภาคประชาสังคมที่ผมสังกัดอยู่ ผมได้แสดงความหวังว่า ในที่สุดแล้วครอบครัวทั้งหมดจะได้กลับมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกันอีก (Re-united) แม้สตรีผู้นี้ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักในแวดวงพม่า เพราะเป็นนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยที่เป็นเป้าหมายของการขจัดให้สิ้นแผ่นดินของฝ่ายกองทัพพม่า
เรื่องที่ผมนำมาเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องในมุมเล็กๆ ที่แสดงความยิ่งใหญ่ในหัวจิตหัวใจของมนุษย์ ซึ่งไม่เลือกเผ่าพันธุ์ ไม่เลือกสถานที่ โดยเราคนไทยต้องไม่ท้อแท้ และต้องร่วมด้วยช่วยกันบนพื้นฐานของความถูกต้องชอบธรรม ของความมีน้ำใจ และเกื้อกูลต่อกันและกัน เพื่อให้สังคมไทยของเราเป็นสังคมที่น่าอยู่ น่าอาศัย เป็นแผ่นดินทองของลูกหลานชาวไทยไปตลอดกาล
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี